ประวัติความเป็นมาของจักรยาน BMX ทำความรู้จักถึงความเป็นมา ต้นกำเนิด จั การแปล - ประวัติความเป็นมาของจักรยาน BMX ทำความรู้จักถึงความเป็นมา ต้นกำเนิด จั ไทย วิธีการพูด

ประวัติความเป็นมาของจักรยาน BMX ทำค

ประวัติความเป็นมาของจักรยาน BMX
ทำความรู้จักถึงความเป็นมา ต้นกำเนิด



จักรยานสองล้อรุ่นแรก ๆ ที่เป็นต้นแบบของจักรยานสองล้อในปัจจุบันมีกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อราวปี พ.ศ. 2343ในปี พ.ศ. 2408 ได้มีการผลิตจักรยาน 2 ล้อ รุ่นหนึ่งซึ่งมีตัวล้อเป็นเหล็ก และมีขอบล้อทำด้วยไม้ กำลังเคลื่อนล้อได้มาจากแรงปั่นด้วยเท้าบนบันไดทั้งสองของรถจักรยาน เหมือนกับในรถสามล้อถีบปัจจุบัน ในช่วงต่อมาได้มีการใช้ล้อทำด้วยยาง และในราวปี พ.ศ. 2423-2433 ขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางล้อหน้าได้ขยายใหญ่ขึ้นถึง 60 นิ้ว ซึ่งทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้เป็นระยะทางถึง 16 ฟุต จากการปั่นบันไดรถจักรยานหมุน 1 รอบ อันมีผลให้มันสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ทั้งในแนวราบและวิ่งลงเขาแต่สำหรับการขี่ขึ้นทางชันนั้นจะต้องออกแรงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นการที่จุดศูนย์ถ่วงของตัวจักรยานอยู่สูงทำให้มันมีแนวโน้มที่จะพลิกคว่ำหรือเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย ดังนั้น ในราวปี พ.ศ. 2428 จึงได้มีการผลิตจักรยานรุ่นใหม่ที่มีรูปลักษณะเหมือนจักรยานสมัยใหม่ในปัจจุบัน คือ ล้อทั้งสองมีขนาดเท่ากัน และมีเฟืองที่บันไดรถ เพื่อถ่ายทอดกำลังผ่านโซ่ไปยังล้อหลัง ทำให้เกิดลักษณะการขับขี่มั่นคงกว่าเดิม และยังให้อัตราทดกำลังด้วยการเลือกใช้เฟืองทดกำลังที่เหมาะสมสำหรับขับขี่โดยเฉพาะด้วยความเร็วต่ำแต่เบาแรงกว่าในขณะปั่นขึ้นเขาหรือทางชัน

จักรยานBMXเกิดขึ้นประมาณยุค 70 ในทางตอนใต้ของคาลิฟอร์เนีย โดยกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งได้ปรับแต่งจักรยานขนาดล้อ 20นิ้ว ซึ่งพวกเขาได้แรงบรรดาลใจจากการชมภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการแข่งขันจักรยานยนต์ Motocass แล้วทำให้เป็นที่นิยมกันมากในตอนนั้น การแข่งขันจักรยานวิบากแบบ BMX (Bicycle Moto Cross) ที่มีวงล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 นิ้ว ในประเภทความเร็ว(Racing) ได้เป็นที่นิยมกันมากในประเทศสหรัฐอเมริกาและได้แพร่ขยายไปทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานนักขี่หลายๆคนได้ฝึกท่าทางพลิกแพลงผาดโผนในแบบต่างๆ เพื่อความสนุกสนาน และใช้โชว์ออฟกันในกลุ่มเพื่อนๆ ทั้งยังเป็นการฝึกทักษะในการควบคุมรถได้อย่างดี และเมื่อมีโอกาส ก็มักจะได้นำท่านั้นมาออกโชว์กันในช่วงพักของการแข่งขัน หรือในการโปรโมท์ ให้กับสปอนเซอร์ของตน ซึ่งจะเรียกความสนใจจากผู้คนได้ดีทีเดียว ต่อมาเมื่อมีท่าทางหลากหลายมากขึ้น นักขี่หล่าวนั้นได้หันมาเน้นฝึกแต่ท่าพลิกแพลง(Tricks) อย่างจริงจัง
จนกระทั่งได้กลายเป็นกีฬาประเภทใหม่ที่เน้นฝึกเฉพาะแต่ท่าผาดโผนอย่างเดียว และได้พัฒนาท่าพลิกแพลงเหล่านี้ให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือ ในยุคนั้นท่ายังไม่มีมากนัก จึงมีการคิดค้นลีลาต่างๆ ออกมาใหม่ ตลอดเวลา นักขี่แต่ละคนจะมีท่าเป็นของตนเอง ไม่ค่อยจะซ้ำกันนัก นักขี่กลุ่มนี้จึงถูกขนานนามว่า "Freestyler" และได้เริ่มมี การจัดการแข่งขันเฉพาะทางขึ้น นักขี่ที่มีชื่อที่สุด
คนหนึ่งในช่วงนั้น คือ Bob Haro ซึ่งถือได้ว่าเป็น "Father of Freestyle"
(ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทจักรยานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่ง)

