First, Campbell defines performance

First, Campbell defines performance as behavior - something done by an employee. This concept differentiates performance from outcomes. Outcomes result partially from an individual's performance, but they are also the result of other influences. In other words, there are more factors determine outcomes than just an employee's behaviors and actions.

Campbell allows for exceptions when defining performance as behavior. For instance, he clarifies that performance does not have to be directly observable actions of an individual. It can consist of mental productions such as answers or decisions. However, performance needs to be under the individual's control, regardless of whether the performance of interest is mental or behavioral.

The difference between individual controlled action and outcomes is best conveyed through an example.[citation needed] In a sales job, a favorable outcome is a certain level of revenue generated through the sale of something (merchandise, or some service such as insurance). Revenue can be generated or not, depending on the behavior of employees. When the employee performs this sales job well, he is able to move more merchandise. However, certain factors other than employees' behavior influence revenue generated. For example, sales might slump due to economic conditions, changes in customer preferences, production bottlenecks, etc. In these conditions, employee performance can be adequate, yet sales can remain low. The first is performance and the second is the effectiveness of that performance. One can de-couple these two because performance is not the same as effectiveness.[3]

Another closely related construct is productivity.[4] On can think of productivity as a comparison of the amount of effectiveness that results from a certain level of cost associated with that effectiveness. In other words, effectiveness is the ratio of outputs to inputs—those inputs being effort, monetary costs, resources, etc.

Utility, another related construct, is defined as the value of a particular level of performance, effectiveness, or productivity.[citation needed] Utilities of performance, effectiveness, and productivity are value judgments.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ครั้งแรก แคมป์เบลกำหนดประสิทธิภาพการทำงานเป็นลักษณะการทำงาน - ทำสิ่งที่พนักงาน แนวคิดนี้แตกต่างประสิทธิภาพจากผล ผลผลบางส่วนจากประสิทธิภาพของแต่ละบุคคล แต่พวกเขายังมีผลมาจากอิทธิพลอื่น ๆ ในคำอื่น ๆ มีมากกว่าปัจจัยผลลัพธ์มากกว่าเพียงพนักงานพฤติกรรมและการกระทำแคมป์เบลช่วยให้ข้อยกเว้นเมื่อการกำหนดประสิทธิภาพการทำงานเป็นลักษณะการทำงาน เช่น เขาชี้แจงว่า ประสิทธิภาพไม่มีจะ สังเกตได้โดยตรงการกระทำของบุคคล มันสามารถประกอบด้วยการผลิตจิตเช่นคำตอบหรือตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพการทำงานต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแต่ละบุคคล ไม่ว่าประสิทธิภาพของดอกเบี้ยเป็นจิตใจ หรือพฤติกรรมความแตกต่างระหว่างการควบคุมและผลที่ได้เป็นดีที่สุดถ่ายทอดผ่านตัวอย่าง [แก้] ในงานขาย ผลดีคือ ระดับรายได้ผ่านการขายบางสิ่งบางอย่าง (สินค้า หรือบริการบางอย่างเช่นการประกัน) รายได้ที่สามารถสร้าง หรือ ไม่ ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานของพนักงาน เมื่อพนักงานทำงานนี้ขายดี เขาจะสามารถย้ายสินค้าเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม บางปัจจัยอื่นนอกเหนือจากพฤติกรรมของพนักงานมีผลต่อรายได้ ตัวอย่างเช่น ขายอาจเกษตรพาเหรดราคาเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในลักษณะลูกค้า คอขวดในการผลิต ฯลฯ ในเงื่อนไขเหล่านี้ ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้อย่างเพียงพอ ยังขายสามารถยังคงต่ำ แรกคือ ประสิทธิภาพ และประการที่สองคือ ประสิทธิผลของการแสดงที่ หนึ่งสามารถยกเลิกของคู่สองเหล่านี้เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานไม่เหมือนกับประสิทธิภาพ [3]อีกอย่างใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องโครงสร้างเป็นผลผลิต [4]สามารถคิดของการผลิตเป็นการเปรียบเทียบปริมาณของประสิทธิภาพที่เป็นผลจากระดับของต้นทุนกับประสิทธิผลที่ ในคำอื่น ๆ ประสิทธิผลคือ อัตราส่วนของผลการอินพุต — ปัจจัยเหล่านั้นถูกความพยายาม ทรัพยากร ต้นทุนทางการเงิน ฯลฯยูทิลิตี้ การก่อสร้างที่เกี่ยวข้องอื่น ถูกกำหนดเป็นค่าของระดับเฉพาะ ของประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ [แก้] ยูทิลิตี้ของประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลงานจะประเมินค่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ครั้งแรกที่แคมป์เบลกำหนดประสิทธิภาพพฤติกรรม - สิ่งที่ทำโดยพนักงาน แนวคิดนี้แตกต่างจากผลการปฏิบัติงาน ผลลัพธ์ที่ส่งผลให้บางส่วนจากผลการดำเนินงานของแต่ละคน แต่พวกเขายังมีผลมาจากอิทธิพลอื่น ๆ ในคำอื่น ๆ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายตรวจสอบผลลัพธ์ที่มากกว่าเพียงแค่พฤติกรรมของพนักงานและการกระทำ.

