Previous research on stigma towards

Previous research on stigma towards children with ADHD, depression and LD
A study by Walker et al. (2008) assessed the attitudes of American children (aged 8–18 years) towards ADHD, depression and LD. Coleman et al. (2009) expanded on these findings by investigating children’s beliefs regarding how these disorders emerge. Both studies utilised a vignette methodology and found that children displayed more negative attitudes towards depression and ADHD than asthma. Walker et al. (2008) found that children were less likely to want to be socially close to those with depression and ADHD than those with asthma, and children displayed the most stigmatising attitudes towards depression. These studies investigated attitudes of older children than those in the current sample. They also utilised non-validated vignettes and questionnaires and did not incorporate a ‘normal’ control vignette.
More recently Swords, Heary and Hennessy’s (2011) research involved Irish children (ages 6–16 years). Again this study utilised a vignette methodology but varied the gender and disorder (ADHD or depression) of the target vignette. One of the measures used was elements of the Shared Activities Questionnaire (SAQ; Morgan, Walker and Bieberich et al., 1996) investigating the conative component of attitudes. The findings were that the age and gender of the participant and the perceived responsibility of the target character for his or her condition were the most important predictors of positive attitudes. However, attitudes were found to vary depending on the gender of the target child and the condition the target character had (ADHD or depression). For example within the ADHD models, older participants tended to give higher ratings of acceptance. In contrast, for the male depressed character, older age predicted less acceptance of the target character. Additionally if the participant was female higher ratings of acceptance were found for both male and female characters with ADHD and the female character with depression.
The current research expands upon the findings from Walker et al. (2008), Coleman et al. (2009) and Swords et al. (2011). Firstly, the current study investigates younger children of primary school age. Secondly, this study utilized validated questionnaires and vignettes and a ‘normal’ control vignette. Finally, this study assesses both the cognitive and the conative components of attitudes which are thought to encompass all aspects of the attitudinal concept (Gottlieb and Gottlieb, 1977).
In relation to LD, there appears to be a gap in the literature surrounding primary school children’s attitudes towards more general LD. For the purposes of this research the Diagnostic and Statistical Manual for Mental Disorders’ (DSM-IV, 1994) definition of mental retardation was utilised. This diagnosis involves individuals having belowaverage intellectual functioning and impairments in tasks required for daily living such as communication, self-care and social skills.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สติกมาต่อเด็กที่มีภาระผูกพัน ภาวะซึมเศร้า และ LD วิจัยก่อนหน้านี้การศึกษาโดย Walker et al. (2008) ประเมินทัศนคติของอเมริกันเด็กอายุ 8 – 18 ปีภาระผูกพัน ภาวะซึมเศร้า และ LD. โคล์ et al. (2009) ขยายบนเหล่านี้ค้นพบ โดยการตรวจสอบเด็กความเชื่อเกี่ยวกับการเกิดโรคเหล่านี้ ศึกษาทั้งสองใช้วิธีมาก และพบว่า เด็กแสดงเพิ่มลบทัศนคติภาวะซึมเศร้าและภาระผูกพันกว่าโรคหอบหืด Walker et al. (2008) พบว่า เด็กมีแนวโน้มน้อยที่ต้องสังคมผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าและภาระผูกพันมากกว่าผู้ที่มีโรคหอบหืด และเด็กแสดงทัศนคติภาวะซึมเศร้ามากที่สุด stigmatising การศึกษานี้ตรวจสอบทัศนคติของเด็กในตัวอย่างปัจจุบัน นอกจากนี้พวกเขายังใช้ vignettes ไม่ตรวจสอบและแบบสอบถาม และไม่รวมมากควบคุม 'ปกติ'เมื่อเร็ว ๆ นี้ดาบ Heary และเฮนเนสซี่วีของ (2011) งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับไอริชเด็ก (อายุ 6-16 ปี) อีกการศึกษานี้ใช้วิธีมาก แต่แตกต่างกันเพศและโรค (ภาระผูกพันหรือซึมเศร้า) ของมากเป้าหมาย มาตรการที่ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นองค์ประกอบของการร่วมกิจกรรมแบบสอบถาม (SAQ มอร์แกน วอล์คเกอร์ และ Bieberich et al., 1996) การตรวจสอบคอมโพเนนต์ conative ของทัศนคติ ผลการวิจัยได้ว่า อายุและเพศของผู้เข้าร่วมและรับผิดชอบรับรู้อักขระเป้าหมายสำหรับเงื่อนไขของเขา หรือเธอได้ predictors สำคัญของทัศนคติบวก อย่างไรก็ตาม ทัศนคติพบการเปลี่ยนแปลงไปตามเพศของเด็กเป้าหมาย และเงื่อนไขตัวละครเป้าหมายได้ (ภาระผูกพันหรือซึมเศร้า) เช่น ในรูปแบบภาระผูกพัน คนเก่ามีแนวโน้มให้อันดับสูงยอมรับ ในทางตรงกันข้าม อักขระคนเพศชาย อายุเก่าทำนายน้อยยอมรับอักขระเป้าหมาย นอกจากนี้ถ้าผู้เรียนหญิง อันดับสูงยอมรับพบอักขระทั้งชาย และหญิงที่ มีภาระผูกพันและตัวละครหญิง มีภาวะซึมเศร้างานวิจัยปัจจุบันขยายตัวตามผลการวิจัยจาก Walker et al. (2008), al. และโคล์ (2009) และดาบ et al. (2011) ประการแรก การศึกษาปัจจุบันตรวจสอบเด็กประถมอายุ ประการที่สอง การศึกษานี้ใช้แบบสอบถามตรวจ และ vignettes และมากควบคุม 'ปกติ' สุดท้าย ศึกษาประเมินการรับรู้และส่วนประกอบ conative ของทัศนคติที่มีความคิดที่รอบด้านทั้งหมดของแนวคิด attitudinal (Gottlieb และ Gottlieb, 1977)เกี่ยวกับ LD ปรากฏ ช่องว่างในวรรณคดีรอบเด็กประถมทัศนคติทั่วไป LD. สำหรับวัตถุประสงค์นี้วิจัยวินิจฉัยและคู่มือสถิติสำหรับจิตโรค (DSM-IV, 1994) เป็นใช้คำนิยามของปัญญา วินิจฉัยนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มี belowaverage ทำงานทางปัญญาและไหวสามารถในภารกิจที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันเช่นการสื่อสาร สุขภาพ และสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิจัยก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความอัปยศต่อเด็กที่มีสมาธิสั้นซึมเศร้าและ LD
ศึกษาโดยวอล์คเกอร์, et al (2008) การประเมินทัศนคติของเด็กอเมริกัน (อายุ 8-18 ปี) ที่มีต่อโรคภาวะซึมเศร้าและ LD โคลแมน, et al (2009) ขยายผลการวิจัยเหล่านี้โดยการตรวจสอบความเชื่อของเด็กเกี่ยวกับวิธีการเหล่านี้เกิดความผิดปกติ การศึกษาทั้งสองใช้วิธีการบทความและพบว่าเด็กที่แสดงทัศนคติเชิงลบมากขึ้นต่อภาวะซึมเศร้าและโรคหอบหืดโรคสมาธิสั้นกว่า วอล์คเกอร์, et al (2008) พบว่าเด็กมีโอกาสน้อยที่จะต้องการที่จะเป็นสังคมที่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าและสมาธิสั้นกว่าผู้ที่มีโรคหอบหืดและเด็กที่แสดงทัศนคติ stigmatizing มากที่สุดต่อภาวะซึมเศร้า การศึกษาเหล่านี้ตรวจสอบทัศนคติของเด็กที่มีอายุมากกว่าผู้ที่อยู่ในกลุ่มตัวอย่างในปัจจุบัน พวกเขายังใช้สะเปะสะปะที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบและแบบสอบถามและไม่รวม 'ปกติ' บทความควบคุม.
เมื่อเร็ว ๆ นี้ดาบ Heary และเฮนเนสของ (2011) การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเด็กไอริช (อายุ 6-16 ปี) อีกครั้งการศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการบทความ แต่แตกต่างกันทางเพศและความผิดปกติ (ADHD หรือภาวะซึมเศร้า) ของบทความเป้าหมาย หนึ่งในมาตรการที่ใช้เป็นองค์ประกอบของกิจกรรมที่ใช้ร่วมกันแบบสอบถาม (SAQ. มอร์แกนวอล์คเกอร์และ Bieberich, et ​​al, 1996) การตรวจสอบองค์ประกอบ conative ทัศนคติ ผลการวิจัยพบว่าอายุและเพศของผู้เข้าร่วมและความรับผิดชอบในการรับรู้ของตัวละครเป้าหมายสำหรับสภาพของเขาหรือเธอเป็นตัวทำนายที่สำคัญที่สุดของทัศนคติที่ดี แต่ทัศนคติพบว่าแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเพศของเด็กเป้าหมายและสภาพตัวละครเป้าหมายได้ (ADHD หรือภาวะซึมเศร้า) ยกตัวอย่างเช่นที่อยู่ในรูปแบบที่สมาธิสั้นที่ผู้เข้าร่วมที่มีอายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะให้การจัดอันดับที่สูงขึ้นของการยอมรับ ในทางตรงกันข้ามสำหรับตัวละครที่มีความสุขชายอายุน้อยกว่าที่คาดการณ์การยอมรับของตัวละครเป้าหมาย นอกจากนี้หากผู้เข้าร่วมการจัดอันดับเป็นผู้หญิงที่สูงขึ้นของการยอมรับที่พบสำหรับทั้งชายและตัวละครหญิงที่มีสมาธิสั้นและตัวละครหญิงที่มีภาวะซึมเศร้า.
การวิจัยในปัจจุบันขยายตัวตามผลการวิจัยจากวอล์คเกอร์, et al (2008), โคลแมน, et al (2009) และดาบ et al, (2011) ประการแรกการศึกษาในปัจจุบันสำรวจเด็กเล็กวัยเรียนระดับประถมศึกษา ประการที่สองการศึกษาครั้งนี้ใช้แบบสอบถามและการตรวจสอบสะเปะสะปะและ 'ปกติ' บทความควบคุม ในที่สุดการศึกษาครั้งนี้ประเมินทั้งองค์ความรู้และส่วนประกอบ conative ทัศนคติที่มีความคิดที่จะครอบคลุมทุกด้านของแนวคิดทัศนคติ (Gottlieb และ Gottlieb, 1977).
ในความสัมพันธ์กับ LD มีดูเหมือนจะเป็นช่องว่างในวรรณคดีโดยรอบโรงเรียนหลัก ทัศนคติที่มีต่อเด็ก LD ทั่วไปมากขึ้น สำหรับวัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้คู่มือการวินิจฉัยและสถิติผิดปกติทางจิต (DSM-IV, 1994) ความหมายของปัญญาอ่อนถูกใช้ การวินิจฉัยโรคนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีการทำงานทางปัญญา belowaverage และความบกพร่องในการทำงานที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันเช่นการสื่อสารการดูแลตนเองและทักษะทางสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ก่อนหน้างานวิจัยเกี่ยวกับความอัปยศต่อเด็กที่มีสมาธิสั้น LD
, ภาวะซึมเศร้าและการศึกษาโดยวอล์คเกอร์ et al . ( 2008 ) ประเมินทัศนคติของเด็กอเมริกันอายุ 8 - 18 ปี ) ต่อโรคซึมเศร้าและ ID โคลแมน และคณะ ( 2009 ) จากผลการวิจัยเหล่านี้ โดยตรวจสอบความเชื่อเกี่ยวกับวิธีการของเด็ก ความผิดปกติเหล่านี้ออกมาทั้งเรียน ใช้เป็นประตูหลักและพบว่าเด็กแสดงเพิ่มเติมลบทัศนคติต่อภาวะซึมเศร้าและสมาธิสั้นกว่าหืด วอล์คเกอร์ et al . ( 2551 ) พบว่าเด็กมีแนวโน้มน้อยที่จะต้องการเป็นสังคมปิด ให้ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าและโรคมากกว่าผู้ที่มีโรคหอบหืด และเด็กที่ปรากฏมากที่สุด stigmatising ทัศนคติต่อภาวะซึมเศร้างานวิจัยนี้ศึกษาทัศนคติของเด็กที่มีอายุมากกว่าที่ใช้ในปัจจุบัน พวกเขายังใช้ไม่ตรวจสอบพบ แบบสอบถาม และไม่รวมประตูควบคุม ' ปกติ '
เมื่อเร็ว ๆ นี้ดาบ และ heary เฮนเนสซี่ ( 2011 ) งานวิจัยที่เกี่ยวข้องเด็กไอริช ( อายุ 6 - 16 ปี )การศึกษานี้ได้ใช้วิธีการที่เป็นประตูอีกครั้งแต่หลากหลายเพศและความผิดปกติ ( สั้นหรือ depression ) ของประตูเป้าหมาย หนึ่งในมาตรการที่ใช้เป็นองค์ประกอบของร่วมกิจกรรม แบบสอบถาม ( ซาค ; มอร์แกน วอล์กเกอร์ และ bieberich et al . , 1996 ) ศึกษาองค์ประกอบ conative เจตคติผลการวิจัย พบว่า เพศ และอายุของผู้เข้าร่วม และการรับผิดชอบของตัวละครเป้าหมายสำหรับเงื่อนไขของเขา หรือเธอ คือตัวแปรที่สำคัญที่สุดของทัศนคติที่เป็นบวก อย่างไรก็ตาม ทัศนคติ พบว่าแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเพศของเด็ก เป้าหมายและสภาพตัวเป้าหมายได้ ( สั้นหรือ depression ) ตัวอย่างเช่นในสั้นรุ่น