ในราวปี 1985 เป็นต้นมา ทางบริษัทผู้ผลิตจักรยานหลายๆราย ได้มีการผลิตอะไหล่ ที่ทำไว้สำหรับการเล่นท่า Freestyle ได้แก่ตัวถังที่มีที่ยืนตรงหลักอาน, ที่ยืนตรงแฮนด์, ที่ยืนตรงแกนล้อ และตะเกียบฯลฯ การจัดแข่งขันเริ่มมีมากขึ้นมีการรวมตัวนักขี่ผาดโผน จัดตั้งเป็นทีม Freestyle อย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงนี้เอง ที่สมาคม AFA(American Freestyle Association) ได้เข้ามาผูกขาดในการจัดแข่งขันครั้งใหญ่ๆ นักขี่เอือมกับกติกาหยุมหยิม เช่น Flatland ก็ให้ใส่หมวกกันน๊อก และกรรมการเป็นคนธรรมดาไม่รู้จักการให้คะแนน โดยเฉพาะท่ายากๆหรือท่าใหม่ๆ แบนนักขี่ที่ไปแข่งงานอื่น จัดแบ่งรุ่น(Class)ละเอียดยิบ ซึ่งนอกจากจะแบ่งตามรุ่นอายุ ยังมีรุ่นสมัครเล่น(Amateur) และรุ่นมืออาชีพ(Pro) ซึ่งนักขี่จะลงได้หลายรุ่น ปัญหาจึงอยู่ที่คนที่มีฝีมือดียังไม่ยอม Turn Pro ง่ายๆเพราะยังหวงตำแหน่งอยู่ต่อมาในยุค 90 AFA ยกเลิกการจัดแข่ง ทำให้วงการเงียบเหงาไปพักหนึ่ง แต่ก็ได้ Mat Hoffman ซึ่งเป็นนักขี่ ได้ริเริ่ม จัดงานแข่งขึ้นเองชื่อ Bike Stunt Series หรือ BS ซึ่งเป็นการปลุกผีวงการขึ้นมาอีกครั้ง และได้ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนกระทั่ง ESPN ช่องกีฬายักษ์ใหญ่ได้มาติดต่อขอซื้อรายการต่อ จัดให้มีการนำภาพจากการแข่งไปออกอากาศทั่วโลก และต่อมาได้รวบรวมกีฬาสุดขั้วหรือ Extreme Sports เข้าไว้ด้วยกันภายใต้ชื่อ “X-GAMES”
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมาของจักรยาน BMX ทำความรู้จักถึงความเป็นมาต้นกำเนิด จักรยานสองล้อรุ่นแรก ๆ ที่เป็นต้นแบบของจักรยานสองล้อในปัจจุบันมีกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อราวปี พ.ศ. 2343ในปี พ.ศ. 2408 ได้มีการผลิตจักรยาน 2 ล้อ รุ่นหนึ่งซึ่งมีตัวล้อเป็นเหล็ก และมีขอบล้อทำด้วยไม้ กำลังเคลื่อนล้อได้มาจากแรงปั่นด้วยเท้าบนบันไดทั้งสองของรถจักรยาน เหมือนกับในรถสามล้อถีบปัจจุบัน ในช่วงต่อมาได้มีการใช้ล้อทำด้วยยาง และในราวปี พ.