dinate and normal frequency, so tha

dinate and normal frequency, so that we have normal coordinates q1,q2,...,q3N with corresponding normal frequencies ω1,ω2,...,ω3N. For each normal mode we have independent SHM in the coordinate q with frequency ω. A good example of this is provided by a crystal lattice. In Section 1.2.6 we described how an atom in a crystal can be modelled as a simple harmonic oscillator and how Einstein used this model to explain the variation of the specific heat of a crystal with

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

dinate และความถี่ปกติเพื่อให้เรามีพิกัดปกติ q1, q2, ... , q3n สอดคล้องกับความถี่ปกติω1, ω2, ... , ω3n สำหรับโหมดปกติแต่ละเรามีอิสระใน shm ประสาน q ด้วยωความถี่ ที่ดีเช่นนี้มีให้โดยผลึกตาข่าย ในส่วน 1.26 เราอธิบายว่าอะตอมในผลึกสามารถจำลองเป็นมือประสานที่ง่ายและวิธี Einstein ใช้แบบจำลองนี้ในการอธิบายการเปลี่ยนแปลงของความร้อนที่เฉพาะเจาะจงของคริสตัลที่มี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

dinate ความ ถี่ปกติ และเพื่อให้เรามีพิกัดปกติไตรมาส 1 ไตรมาสที่ 2,..., q3N กับตรงความถี่ปกติ ω1, ω2,..., ω3N ในแต่ละโหมดปกติ เรามีอิสระ SHM ใน q ประสานงานด้วยความถี่ω ตัวอย่างที่ดีของนี้ได้ โดยโครงตาข่ายประกอบคริสตัล ในหัวข้อ 1.26 เราอธิบายสามารถ modelled อะตอมในผลึกที่เป็น oscillator ที่มีค่าอย่างไรและวิธีการที่ไอน์สใช้แบบจำลองนี้อธิบายความแปรปรวนของความร้อน specific ของคริสตัลด้วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความถี่ dinate และตามปกติซึ่งทำให้เรามีพิกัดตามปกติไตรมาส 1 และไตรมาส 2 , ω1 , Ω 2,3 N พร้อมด้วยที่เกี่ยวข้องตามปกติความถี่ Q Ω 3 . N . สำหรับโหมดปกติแต่ละครั้งเรามีหูฟังรุ่น SHM อิสระในประสานงานประจำไตรมาสที่พร้อมด้วยความถี่Ω ตัวอย่างที่ดีของโรงแรมแห่งนี้ได้รับการจัดหาโดยหลายท่อนคริสตัลที่ ในหัวข้อ 1.2 )6 เราอธิบายไว้ได้อย่างไรอะตอมในคริสตัลที่สามารถวางรูปแบบตามอย่างเป็นเครื่องก่อกระแสไฟฟ้าสลับค่าความเพี้ยนเชิงฮาร์มอนิกแบบเรียบง่ายและวิธีการไอน์สไตน์ใช้รุ่นนี้เพื่ออธิบายความแตกต่างของความร้อนใช้ Linux เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของคริสตัลที่พร้อมด้วย