Social Interaction with Mindfulness

Social Interaction with Mindfulness
Human beings are social beings living together in a community and society. Each human being has a tendency to live under the influence of one's own "Craving" (Tanha) and "Concept/ Ideation" (Ditthi). As a result, each human being would biasedly interact with the environment, community, or society in an egoistic or self-centered way conditioned by desire/greed, anger/hatred, and delusion/ego, as an 'hidden agenda,' to reap the reward and please oneself. This is basically a direct consequence of lacking mindfulness and self-awareness. Therefore, one would not see the true nature of oneself that it is but Impermanent, Imperfect, and Selfless. One is basically being blinded by a strong sense of 'selfimage' (similar to a hologram), which is but a thought concept, illusory and not real. One would be inluenced by bias or prejudice against other social members in various manners, as follows
๑. Bias or prejudice conditioned by love or desire (ฉนทาคติ), e.g., favoring an employee of opposite sex, or interact to others with a 'hidden agenda' for a personal gain, etc.
๒. Bias or prejudice conditioned by hatred or enmity (โทสาคติ), e.g., prejudice against other ethnic groups or religious beliefs, etc.
๓. Bias or prejudice conditioned by delusion or stupidity (โมหาคติ), e.g., mistaken oneself as being superior than other people, insulting others, and ending up making a fool out of oneself, etc..
๔. Bias or prejudice conditioned by fear (ภยาคติ), e.g., feeling threatened or being fearful of a big person; being insecure and feeling threatened for no good reasons, etc.
All such social behaviors are basically rooted in one's ego or 'self', causing one to be deluded or biased, springing out of one's own ignorance in not seeing the truth that there is no true permanent 'self' entity that one clings to.
Such behavior would generate a lot of negative response or create more distrust, chaos, even harm in the society, esp. when one is in the administrative, ruling or commanding position in the society, even domestically as the head of a household or family.

Mindfulness & self-awareness play a very critical role in guarding one's mind and restraining oneself from becoming the slave of one's own 'craving' and 'concepts.' To live harmoniously in a society, one needs to observe the 'Golden Rules', which in Buddhism are the "Five Precepts." Without such moral codes, life would be difficult and chaotic, as everyone would be thinking about taking advantage of each other, to serve one's gain and please one's ego. Mindful-awareness is essential for implementing such moral codes by refraining oneself from becoming biased with one's own greed, hatred, and delusion.

The 5 Precepts are, as follows:
๑. Refrain from killing a being, either human or animal, including oneself (i.e., not to commit suicide) as one respects every life form, oneself and others.
๒. Refrain from stealing, as one respects other people's possessions, as if they belong to you.
๓. Refrain from sexual misconduct, as one respects other peoples’ bodies and their rights, not to take advantage or make advancement on others who are not one’s spouses.
๔. Refrain from lying, as one respects and honors oneself and others, as well as refrain from saying harsh words, talking non-sense, back-stabbing, or gossiping.
๕. Refrain from any intoxicant, as one respects oneself, not to harm oneself or dull one's own mindfulawareness with liquor or drugs.
One could further enrich oneself or further engage in self-improvement towards the skillful means by treating others with loving-kindness and compassion, and by being truthful and mindful, as described in The ๕ Ennobling Virtues, or virtues enjoined by the ๕ precepts, as follows:
๑. Loving-kindness and Compassion (beyond refraining oneself from killing), towards other beings and oneself (to form a strong base to continue doing good deeds and helping others).
๒. Right means of Livelihood (beyond refraining from stealing) earning income through occupations that would not harm or take advantage of others.
๓. Sexual Restraint (beyond refraining from sexual misconduct) abstaining oneself from sex.
๔. Truthfulness, Sincerity (beyond refraining from lying) living an honest and truthful life, being trustworthy to everyone.
๕. Mindfulness and self-awareness (beyond refraining from intoxicants) allowing one’s mind to be unbiased and neutral, suitable for Insight Wisdom to arise.
One can further develop one's mind towards its norm and true nature by observing and practicing the ๔ Holy Abidings, enriching the sublime states of mind, as follows:
๑. Loving-kindness: wishing oneself and others to be happy and peaceful.
๒. Compassion: wishing oneself and others to be free from suffering, with universal love.
๓. Sympathetic Joy; altruistic joy: being joyful with others in their success and fortune (instead of being jealous), e.g., being joyful with the success of the Chile miners rescue on Oct. ๑๓, ๒๐๑๐, bringing back ๓๓ miners trapped ๖๒๒ meters down under at the San Jose mine.