ศ. 2423-2433 ขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางล้อหน้าได้ขยายใหญ่ขึ้นถึง 60 นิ้ว ซึ่งทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้เป็นระยะทางถึง 16 ฟุต จากการปั่นบันไดรถจักรยานหมุน 1 รอบ อันมีผลให้มันสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ทั้งในแนวราบและวิ่งลงเขาแต่สำหรับการขี่ขึ้นทางชันนั้นจะต้องออกแรงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นการที่จุดศูนย์ถ่วงของตัวจักรยานอยู่สูงทำให้มันมีแนวโน้มที่จะพลิกคว่ำหรือเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย ดังนั้น ในราวปี พ.ศ. 2428 จึงได้มีการผลิตจักรยานรุ่นใหม่ที่มีรูปลักษณะเหมือนจักรยานสมัยใหม่ในปัจจุบัน คือ ล้อทั้งสองมีขนาดเท่ากัน และมีเฟืองที่บันไดรถ เพื่อถ่ายทอดกำลังผ่านโซ่ไปยังล้อหลัง ทำให้เกิดลักษณะการขับขี่มั่นคงกว่าเดิม และยังให้อัตราทดกำลังด้วยการเลือกใช้เฟืองทดกำลังที่เหมาะสมสำหรับขับขี่โดยเฉพาะด้วยความเร็วต่ำแต่เบาแรงกว่าในขณะปั่นขึ้นเขาหรือทางชันจักรยานBMXเกิดขึ้นประมาณยุค 70 ในทางตอนใต้ของคาลิฟอร์เนีย โดยกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งได้ปรับแต่งจักรยานขนาดล้อ 20นิ้ว ซึ่งพวกเขาได้แรงบรรดาลใจจากการชมภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการแข่งขันจักรยานยนต์ Motocass แล้วทำให้เป็นที่นิยมกันมากในตอนนั้น การแข่งขันจักรยานวิบากแบบ BMX (Bicycle Moto Cross) ที่มีวงล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 นิ้ว ในประเภทความเร็ว(Racing) ได้เป็นที่นิยมกันมากในประเทศสหรัฐอเมริกาและได้แพร่ขยายไปทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานนักขี่หลายๆคนได้ฝึกท่าทางพลิกแพลงผาดโผนในแบบต่างๆ เพื่อความสนุกสนาน และใช้โชว์ออฟกันในกลุ่มเพื่อนๆ ทั้งยังเป็นการฝึกทักษะในการควบคุมรถได้อย่างดี และเมื่อมีโอกาส ก็มักจะได้นำท่านั้นมาออกโชว์กันในช่วงพักของการแข่งขัน หรือในการโปรโมท์ ให้กับสปอนเซอร์ของตน ซึ่งจะเรียกความสนใจจากผู้คนได้ดีทีเดียว ต่อมาเมื่อมีท่าทางหลากหลายมากขึ้น นักขี่หล่าวนั้นได้หันมาเน้นฝึกแต่ท่าพลิกแพลง(Tricks) อย่างจริงจัง