You may have heard of ‘the grapefru

You may have heard of ‘the grapefruit juice effect’ – a range of medications recommend avoiding grapefruits or grapefruit juice whilst you are taking them, due the unfavourable interactions with the medication and the unwanted side effects this can cause. So, what chemical compounds cause these interactions?

The principal culprits are a family of chemical compounds called furanocoumarins, and particularly the compounds bergamottin & dihydroxybergamottin. Both of these compounds interfere with the activity of an enzyme that plays an important part in breaking down some drugs in the body, and prevent it from doing so. This, in turn, can lead to increased levels of concentration of the drug in the bloodstream. This is a problem, because prescriptions for drugs take into account the rate at which your body breaks down the drug in their dosage recommendations. Since these compounds in grapefruits greatly decrease the rate of breakdown, repeated doses can lead to much higher doses of the drug in the bloodstream, in turn potentially leading to harmful side effects.

This effect of grapefruit juice is also long lasting, with it taking around 24 hours for the enzyme’s activity to recover to half of its original level, and full recovery taking up to 72 hours. One whole grapefruit, or 200ml of juice, can be enough to cause significant interaction with enzyme activity. The side effects can vary depending on the drug being taken, but can potentially include kidney damage, blood clots, and breakdown of muscle fibres.

The pomelo, a fruit which is a hybrid of an orange and a grapefruit, exhibits similar interactions with the enzyme; however, the tangelo, a fruit which is a cross between a tangerine or pomelo and a grapefruit, contains only trace amounts of bergamottin, and as such will not interact with the enzyme, and can be consumed safely with the same drugs that grapefruit would interfere with.

As an interesting aside, grapefruits negative side effects on drugs have also been investigated for their potential benefits. Several anti-AIDs drugs, which would otherwise be broken down in the body quite quickly, could have their usefulness extended by being taken in combination with grapefruit, which would extend the amount of time the drug is present in the bloodstream.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คุณอาจเคยได้ยิน ' ) ผลเกรปฟรุต ' ช่วงของโรค แนะนำให้หลีกเลี่ยงเกรปหรือเกรปฟรุตในขณะที่คุณจะพาพวกเขา เนื่องจากปฏิสัมพันธ์เฉพาะกับยา และผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์นี้สามารถทำให้เกิด แล้วสารประกอบทางเคมีที่ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ ?

culprits หลักเป็นครอบครัวของสารเคมี furanocoumarins เรียก ,และโดยเฉพาะ สาร bergamottin & dihydroxybergamottin . ทั้งของสารประกอบเหล่านี้ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของ เอนไซม์ที่เล่นเป็นส่วนสำคัญในการแบ่งยาบางอย่างในร่างกาย และป้องกันไม่ให้มันจากการทำเช่นนั้น นี้ในการเปิดสามารถนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของระดับความเข้มข้นของยาในเลือด มันเป็นปัญหาเพราะใบสั่งยาสำหรับยาในบัญชีอัตราการที่ร่างกายของคุณหยุดพักลงยาแนะนำยาของพวกเขา เนื่องจากสารประกอบเหล่านี้ในเกรปอย่างมากลดอัตราการเสียซ้ำ ซึ่งจะนำไปสู่ปริมาณที่สูงมากของยาในกระแสเลือดในการเปิดอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย .

นี้ผลเกรปฟรุตยังยาวนานมันใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง สำหรับกิจกรรมของเอนไซม์ที่จะกู้คืนครึ่งหนึ่งของระดับเดิมและการกู้คืนเต็มไปถึง 72 ชั่วโมง ทั้งโลชั่น และส้มโอ หรือน้ำผลไม้สามารถเพียงพอที่จะก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ร่วมกันกับกิจกรรมของเอนไซม์ ผลข้างเคียงที่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับยาถูกจับ แต่อาจรวมถึงความเสียหายของไต เลือด ลิ่มเลือดและการแบ่งของเส้นใยกล้ามเนื้อ

ส้มโอ ผลไม้ ซึ่งเป็นลูกผสมของส้มและส้มโอ , จัดแสดงที่คล้ายกันปฏิกิริยากับเอนไซม์ ; อย่างไรก็ตาม , Tangelo ผลไม้ซึ่งเป็นข้ามระหว่างส้มหรือส้มโอและส้มโอ มีเพียงร่องรอยของ bergamottin , และเป็นเช่นจะไม่โต้ตอบ กับเอนไซม์และสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยกับยาเดิมที่ส้มโอจะรบกวน

เป็นที่น่าสนใจนอกเหนือจาก , เกรปผลข้างเคียงยาเสพติดยังถูกใช้เพื่อประโยชน์ที่มีศักยภาพของพวกเขา หลายป้องกันโรคเอดส์ ยาเสพติด ซึ่งมิฉะนั้นจะเสียในร่างกายค่อนข้างเร็ว อาจได้ประโยชน์ของพวกเขาขยายโดยถูกนำในการรวมกันกับส้มโอซึ่งจะขยายระยะเวลาที่ยามีอยู่ในกระแสเลือด