๔. Equanimity; neutrality; poise: remaining neutral and unbiased when the situation is beyond one's capability to control it, but remains poised and gracefully accepts the situation, e.g., when your loved one is dying of an incurable cancer, you remain poised but be readily available to give any possible support and comfort. Being unbiased allows one to see the true nature of things, and realize that everything would follow the Law of the ๓ Universal Marks or Characteristics of Existence, namely: ๑. Impermanence (unstable), ๒. Imperfection (unbearable), and ๓. Selfless, soulless, or not-self (uncontrollable). Seeing the true nature of things as they truly are would make one become disenchanted and discerned. With Insight Wisdom, one would let go, without clinging, grasping or holding on to anything, and mind would be liberated, wihtout any more suffering. Such life would be simple, free, and peaceful, as stated by Luangpor Kamkian, Insight Meditation master, as follows: "I am not. I have not. I simply watch

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สังคม มีสติ มนุษย์สังคมสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันในชุมชนและสังคมได้ แต่ละบุคคลจะมีแนวโน้มที่จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของเป็นของตัวเอง "อยาก" (Tanha) และ "แนวคิด / Ideation " (Ditthi) ผล แต่ละมนุษย์จะ biasedly โต้ตอบกับสิ่งแวดล้อม ชุมชน หรือสังคมในตนเอง หรือ egoistic ทางปรับอากาศตามความต้องการ/ความโลภ ความโกรธ/เกลียดชัง และลวง ตา/อาตมา เป็นการ 'ซ่อนวาระ รางวัลเรียบ และโปรดตัวเอง นี่คือโดยทั่วไปขาดสติและ self-awareness เวรโดยตรง ดังนั้น หนึ่งจะไม่เห็นธรรมชาติที่แท้ของตัวเองว่า Impermanent ไม่สมบูรณ์ และ Selfless หนึ่งมีพื้นไร้เหตุผล โดย 'selfimage' (คล้ายกับเป็นโฮโลแกรม), ซึ่งเป็นแนวคิด illusory และไม่จริงแต่ รู้สึกแข็งแรง หนึ่งจะเป็น inluenced โดยความโน้มเอียงหรืออคติกับสมาชิกสังคมในกิริยาต่าง ๆ เป็นดังนี้๑ . ความโน้มเอียง หรืออคติปรับอากาศ โดยความรักหรือความปรารถนา (ฉนทาคติ), เช่น นความพนักงานของเพศตรงข้าม หรือโต้ตอบกับคนอื่น ๆ ด้วยการ 'ซ่อนวาระ' สำหรับประโยชน์ส่วนตัว ฯลฯ ๒ . ตั้ง หรืออคติปรับอากาศอคติความเกลียดชังหรือความเป็นปฏิปักษ์ (โทสาคติ), เช่น กับความเชื่อในศาสนาหรือกลุ่มชาติพันธ์อื่น ๆ ฯลฯ ๓ . ตั้ง หรืออคติปรับอากาศ ด้วยการลวงตาหรือความโง่ (โมหาคติ), เช่น เข้าใจผิดว่าตัวเองกำลังเหนือกว่ากว่าคนอื่น ๆ ดูหมิ่นผู้อื่น และสิ้นสุดการทำโง่หมดตัว ฯลฯ ... ๔ . ความโน้มเอียง หรืออคติปรับอากาศ โดยเฉพาะความกลัว (ภยาคติ), เช่น รู้สึกคาม หรือน่ากลัวตัวใหญ่ ไม่ปลอดภัย และคามรู้สึกเหตุผลไม่ดี ฯลฯ พฤติกรรมทางสังคมดังกล่าวโดยทั่วไปโดยทั่วไปรากของอาตมาหรือ 