จนกระทั่งได้กลายเป็นกีฬาประเภทใหม่ที่เน้นฝึกเฉพาะแต่ท่าผาดโผนอย่างเดียวและได้พัฒนาท่าพลิกแพลงเหล่านี้ให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นสิ่งที่น่าสนใจคือในยุคนั้นท่ายังไม่มีมากนักจึงมีการคิดค้นลีลาต่าง ๆ ออกมาใหม่ตลอดเวลานักขี่แต่ละคนจะมีท่าเป็นของตนเองไม่ค่อยจะซ้ำกันนักนักขี่กลุ่มนี้จึงถูกขนานนามว่า "Freestyler" และได้เริ่มมีการจัดการแข่งขันเฉพาะทางขึ้นนักขี่ที่มีชื่อที่สุด คนหนึ่งในช่วงนั้นคือบ๊อบถึงซึ่งถือได้ว่าเป็น "พ่อของฟรีสไตล์" (ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทจักรยานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่ง) ในราวปี 1985 เป็นต้นมา ทางบริษัทผู้ผลิตจักรยานหลายๆราย ได้มีการผลิตอะไหล่ ที่ทำไว้สำหรับการเล่นท่า Freestyle ได้แก่ตัวถังที่มีที่ยืนตรงหลักอาน, ที่ยืนตรงแฮนด์, ที่ยืนตรงแกนล้อ และตะเกียบฯลฯ การจัดแข่งขันเริ่มมีมากขึ้นมีการรวมตัวนักขี่ผาดโผน จัดตั้งเป็นทีม Freestyle อย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงนี้เอง ที่สมาคม AFA(American Freestyle Association) ได้เข้ามาผูกขาดในการจัดแข่งขันครั้งใหญ่ๆ นักขี่เอือมกับกติกาหยุมหยิม เช่น Flatland ก็ให้ใส่หมวกกันน๊อก และกรรมการเป็นคนธรรมดาไม่รู้จักการให้คะแนน โดยเฉพาะท่ายากๆหรือท่าใหม่ๆ แบนนักขี่ที่ไปแข่งงานอื่น จัดแบ่งรุ่น(Class)ละเอียดยิบ ซึ่งนอกจากจะแบ่งตามรุ่นอายุ ยังมีรุ่นสมัครเล่น(Amateur) และรุ่นมืออาชีพ(Pro) ซึ่งนักขี่จะลงได้หลายรุ่น ปัญหาจึงอยู่ที่คนที่มีฝีมือดียังไม่ยอม Turn Pro ง่ายๆเพราะยังหวงตำแหน่งอยู่ต่อมาในยุค 90 AFA ยกเลิกการจัดแข่ง ทำให้วงการเงียบเหงาไปพักหนึ่ง แต่ก็ได้ Mat Hoffman ซึ่งเป็นนักขี่ ได้ริเริ่ม จัดงานแข่งขึ้นเองชื่อ Bike Stunt Series หรือ BS ซึ่งเป็นการปลุกผีวงการขึ้นมาอีกครั้ง และได้ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนกระทั่ง ESPN ช่องกีฬายักษ์ใหญ่ได้มาติดต่อขอซื้อรายการต่อ จัดให้มีการนำภาพจากการแข่งไปออกอากาศทั่วโลก และต่อมาได้รวบรวมกีฬาสุดขั้วหรือ Extreme Sports เข้าไว้ด้วยกันภายใต้ชื่อ “X-GAMES”
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมาของจักรยาน BMX ทำความรู้จักถึงความเป็นมาต้นกำเนิด