แคมป์เบลช่วยให้ข้อยกเว้นเมื่อกำหนดประสิทธิภาพพฤติกรรม ยกตัวอย่างเช่นเขาชี้แจงว่าผลการดำเนินงานไม่ได้จะต้องมีการดำเนินการสังเกตโดยตรงของแต่ละบุคคล มันสามารถประกอบด้วยโปรดักชั่นจิตเช่นคำตอบหรือการตัดสินใจ แต่ประสิทธิภาพจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแต่ละบุคคลโดยไม่คำนึงว่าผลการดำเนินงานที่น่าสนใจคือจิตใจหรือพฤติกรรม.

ความแตกต่างระหว่างการดำเนินการควบคุมของแต่ละบุคคลและผลลัพธ์เป็นสื่อที่ดีที่สุดผ่านตัวอย่าง. [อ้างจำเป็น] ในงานขายผลดี อยู่ในระดับหนึ่งของการสร้างรายได้ผ่านการขายของบางสิ่งบางอย่าง (สินค้าและบริการบางอย่างเช่นการประกัน) เดอะ สามารถสร้างรายได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานของพนักงาน เมื่อพนักงานดำเนินงานนี้ขายดีเขามีความสามารถที่จะย้ายสินค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจัยบางอย่างอื่นนอกเหนือจากรายได้จากพฤติกรรมอิทธิพลของพนักงานที่สร้าง ยกตัวอย่างเช่นการขายอาจตกต่ำเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงในความต้องการของลูกค้าคอขวดการผลิต ฯลฯ ในเงื่อนไขเหล่านี้ประสิทธิภาพของพนักงานสามารถจะเพียงพอ แต่ยอดขายจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ที่แรกก็คือประสิทธิภาพการทำงานและที่สองคือความมีประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานว่า หนึ่งสามารถยกเลิกคู่ทั้งสองเนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับประสิทธิผล. [3]

อีกสร้างสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดคือการผลิต. [4] สามารถคิดในการผลิตที่เปรียบเทียบของจำนวนเงินที่มีประสิทธิภาพที่เป็นผลมาจากระดับหนึ่งของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพที่ ในคำอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพคืออัตราส่วนของผลต่อปัจจัยการผลิตปัจจัยการผลิตเหล่านั้นเป็นความพยายามที่ค่าใช้จ่ายทางการเงิน, ทรัพยากร ฯลฯ

ยูทิลิตี้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างถูกกำหนดให้เป็นค่าของระดับโดยเฉพาะอย่างยิ่งของการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพหรือการผลิต. [อ้าง จำเป็น] สาธารณูปโภคของการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพในการผลิตและมีการตัดสินค่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ครั้งแรก แคมป์เบลล์ กำหนดตามพฤติกรรมบางอย่างที่กระทำโดยลูกจ้าง แนวคิดนี้ทำให้การแสดงผลลัพธ์ ผลผลบางส่วนจากผลงานของแต่ละคน แต่พวกเขายังมีผลของอิทธิพลอื่น ๆ ในคำอื่น ๆมีปัจจัยเพิ่มเติมตรวจสอบผลลัพธ์มากกว่าพฤติกรรมของพนักงานและการกระทำแคมป์เบลให้สำหรับข้อยกเว้นเมื่อกำหนดตามพฤติกรรม ตัวอย่าง เขาชี้แจงว่า การแสดงไม่ต้องโดยตรง สังเกตการกระทำของแต่ละบุคคล มันสามารถประกอบด้วยการผลิตทางจิตใจ เช่น คำตอบ หรือการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแต่ละคน ไม่ว่าการแสดงที่น่าสนใจคือจิตหรือพฤติกรรมความแตกต่างระหว่างการกระทำและผล ควบคุมอุณหภูมิที่ดีที่สุดคือการถ่ายทอดผ่านตัวอย่าง . อ้างอิง [ จำเป็น ] ในงานขาย ผลดี เป็นระดับหนึ่งของรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการบางอย่าง เช่น ประกัน ) รายได้ที่สามารถสร้างหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของพนักงาน เมื่อพนักงานทํางานนี้ขายได้ดี เขาสามารถย้ายสินค้าเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของพนักงานนอกจากรายได้ที่แน่นอน ตัวอย่างเช่น การขายอาจตกต่ำเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในการตั้งค่าของลูกค้าคอขวดการผลิต ฯลฯ ในเงื่อนไขเหล่านี้ ประสิทธิภาพของพนักงานได้เพียงพอ แต่ยอดขายก็ยังต่ำ อย่างแรกคือการแสดง และส่วนที่สอง คือ ผลของการปฏิบัตินั้น หนึ่งสามารถ เดอ คู่สอง เพราะงานไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับประสิทธิผล [ 2 ]อื่นที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดสร้างคือผลผลิต [ 4 ] ที่สามารถคิดความสามารถในการเปรียบเทียบจำนวนของประสิทธิผลที่ได้ผลระดับหนึ่งของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิผล ในคำอื่น ๆผลคือ อัตราส่วนของผลผลิตปัจจัยการผลิตนั้นกระผมมีความพยายาม ต้นทุน ทรัพยากรทางการเงิน ฯลฯยูทิลิตี้ที่สร้าง กำหนดเป็นค่าของระดับใดของประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือประสิทธิภาพ . อ้างอิง [ จำเป็น ] สาธารณูปโภคของประสิทธิภาพและประสิทธิผล และประสิทธิภาพ มีการตัดสินคุณค่า