'ตนเอง' สาเหตุหนึ่ง deluded หรือลำเอียง เกิดจากตนเองไม่รู้ในการไม่เห็นความจริงที่ว่า มีไม่มีเอนทิตี 'ตนเอง' ถาวรจริงว่า clings เพื่อ พฤติกรรมดังกล่าวจะสร้างจำนวนมากของการตอบสนองเป็นค่าลบ หรือสร้างเพิ่มเติมระแวง ความวุ่นวาย อันตรายแม้ในสังคม esp. เมื่อหนึ่งในการดูแล หุ หรือตำแหน่งในสังคม ซึ่งแม้แต่ในประเทศที่หัวหน้าครัวเรือนหรือครอบครัว สติและ self-awareness มีบทบาทสำคัญ ในการรักษาใจและยับยั้งตัวเองจากการเป็น ทาสของตัวเอง 'อยาก' และ 'แนวคิด' ไปอยู่อย่างกลมกลืนในสังคม ต้องสังเกต 'โกลเด้นกฎ' ซึ่งในพระพุทธศาสนาเป็น "ห้าศีล" ไม่ มีรหัสเช่นคุณธรรม ชีวิตจะยาก และ วุ่นวาย เป็นทุกคนจะสามารถคิดเกี่ยวกับประโยชน์ของแต่ละอื่น ๆ ให้บริการรับ และของโปรดของอาตมา คำนึงถึงการรับรู้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้รหัสเช่นจริยธรรมตามทัศนะตัวเองจากการเป็นภาพหนึ่งของความโลภ ความเกลียดชัง และลวงตาศีล 5 มี ดังนี้: ๑ . ละเว้นจากการฆ่ามี มนุษย์ หรือ สัตว์ รวมถึงตัวเอง (เช่น การฆ่าตัวตาย) เป็นหนึ่งเคารพทุกชีวิตแบบฟอร์ม ตัวเองและผู้อื่น ๒ . ละเว้นจากการขโมยของ เป็นหนึ่งเคารพทรัพย์สินของคนอื่น ว่าพวกเขาเป็นของคุณ๓ . ละเว้นการประพฤติทางเพศ เป็นหนึ่งเคารพศพของคนอื่นและสิทธิ ไม่ให้ประโยชน์ หรือให้ความก้าวหน้าอื่นที่ไม่ใช่ของคู่สมรส ๔ . ละเว้นการโกหก เป็นที่เคารพ และให้เกียรติตนเองและผู้อื่น ตลอดจนละเว้นการพูดคำที่รุนแรง การพูดไม่ใช่ความรู้สึก แทงหลัง หรือ gossiping๕ . ละเว้นการใด ๆ intoxicant เป็นหนึ่งเคารพตัวเอง ไม่ให้เป็นอันตรายต่อตัวเอง หรือทู่ mindfulawareness หนึ่งของเหล้าหรือยาเสพติดหนึ่งสามารถเพิ่มเติม บริการตัวเอง หรือเพิ่มเติม ยุ่ง self-improvement ต่อหมายถึงฝีมือรักษาผู้อื่นด้วยเมตตาและ loving-kindness และโดยสุจริตใจ และ ระวัง ตามที่อธิบายไว้ใน ๕ Ennobling คุณธรรม คุณธรรมสั่ง โดยศีล ๕ ดังนี้:๑ . Loving-kindness กเมตตา (นอกเหนือจากทัศนะตัวเองจากฆ่า), สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และตัวเอง (เพื่อสร้างฐานที่แข็งแรงต้องการทำความดี และช่วยเหลือผู้อื่น) ๒ . ด้านขวาวิธีการดำรงชีวิต (นอกเหนือจากการละเว้นจากการขโมย) รายได้รายได้ผ่านอาชีพที่จะไม่ทำร้าย หรือเอาเปรียบผู้อื่น ความยับยั้งชั่งใจ ๓ . เพศ (นอกเหนือจากการละเว้นจากการประพฤติทางเพศ) ไข้แต่ละตัวจากเพศสัมพันธ์ ๔ . ความ ความจริงใจ (เหนือใต้โกหก) ชีวิตซื่อสัตย์ และสุจริตใจชีวิต การเปิดให้ทุกคน ๕ . สติและ self-awareness (นอกเหนือจากทัศนะจากเหล้าต่าง ๆ) ทำให้ใจเป็นคน และเป็นกลาง เหมาะสำหรับการเข้าใจภูมิปัญญาจะเกิดขึ้นหนึ่งสามารถพัฒนาใจต่อลักษณะปกติและเป็นจริง ด้วยการสังเกต และฝึก ๔ Holy Abidings เสริมรัฐคลายของจิตใจ เป็นดังนี้:๑ . Loving-kindness: ประสงค์ตนเองและผู้อื่นเป็นสุข และสงบ ๒ . เมตตา: ปรารถนาตนเองและผู้อื่นจะเป็นอิสระจากความทุกข์ มีความรักสากล ๓ . เห็นอกเห็นใจความสุข altruistic จอย: เป็นจอยฟูลกับผู้อื่นในความสำเร็จและโชค (แทนที่จะถูกอิจฉา), เช่น จอยฟูลดีช่วยเหลือคนงานเหมืองชิลีบนตุลาคม ๑๓ ๒๐๑๐ นำกลับ ๓๓ คนงานเหมืองติดอยู่ ๖๒๒ เมตรลงต่ำกว่าที่ San Jose เหมือง ๔ . Equanimity ความเป็นกลาง ความเที่ยง: เหลือคน และเป็นกลาง เมื่อสถานการณ์ถูกสุดฝีมือจะควบคุมมัน แต่ยังคงเตรียมพร้อม และพร้อมยอมรับสถานการณ์ เช่น เมื่อคุณรักหนึ่งจะตายเป็นมะเร็งนี้ คุณยังคงทรงตัว แต่จะพร้อมให้การสนับสนุนเป็นไปได้และความสะดวกสบาย เป็นคนทำให้การเห็นธรรมชาติที่แท้ของสิ่ง และตระหนักดีว่า ทุกอย่างจะทำตามกฎหมายเครื่องหมายสากล ๓ หรือลักษณะของดำรงอยู่ คือ: ๑ . อนิจจัง (ไม่เสถียร), ๒ . Imperfection (ความ), และ ๓ . เสียสละ รวดเร็ว หรือไม่ตนเอง (uncontrollable) เห็นธรรมชาติที่แท้ของสิ่งที่พวกเขาเป็นอย่างแท้จริงจะทำให้หนึ่งเป็น disenchanted และเข้าใจ มีสติปัญญาเข้าใจ หนึ่งจะ ปล่อย ไม่เข้าใจ เรียง หรือถือครองเพื่ออะไร และจะถูก liberated ใจ ความทุกข์ทรมานอีก wihtout เช่นชีวิตจะง่าย ฟรี สวยงาม เป็นที่ระบุโดย Luangpor Kamkian สมาธิเข้าใจหลัก เป็นดังนี้: "ฉันไม่ ได้ค่ะ เพียงแต่เฝ้าดู

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่มีสติมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตทางสังคมที่อาศัยอยู่ร่วมกันในชุมชนและสังคม มนุษย์แต่ละคนมีแนวโน้มที่จะมีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของตัวของตัวเอง "ความอยาก" (ที่ Tanha) และ "คอนเซ็ปต์ / Ideation" (ทิฏฐินั้นประกอบ) เป็นผลให้มนุษย์แต่ละคน biasedly จะโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมชุมชนหรือสังคมในทางที่เห็นแก่ตัวหรือตนเองเป็นศูนย์กลางปรับอากาศด้วยความปรารถนา / ความโลภความโกรธ / เกลียดชังและความหลง / อาตมาเป็น 'วาระซ่อนเร้น "ที่จะเก็บเกี่ยว รางวัลและโปรดตัวเอง นี้เป็นพื้นผลโดยตรงจากการขาดสติและความตระหนักในตนเอง ดังนั้นหนึ่งจะไม่เห็นธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเองว่ามันเป็นอนิจจัง แต่ไม่สมบูรณ์และเสียสละ หนึ่งเป็นพื้นถูกตาบอดด้วยความรู้สึกของ 'selfimage' (คล้ายกับโฮโลแกรม) ซึ่งเป็นแนวความคิด แต่ความคิดที่ไม่จริงและไม่จริง หนึ่งจะได้รับการ inluenced โดยอคติหรืออคติกับสมาชิกอื่น ๆ ในสังคมในลักษณะต่างๆดังต่อไปนี้
1 อคติหรืออคติปรับอากาศด้วยความรักหรือความปรารถนา (ฉนทาคติ) เช่นความนิยมของพนักงานของเพศตรงข้ามหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ด้วย 'วาระซ่อนเร้น' หาผลประโยชน์ส่วนตัวและอื่น ๆ
2 อคติหรืออคติปรับอากาศจากความเกลียดชังหรือความเป็นปฏิปักษ์ (โทสาคติ) เช่นอคติต่อกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ หรือความเชื่อทางศาสนา ฯลฯ
3 อคติหรืออคติปรับอากาศจากความเข้าใจผิดหรือความโง่เขลา (โมหาคติ) เช่นเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นดีกว่ากว่าคนอื่น ๆ ดูถูกคนอื่น ๆ และจบชีวิตลงทำให้คนโง่ออกมาจากตัวเอง ฯลฯ ..