จักรยานสองล้อรุ่นแรกจะที่เป็นต้นแบบของจักรยานสองล้อในปัจจุบันมีกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อราวปีพ . ศ . 2343 สามารถพ . ศ .ประวัติความเป็นมาของจักรยาน BMX ทำความรู้จักถึงความเป็นมาต้นกำเนิด




จักรยานสองล้อรุ่นแรกจะที่เป็นต้นแบบของจักรยานสองล้อในปัจจุบันมีกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อราวปีพ . ศ . 2343 สามารถพ . ศ .ประวัติความเป็นมาของจักรยาน BMX ทำความรู้จักถึงความเป็นมาต้นกำเนิด




จักรยานสองล้อรุ่นแรกจะที่เป็นต้นแบบของจักรยานสองล้อในปัจจุบันมีกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อราวปีพ . ศ . 2343 สามารถพ . ศ .1346 ได้มีการผลิตจักรยาน 2 ล้อรุ่นหนึ่งซึ่งมีตัวล้อเป็นเหล็กและมีขอบล้อทำด้วยไม้กำลังเคลื่อนล้อได้มาจากแรงปั่นด้วยเท้าบนบันไดทั้งสองของรถจักรยานเหมือนกับในรถสามล้อถีบปัจจุบันและในราวปีพ .2423-2433 ขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางล้อหน้าได้ขยายใหญ่ขึ้นถึง 60 นิ้วซึ่งทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้เป็นระยะทางถึง 16 ฟุตจากการปั่นบันไดรถจักรยานหมุน a research note อันมีผลให้มันสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง 1ศ .ศ .นอกจากนั้นการที่จุดศูนย์ถ่วงของตัวจักรยานอยู่สูงทำให้มันมีแนวโน้มที่จะพลิกคว่ำหรือเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่ายดังนั้นในราวปีพ .1352 จึงได้มีการผลิตจักรยานรุ่นใหม่ที่มีรูปลักษณะเหมือนจักรยานสมัยใหม่ในปัจจุบันความล้อทั้งสองมีขนาดเท่ากันและมีเฟืองที่บันไดรถเพื่อถ่ายทอดกำลังผ่านโซ่ไปยังล้อหลังจักรยาน BMX เกิดขึ้นประมาณยุค 70 ในทางตอนใต้ของคาลิฟอร์เนียโดยกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งได้ปรับแต่งจักรยานขนาดล้อ 20 นิ้วซึ่งพวกเขาได้แรงบรรดาลใจจากการชมภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการแข่งขันจักรยานยนต์ motocass
และยังให้อัตราทดกำลังด้วยการเลือกใช้เฟืองทดกำลังที่เหมาะสมสำหรับขับขี่โดยเฉพาะด้วยความเร็วต่ำแต่เบาแรงกว่าในขณะปั่นขึ้นเขาหรือทางชัน
การแข่งขันจักรยานวิบากแบบ BMX ( จักรยาน Moto Cross ) ที่มีวงล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 นิ้วในประเภทความเร็ว ( แข่งรถ ) ได้เป็นที่นิยมกันมากในประเทศสหรัฐอเมริกาและได้แพร่ขยายไปทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็วเพื่อความสนุกสนานและใช้โชว์ออฟกันในกลุ่มเพื่อนๆทั้งยังเป็นการฝึกทักษะในการควบคุมรถได้อย่างดีและเมื่อมีโอกาสก็มักจะได้นำท่านั้นมาออกโชว์กันในช่วงพักของการแข่งขันหรือในการโปรโมท์ให้กับสปอนเซอร์ของตนต่อมาเมื่อมีท่าทางหลากหลายมากขึ้นนักขี่หล่าวนั้นได้หันมาเน้นฝึกแต่ท่าพลิกแพลง ( เคล็ดลับ ) อย่างจริงจัง
จนกระทั่งได้กลายเป็นกีฬาประเภทใหม่ที่เน้นฝึกเฉพาะแต่ท่าผาดโผนอย่างเดียวและได้พัฒนาท่าพลิกแพลงเหล่านี้ให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือในยุคนั้นท่ายังไม่มีมากนักจึงมีการคิดค้นลีลาต่างๆออกมาใหม่ตลอดเวลานักขี่แต่ละคนจะมีท่าเป็นของตนเองไม่ค่อยจะซ้ำกันนักนักขี่กลุ่มนี้จึงถูกขนานนามว่า " freestyler " และได้เริ่มมีนักขี่ที่มีชื่อที่สุด
ที่ยืนตรงแกนล้อและตะเกียบฯลฯการจัดแข่งขันเริ่มมีมากขึ้นมีการรวมตัวนักขี่ผาดโผนจัดตั้งเป็นทีมฟรีสไตล์อย่างเต็มรูปแบบในช่วงนี้เองที่สมาคมสำหรับสมาคมอเมริกันได้เข้ามาผูกขาดในการจัดแข่งขันครั้งใหญ่ๆฟรีสไตล์ )ในราวปี 1985 เป็นต้นมาทางบริษัทผู้ผลิตจักรยานหลายๆรายได้มีการผลิตอะไหล่ที่ทำไว้สำหรับการเล่นท่าได้แก่ตัวถังที่มีที่ยืนตรงหลักอานที่ยืนตรงแฮนด์ฟรีสไตล์ , ,คนหนึ่งในช่วงนั้นบ๊อบทําความซึ่งถือได้ว่าเป็น " พ่อของ " ฟรีสไตล์ "
( ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทจักรยานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่ง )

การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: