ดร.ซุนยัดเซน ปฏิวัติล้มล้างการปกครองของราชวงศ์ชิงในปี 1911 ในขณะนั้นจีนไม่มีกฎหมายอะไรแม้แต่อย่างเดียว สังคมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ต่อมา ดร.ซุนยัดเซนได้ประกาศธรรมนูญการปกครองแผ่นดินแห่งสาธารณรัฐจีนเพื่อใช้เป็นกฎหมายพื้นฐานเป็นการชั่วคราวในปี 1912 หลังจากนั้น สภาแห่งสาธารณรัฐจีนได้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐจีน (ฉบับเทียนฐาน) ในปี 1913 ทำให้เหวียนซื่อไข่ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีในขณะนั้น ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขามีแผนการที่จะสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิราชวงศ์ใหม่ จึงประกาศยุบสภาและประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินของตนเองแทน หลังจากนั้น ผู้นำต่อมาหลายคนได้พยายามร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาแต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากอยู่ในอำนาจได้ไม่นาน
ปี 1928 พรรคก๊กมินตั๋งสามารถปราบปรามขุนศึกตามท้องถิ่นต่างๆ และรวบรวมประเทศเป็นปึกแผ่น จึงได้จัดประชุมใหญ่สภาประชาชนและประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินแห่งสาธารณรัฐจีนฉบับใหม่ ซึ่งได้ยึดถือหลักการของ ดร.ซุนยัดเซน เป็นพื้นฐาน อันประกอบด้วย 民族(ประชาชาติ)民权 (อธิปไตยของปวงชน) และ民生(ความอยู่ดีกินดีและเท่าเทียมกันของมวลชน) นอกจากนี้ยังยึดถืออำนาจองค์กรอิสระ 5 สถาบันเป็นหลัก อันได้แก่ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายสอบแข่งขัน และ ฝ่ายอัยการ ในการปกครองบ้านเมือง ในปี 1936 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐจีนเสร็จเรียบร้อย ประกาศในวันที่ 5 พฤษภาคม และควรจะได้รับการพิจารณาจากที่ประชุมใหญ่สภาประชาชนในปีเดียวกัน แต่ด้วยการรุกขนานใหญ่ของญี่ปุ่นที่เริ่มขึ้นในปีนั้น จึงยังไม่ทันได้ประกาศใช้ แต่ก็ถือเป็นแนวทางหลักของร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่อๆ มา
ปี 1938 รัฐบาลขณะนั้นได้พยายามจัดตั้งคณะกรรมการปรองดองทางการเมืองเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองอย่างกว้างขวาง โดยการรวบรวมผู้คนทั้งจากพรรคก๊กมินตั๋ง พรรคคอมมิวนิสต์และพรรคประชาธิปัตย์ให้เข้าร่วม แนวทางจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปสู่อำนาจอิสระ 3 องค์กรแบบทั่วไป อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์เริ่มรุนแรงขึ้น ในที่สุดรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งได้ประกาศใช้ “รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐจีน” ในปี 1946 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 ธันวาคม 1947 โดยที่เนื้อหากลับไปใกล้เคียงกับ “ฉบับ 5 พฤษภา” เป็นส่วนใหญ่
กล่าวกันว่า รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐจีนเป็นแบบฉบับแห่งรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาโดยแท้ อันมีองค์ประกอบหลัก 3 ส่วนด้วยคือ Constitution of Liberty ซึ่งก็คือ เสรีภาพแห่งประชาชน Constitution of Government หรือการคานอำนาจรัฐบาล และ Constitution of Sovereignty หรืออำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของปวงชน บทนำของรัฐธรรมนูญยังได้กล่าวถึง องค์กรที่ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาของอำนาจในการร่างรัฐธรรมนูญ หลักการแห่งรัฐธรรมนูญ (แนวคิดของ ดร.ซุนยัดเซน) วัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญ (สวัสดิการแห่งประชาชน) และความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนี้ด้วยความกระชับแต่ได้ใจความ
หมวดที่ 2 เสรีภาพแห่งปวงชน กล่าวถึงเสรีภาพต่างๆ ได้แก่ เสรีภาพจากการถูกจองจำ เสรีภาพในการสื่อสารและชุมนุม เสรีภาพในการอยู่อาศัยและอาชีพ กับสิทธิและหน้าที่ต่างๆ ตามกฎหมาย
หมวดที่ 3 ที่ประชุมใหญ่สภาประชาชน ผู้แทนสภาประชาชนมาจากการเลือกตั้ง อำเภอละ 1 คน และอีก 1 คนต่อประชาชนทุกๆ 5 แสนคน ที่น่าสนใจคือ ประเทศจีนมีอำเภอหรือเทียบเท่าเป็นจำนวนถึงกว่า 3,000 แห่ง ที่ประชุมใหญ่สภาประชาชนมีขึ้นทุกๆ 6 ปี มีอำนาจในการแต่งตั้ง ถอดถอน ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี การแก้ไขรัฐธรรมนูญและรับรองร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านสภานิติบัญญัติ ดร.ซุนยัดเซนได้แนวคิดนี้มาจากระบบ electorate ของสหรัฐอเมริกา
หมวดที่ 4 ประธานาธิบดี ระบุถึง ความเป็นประมุขของชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด การทำสนธิสัญญาและประกาศสงคราม การประกาศภาวะฉุกเฉินโดยความเห็นขอบของสภานิติบัญญัติ การนิรโทษกรรม การแต่งตั้งถอดถอนข้าราชการ การเลือกตั้งประธานาธิบดี อายุขั้นต่ำ 40 ปี ตำแหน่งมีวาระ 6 ปี ฝ่ายบริหารรักษาการประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี
หมวดที่ 5 ฝ่ายบริหาร มีผู้นำสูงสุดเป็นนายกรัฐมนตรีโดยการเสนอชื่อของประธานาธิบดี และสภานิติบัญญัติเห็นชอบ ฝ่ายบริหารจะต้องแถลงนโยบายและรับผิดชอบต่อสภานิติบัญญัติ
หมวดที่ 6 นิติบัญญัติ สมาชิกสภานิติบัญญัติมาจากการเลือกตั้งในแต่ละมณฑล 5 คน สำหรับประชากรที่ไม่เกิน 3 ล้านคน และอีก 1 คน สำหรับประชากรทุกๆ 1 ล้านคน (ถ้าหากใช้หลักการนี้ในปัจจุบันอาจมีจำนวนกว่า 1,000 คน) โดยมีวาระ 3 ปี แต่ดำรงตำแหน่งซ้ำได้ถ้าหากได้รับเลือกตั้ง
หมวดที่ 7 ฝ่ายตุลาการ รับผิดชอบคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง การลงโทษข้าราชการและการตีความคำสั่ง กฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ประธาน รองประธาน และตุลาการได้รับการแต่งตั้งโดยการเสนอชื่อของประธานาธิบดีและการเห็นชอบของฝ่ายอัยการ ตำแหน่งตุลาการมีวาระตลอดชีวิต
หมวดที่ 8 ฝ่ายสอบแข่งขัน มีหน้าที่จัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุข้าราชการ ประเมินผล ปรับย้าย สวัสดิการ รางวัล บำเหน็จบำนาญ ประธาน รองประธาน และกรรมการในฝ่ายนี้ได้รับการแต่งตั้งโดยการเสนอชื่อของประธานาธิบดี และเห็นชอบของฝ่ายอัยการ
หมวดที่ 9 ฝ่ายอัยการ กรรมการในฝ่ายอัยการมาจากการเลือกตั้งของสภามณฑลแต่ละแห่ง แห่งละ 5 คน มีวาระดำรงตำแหน่ง 6 ปี และดำรงตำแหน่งซ้ำได้ ถ้าหากได้รับการเลือกตั้ง การใช้อำนาจเห็นชอบตำแหน่งต่างๆ ใช้เสียงข้างมากของกรรมการ ฝ่ายอัยการมีอำนาจตรวจสอบคำสั่งของหน่วยราชการต่างๆ ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และสั่งให้แก้ไขได้ ถ้าหากมีการปฏิบัติราชการโดยมิชอบ อัยการ 1 คน มีอำนาจเสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนไม่น้อยกว่า 9 คนเพื่อดำเนินคดีได้ การสอบสวนดำเนินคดีกับประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีอาจทำโดยการนำเสนอของกรรมการอัยการไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 และลงมติโดยเสียงข้างมากของกรรมการอัยการทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สภาประชาชนต่อไป
หมวดที่ 10-12 กล่าวถึง การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยระบุถึงอำนาจหน้าที่ตั้งแต่รัฐบาลกลาง รัฐบาลมณฑล ไปจนถึงรัฐบาลอำเภอ และกำหนดให้รัฐบาลระดับที่เหนือกว่าตรากฎหมายให้รัฐบาลระดับรองลงไปนำไปปฏิบัติ ในลักษณะที่เป็นรัฐเดียวไม่ใช่สหพันธรัฐ
หมวดที่ 13 นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ แยกออกเป็นส่วนต่างๆ ได้แก่ การป้องกันประเทศ การต่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคม การศึกษาวัฒนธรรม และพื้นที่ช