4 อคติหรืออคติปรับอากาศด้วยความกลัว (ภยาคติ) เช่นความรู้สึกที่ถูกคุกคามหรือเป็นที่น่ากลัวของคนใหญ่ เป็นที่ไม่ปลอดภัยและความรู้สึกคุกคามไม่มีเหตุผลที่ดี ฯลฯ
พฤติกรรมทางสังคมดังกล่าวทั้งหมดมีรากโดยทั่วไปในอัตตาหนึ่งหรือ 'ตัวเอง' ก่อให้เกิดการอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะหันเหหรือลำเอียงผุดออกมาจากความโง่เขลาของตัวเองหนึ่งในไม่เห็นความจริงว่าไม่มี จริงถาวรนิติบุคคล 'ตัวเอง' ว่าหนึ่งยึดติดกับ.
พฤติกรรมดังกล่าวจะสร้างจำนวนมากของการตอบสนองเชิงลบหรือสร้างความไม่ไว้วางใจมากขึ้นความวุ่นวายแม้อันตรายในสังคมโดยเฉพาะ เมื่อหนึ่งในการบริหารปกครองหรือตำแหน่งผู้บังคับบัญชาในสังคมแม้กระทั่งในประเทศเป็นหัวหน้าครัวเรือนหรือครอบครัว. สติและความตระหนักในตนเองมีบทบาทที่สำคัญมากในการดูแลใจและการควบคุมตัวเองจากการเป็นทาสของหนึ่งในของตัวเอง 'อยาก' และ 'แนวคิด. จะมีชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนในสังคมหนึ่งต้องปฏิบัติตาม 'กฎทอง' ซึ่งอยู่ในพระพุทธศาสนา "ศีลห้า". โดยไม่ต้องมีรหัสทางศีลธรรมเช่นชีวิตจะเป็นเรื่องยากและวุ่นวายในขณะที่ทุกคนจะได้รับความคิดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของแต่ละอื่น ๆ เพื่อทำหน้าที่กำไรและโปรดอัตตาของคน ๆ หนึ่ง ความตระหนักในสติเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการทางศีลธรรมรหัสดังกล่าวโดยการอดตัวเองจากการเป็นลำเอียงกับความโลภของตัวเองหนึ่งความเกลียดชังและความเข้าใจผิด. 5 ศีลมีดังต่อไปนี้: 1 ละเว้นจากการฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์หรือสัตว์รวมทั้งตัวเอง (คือไม่ได้จะฆ่าตัวตาย) เป็นหนึ่งในรูปแบบที่เคารพทุกชีวิตตนเองและผู้อื่น. 2 ละเว้นจากการขโมยเป็นหนึ่งเคารพทรัพย์สินของผู้อื่นเช่นถ้าพวกเขาอยู่กับคุณ. 3 ละเว้นจากการประพฤติผิดทางเพศเป็นหนึ่งเคารพศพคนอื่น ๆ และสิทธิของพวกเขาจะไม่ใช้ประโยชน์หรือความก้าวหน้ากับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นคู่สมรสของคน. 4 ละเว้นจากการนอนเป็นหนึ่งประการและได้รับเกียรตินิยมตนเองและผู้อื่นเช่นเดียวกับการละเว้นจากการพูดคำพูดที่รุนแรง, การพูดคุยที่ไม่รู้สึกกลับแทงหรือนินทา. 5 ละเว้นจากการมึนเมาใด ๆ ที่เป็นหนึ่งเคารพตัวเองไม่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือ mindfulawareness ของตัวเองน่าเบื่อกับสุราหรือยาเสพติด. หนึ่งยังสามารถเสริมสร้างตัวเองหรือต่อไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเองที่มีต่อวิธีการและทักษะความชำนาญโดยการรักษาอื่น ๆ ที่มีความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ และเป็นจริงและมีสติที่อธิบายไว้ใน 5 ennobling คุณธรรมหรือคุณธรรมกำชับโดยศีล 5 ดังต่อไปนี้: 1 ความเมตตาและความเมตตา (เกินละเว้นจากการฆ่าตัวเอง) ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และตัวเอง (ในรูปแบบฐานที่แข็งแกร่งที่จะดำเนินการทำความดีและช่วยให้คนอื่น ๆ ). 2 หมายถึงสิทธิของการดำรงชีวิต (เกินละเว้นจากการขโมย) รายได้รายได้ผ่านการประกอบอาชีพที่จะไม่เป็นอันตรายต่อหรือใช้ประโยชน์จากคนอื่น ๆ. 3 ยับยั้งชั่งใจทางเพศ (เกินอดจากการประพฤติผิดทางเพศ) งดตัวเองจากเพศ. 4 ความจริง, ความจริงใจ (เกินงดนอน) การใช้ชีวิตที่ซื่อสัตย์และความจริงเป็นที่น่าเชื่อถือให้กับทุกคน. 5 สติและความตระหนักในตนเอง (เกินงด intoxicants) ช่วยให้ใจของคนที่จะเป็นที่เป็นกลางและเป็นกลางเหมาะสำหรับภูมิปัญญา Insight จะเกิดขึ้น. หนึ่งยังสามารถพัฒนาจิตใจของคนที่มีต่อบรรทัดฐานและธรรมชาติที่แท้จริงของมันโดยการสังเกตและการฝึก 4 พระ Abidings, สมบูรณ์ พรหมวิหารดังต่อไปนี้: 1 ความเมตตา: ประสงค์ตนเองและผู้อื่นจะมีความสุขและความสงบสุข. 2 ความเมตตา: ต้องการตัวเองและคนอื่น ๆ ที่จะเป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานกับความรักสากล. 3 ขี้สงสารจอย; เห็นแก่ความสุข: เป็นความสุขกับคนอื่น ๆ ในความสำเร็จของพวกเขาและโชคลาภ (แทนที่จะเป็นอิจฉา) เช่นเป็นความสุขกับความสำเร็จของคนงานเหมืองชิลีกู้ภัยบน 13 ตุลาคม 2010 นำกลับมา 33 คนงานเหมืองติดอยู่ 622 เมตรลงใต้ที่ซาน เหมือง Jose. 4 ความใจเย็น; เป็นกลาง; สุขุม: เหลือเป็นกลางและเป็นกลางเมื่อสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือความสามารถของคนที่จะควบคุมมัน แต่ยังคงทรงตัวและสง่างามยอมรับสถานการณ์เช่นเมื่อคนที่คุณรักกำลังจะตายจากโรคมะเร็งที่รักษาไม่หายของคุณคุณยังคงทรงตัว แต่ต้องพร้อมที่จะให้ความเป็นไปได้ใด ๆ การสนับสนุนและความสะดวกสบาย เป็นที่เป็นกลางช่วยให้หนึ่งที่จะเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของสิ่งและตระหนักดีว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามกฎหมายใน 3 เครื่องหมายสากลหรือลักษณะของการดำรงอยู่คือ: 1 ไม่เที่ยง (ไม่แน่นอน) 2 ความไม่สมบูรณ์ (ทนไม่ได้) และ 3 เสียสละอนัตตาหรือไม่ตัวเอง (ไม่สามารถควบคุมได้) เห็นธรรมชาติที่แท้จริงของสิ่งที่พวกเขาอย่างแท้จริงจะทำให้กลายเป็นหนึ่งในไม่แยแสและมองเห็น มีความเข้าใจภูมิปัญญาหนึ่งจะปล่อยให้ไปโดยไม่ต้องยึดมั่นโลภหรือการถือครองเพื่ออะไรและใจจะได้รับการปลดปล่อย wihtout ใด ๆ เพิ่มเติมความทุกข์ทรมาน ชีวิตดังกล่าวจะง่าย, ฟรี, และความสงบสุขตามที่ระบุไว้ Luangpor Kamkian, วิปัสสนากรรมฐานหลักดังต่อไปนี้: "ผมไม่ได้ฉันไม่ได้ฉันก็ดู..

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับสติ
มนุษย์ มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคม ชุมชน และสังคม แต่ละมนุษย์มีแนวโน้มที่จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของตัวเอง " ความอยาก ( ตัณหา ) และ " แนวคิดแบบ " ( ทิฏฐิ ) ผล แต่ละคนก็ biasedly โต้ตอบกับสิ่งแวดล้อม ชุมชน หรือสังคมในการยอมรับหรือเห็นแก่ตัวทางเว็บไซด์ โดยปรารถนา / ความโลภความโกรธโทสะ โมหะ / อัตตา เป็น ' ซ่อนวาระที่จะเก็บเกี่ยวรางวัลและโปรดตัวเอง โดยทั่วไปนี้เป็นผลโดยตรงจากการขาดสติ และตนด้วย ดังนั้นหนึ่งจะได้เห็นธรรมชาติที่แท้จริงของตนเอง ว่ามันคืออะไร แต่ไม่คงทน ไม่สมบูรณ์ และเสียสละ หนึ่งคือโดยทั่วไปถูกบดบังโดยความรู้สึกของ ' ' ( selfimage คล้ายคลึงกับโฮโลแกรม )ซึ่งเป็น แต่คิดว่าแนวคิด ไม่จริง ไม่จริง จะ inluenced โดยความลำเอียงหรืออคติกับสมาชิกอื่นๆ ในสังคมในลักษณะต่างๆ ดังนี้
๑ . ความลำเอียงหรืออคติเป็นรักหรือปรารถนา ( ฉนทาคติ ) เช่น สนับสนุนพนักงานของเพศตรงข้าม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย ' เบื้องลึกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ฯลฯ
๒ .ความลำเอียงหรืออคติ ความเกลียดชัง หรือเว็บไซด์ โดยกระทำ ( โทสาคติ ) เช่น อคติ ต่อกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ หรือความเชื่อทางศาสนา ฯลฯ กัน
. ความลำเอียงหรืออคติอันเนื่องมาจากความหลงหรือโมหะ ( โมหาคติ ) เช่น เข้าใจผิดว่าตัวเองเป็น เหนือกว่าคนอื่น คนอื่นดูถูก และลงท้ายด้วยการหลอกตัวเอง ฯลฯ
โตเกียวความลำเอียงหรืออคติอันเนื่องมาจากความกลัว ( ภยาคติ ) เช่น ความรู้สึกที่ถูกคุกคาม หรือถูกกลัวคนใหญ่ จะไม่ปลอดภัย และรู้สึกว่าจะไม่มีเหตุผลที่ดี ฯลฯ
พฤติกรรมทางสังคมดังกล่าวทั้งหมดโดยทั่วไปมีหนึ่งตัวหรือ ' ตัวเอง ' สาเหตุที่จะถูกหลอก หรือ ลําเอียงผุดออกมาอย่างไม่รู้ตัวเอง ไม่เห็นความจริงว่าไม่มีจริงถาวร ' ตัวเอง ' องค์กรหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวไว้ พฤติกรรมดังกล่าวจะสร้างมากของการตอบสนองเชิงลบหรือสร้างความคลางแคลงใจ มากกว่าความวุ่นวาย แม้อันตรายในสังคม โดยเฉพาะเมื่อหนึ่งในการบริหารปกครองบังคับบัญชาหรือตำแหน่งในสังคม แม้แต่ในประเทศที่เป็นหัวหน้าครอบครัว หรือครอบครัว

สติ&ตนเองมีบทบาทสำคัญมากในการปกป้องความคิดและการยับยั้งตัวเองจากการเป็นทาสของแนวความคิดของตนเอง ' ตัณหา ' และ ' ' จะมีชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนในสังคม ต้องสังเกต ' กฎ ' ทอง ซึ่งในพระพุทธศาสนา คือ " ศีล 5 " ไม่มีรหัสคุณธรรมดังกล่าว ชีวิตอาจเป็นเรื่องยากและความวุ่นวายอย่างที่ทุกคนอาจจะคิดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากแต่ละอื่น ๆ เพื่อให้คนได้และกรุณาของอัตตา สติเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรับรู้รหัสจริยธรรม เช่น การงดเว้นจากอคติกับตัวเองเป็นหนึ่งของความโลภ โทสะ โมหะ .

ศีล 5 มีดังนี้ :
๑ . ละเว้นจากการฆ่า เป็นทั้งมนุษย์หรือสัตว์ รวมทั้งตนเอง ( เช่นอย่าฆ่าตัวตาย ) เป็นหนึ่งเคารพทุกรูปแบบชีวิตตัวเองและคนอื่น ๆ
๒ . ละเว้นจากการขโมย เป็นหนึ่ง เคารพคนอื่น เงินทอง เช่น ถ้าเป็นของคุณ
ล่ะ . ละเว้นจากการประพฤติผิดทางเพศเป็นหนึ่งเคารพของคนอื่น ร่างกาย และสิทธิของพวกเขาที่จะไม่ใช้ประโยชน์ หรือทำให้ก้าวหน้าต่อผู้อื่นที่ไม่ได้หนึ่งของคู่สมรส
โตเกียว งดเว้นจากพูดเท็จเป็นเกียรติและเคารพตนเองและผู้อื่น รวมทั้งงดพูดแรง พูดไร้สาระ กลับแทง หรือ นินทา
๕ . งดของมึนเมาเป็นหนึ่งเคารพตนเอง ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง หรือทึบของตัวเอง mindfulawareness กับสุรา หรือยาเสพติด
หนึ่งเพิ่มเติมสามารถเพิ่มตัวเอง หรือไปร่วมในการพัฒนาตนเอง หมายถึง มีฝีมือ โดยปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ และโดยการจริงใจและเอาใจใส่ตามที่อธิบายไว้ใน๕ ennobling คุณธรรมหรือความดี สั่งเสียโดย๕ศีล ดังนี้
๑ . ความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ ( นอกเหนือจากตัวเองไม่ฆ่า )ต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และตัวเอง ( เพื่อสร้างฐานที่แข็งแกร่งที่จะทำความดี และช่วยเหลือผู้อื่น )
๒ . สัมมาอาชีวะ ( นอกจากการงดเว้นจากการขโมย ) รายได้จากการประกอบอาชีพที่ไม่ได้ทำร้ายหรือเอาเปรียบคนอื่น
ล่ะ . ความยับยั้งชั่งใจทางเพศ ( นอกจากการงดเว้นจากประพฤติผิดทางเพศ ) ละเว้นตัวเองจากเพศ .
โตเกียว ความสัตย์ความจริงใจ ( นอกจากการงดเว้นจากการโกหก ) ชีวิตที่ซื่อสัตย์และชีวิตตามความเป็นจริง เป็นที่เชื่อถือได้เพื่อทุกคน
๕ . สติและการรับรู้ ( นอกเหนือจากการอดทรัพย์ ) ให้ความคิดที่จะเป็นกลางและเป็นกลาง เหมาะสำหรับวิปัสสนาปัญญาเกิดขึ้น
หนึ่งสามารถพัฒนาความคิดสู่บรรทัดฐานและเป็นความจริงของธรรมชาติ โดยการสังเกตและการฝึก abidings โตเกียวศักดิ์สิทธิ์ ,สมบูรณ์รัฐประเสริฐจิต ดังนี้
๑ . ความเมตตา : ขออวยพรให้ตนเองและผู้อื่นมีความสุขและสงบ
๒ . ความเห็นใจ : ขอให้ตนเองและผู้อื่นให้พ้นทุกข์ มีความรักสากล
ไป . ขี้สงสารจอย จอย : กำลังสนุกสนานกับการเอื้อเฟื้อผู้อื่นในความสำเร็จและโชคลาภของพวกเขา ( แทนที่จะหึง ) เช่นเป็นปลาบปลื้มกับความสำเร็จของคนงานเหมืองชิลีช่วยเหลือเมื่อวันที่๑๓๒๐๑๐ , นำกลับ๓๓คนงานเหมืองติดอยู่เมตร๖๒๒ลงใต้ที่เหมืองซานโฮเซ
โตเกียว อุเบกขา ; เป็นกลาง ; ท่วงที : ที่เหลือเป็นกลางและปราศจากอคติ เมื่อสถานการณ์อยู่นอกเหนือความสามารถที่จะควบคุมมัน แต่ยังคงทรงตัว และอย่างสิ้นเชิง ยอมรับสถานการณ์ เช่นเมื่อคนที่คุณรักกำลังจะตายด้วยมะเร็งที่รักษาไม่หาย เธอยังคงทรงตัว แต่พร้อมที่จะให้การสนับสนุนที่เป็นไปได้ใด ๆและความสะดวกสบาย การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ช่วยให้เห็นธรรมชาติที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ และทราบว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามกฎหมายของจักรวาลกันรอย หรือลักษณะของตัวตน ได้แก่ ๑ . อนิจจัง ( ไม่เสถียร ) , ๒ . ไม่สมบูรณ์ ( ทน ) และกัน . ไม่เห็นแก่ตัวอนัตตา หรือด้วยตนเอง ( แก่น ) เห็นธรรมชาติที่แท้จริงของสิ่งที่พวกเขาอย่างแท้จริงจะทำให้หนึ่งและกลายเป็นแยแสจำ . ด้วยวิปัสสนาปัญญา จะปล่อย โดยไม่ยึดติด กระเสือกกระสน หรือยึดติดกับสิ่งใด และจิตจะเป็นอิสระ ไปโดยไม่ทุกข์ใด ๆเพิ่มเติม ชีวิตนั้นจะง่าย , ฟรี , และความสงบสุข , ตามที่ระบุโดยหลวงพ่อ kamkian วิปัสสนากรรมฐาน , อาจารย์ดังนี้ : " ผมไม่ได้ . ฉันยังไม่ได้ ฉันเพียงแค่ดู