One of our main arguments is that t

One of our main arguments is that the fraud triangle
constitutes a rhetorical tool that professional associations
have used to create and consolidate a field of knowledge
and intervention around individual morality. Our analysis
brings to the fore translations representing the fraud triangle
as a credible technology that allows fraud specialists to
speak authoritatively and intervene, in certain ways, in
organizational fraud. In so doing, a certain discourse of
normality gains legitimacy through the recruitment of allies
around and fabrication of a concept that appears to
be technical and descriptive, but contains a very specific vision
of fraud.
The feeling of neutrality is sustained by a series of illustrations
focused on the least controversial examples. This
also serves to present fraud as ‘‘inherently’’ unacceptable.
Lumping these ‘‘serious acts’’ (e.g., bribery, misappropriation
of funds) with trivial deviances (e.g., arriving late at
work, taking long breaks) and more controversial actions
(e.g., working more slowly than asked by the hierarchy,
workplace resistance) then serves to justify considering
any ‘‘workplace deviant behavior’’ as a fraud that should
be systematically condemned, deterred and punished.
Fraud is constituted, therefore, as reprehensible and immoral,
though relatively controllable when organizations
establish appropriate surveillance systems. The notion that
morality boundaries vary in time and space (Douglas,
1966) is ignored.
These findings contribute to our understanding of the
links between fraud, organizational control and society.
Previous studies argued that today’s society is characterized
by a proliferation of control and audit technologies
to restore trust – but that basically promote distrust
(Power, 1997). Our study can be viewed as an examination
of the problem of trustworthiness. We showed that a climate
of suspicion is promoted in the fraud triangle literature
and that the organization is deemed a legitimate site
for restoring trust through intervention. Our analysis also

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หนึ่งของอาร์กิวเมนต์หลักของเราคือสามเหลี่ยมฉ้อโกงถือเครื่องมือ rhetorical ที่สมาคมวิชาชีพใช้สร้าง และรวมเขตข้อมูลความรู้และแทรกแซงรอบละจริยธรรม การวิเคราะห์ของเรานำไปแปล fore แทนสามเหลี่ยมฉ้อโกงเป็นเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญฉ้อโกงพูด authoritatively และแทรก แซง ในบางวิธี ในทุจริตองค์กร เลยทำ วาทกรรมของnormality กำไรชอบธรรม โดยสรรหาบุคลากรของพันธมิตรรอบ และการผลิตของแนวคิดที่เทคนิค และคำอธิบาย แต่ประกอบด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉพาะเจาะจงมากของการฉ้อโกงความรู้สึกของความเป็นกลางอยู่ยั่งยืน โดยชุดภาพประกอบเน้นตัวอย่างแย้งน้อยที่สุด นี้ทำหน้าที่นำทุจริตเป็น ''ความ '' ไม่สามารถยอมรับLumping เหล่านี้ ''กระทำอย่างจริงจัง '' (เช่น ติดสินบน ฐานยักยอกทรัพย์ของกองทุน) มี deviances เล็กน้อย (เช่น สายเดินทางมาถึงงาน การหยุดพักยาว) และการดำเนินการแย้งขึ้น(เช่น ทำงานได้ช้ากว่าขอตามลำดับชั้นต้านทานที่ทำงาน) แล้ว ทำหน้าที่ในการพิจารณาใด ๆ ''ทำ deviant พฤติกรรม '' เป็นการฉ้อฉลที่ควรมีระบบประณาม deterred และลงโทษทุจริตจะทะลัก ดังนั้น immoral และ reprehensibleแม้ว่าค่อนข้างควบคุมได้เมื่อองค์กรสร้างระบบเฝ้าระวังที่เหมาะสม แนวคิดที่ขอบเขตของจริยธรรมแตกต่างกันในเวลา และพื้นที่ (ดักลาส1966) จะถูกละเว้นผลการวิจัยเหล่านี้นำไปสู่ความเข้าใจของเราเชื่อมโยงระหว่างการทุจริต การควบคุมขององค์กร และสังคมการศึกษาก่อนหน้านี้โต้เถียงว่า วันนี้สังคมมีลักษณะโดยแพร่หลายของเทคโนโลยีควบคุมและตรวจสอบการคืนค่า ความน่าเชื่อถือ – แต่โดยทั่วไปส่งเสริมระแวง(Power, 1997) เราสามารถใช้เป็นการตรวจสอบปัญหาของน่าเชื่อถือ เราพบว่าสภาพการของความสงสัยจะเลื่อนขึ้นในวรรณคดีสามเหลี่ยมฉ้อโกงและที่องค์กรถือว่าเป็นเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับการคืนค่าความน่าเชื่อถือผ่านการแทรกแซง การวิเคราะห์ของเรายัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หนึ่งในข้อโต้แย้งหลักของเราคือที่สามเหลี่ยมทุจริต
ถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีวาทศิลป์ที่สมาคมวิชาชีพ
ได้ใช้ในการสร้างและรวบรวมข้อมูลความรู้
และการแทรกแซงรอบศีลธรรมของแต่ละบุคคล การวิเคราะห์ของเรา
จะนำมาแปลก่อนที่เป็นตัวแทนของการทุจริตสามเหลี่ยม
เป็นเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญการทุจริตที่จะ
พูด authoritatively และแทรกแซงในวิธีการบางอย่างใน
การทุจริตขององค์กร ดังนั้นในการทำ, วาทกรรมบางอย่างของ
ปกติได้รับถูกต้องตามกฎหมายผ่านการสรรหาของพันธมิตร
ไปรอบ ๆ และผลิตของแนวคิดที่ดูเหมือนจะ
เป็นทางด้านเทคนิคและความหมาย แต่มีวิสัยทัศน์ที่เฉพาะเจาะจงมาก
ของการหลอกลวง
ความรู้สึกของความเป็นกลางที่ยั่งยืนโดยชุดของภาพประกอบ
มุ่งเน้นไปที่อย่างน้อยตัวอย่างความขัดแย้ง นี้
ยังทำหน้าที่ที่จะนำเสนอการทุจริตเป็น '' โดยเนื้อแท้ '' ยอมรับไม่ได้
ก้อนเหล่านี้ '' การกระทำที่ร้ายแรง '' (เช่นติดสินบนยักยอก
เงิน) กับ deviances เล็กน้อย (เช่นมาสายที่
ทำงาน, การหยุดพักยาว) และการกระทำที่ถกเถียงกันมากขึ้น
(เช่นการทำงานช้ากว่าถามโดยลำดับชั้น
ต้านทานที่ทำงาน) จากนั้นทำหน้าที่ในการแสดงให้เห็นถึงการพิจารณา
ใด ๆ '' พฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ทำงาน '' เป็นนักต้มตุ๋นที่ควร
ได้รับการประณามระบบขัดขวางและถูกลงโทษ
การทุจริตเป็น constituted จึงเป็นเลวทรามและ ผิดศีลธรรม,
แต่ค่อนข้างควบคุมได้เมื่อองค์กร
สร้างระบบการเฝ้าระวังที่เหมาะสม ความคิดที่ว่า
ขอบเขตคุณธรรมแตกต่างกันในเวลาและพื้นที่ (ดักลาส,
1966) จะถูกละเว้น
การค้นพบนี้นำไปสู่ความเข้าใจของเรา
เชื่อมโยงระหว่างการทุจริตการควบคุมขององค์กรและสังคม
การศึกษาก่อนหน้าถกเถียงกันอยู่ว่าสังคมปัจจุบันเป็นลักษณะ
โดยการขยายตัวของการควบคุมและการตรวจสอบ เทคโนโลยี
ที่จะเรียกคืนความเชื่อมั่น - แต่ที่พื้นส่งเสริมความไม่ไว้วางใจ
(พาวเวอร์, 1997) การศึกษาของเราสามารถมองได้ว่าการตรวจสอบ
ของปัญหาของความน่าเชื่อถือ เราแสดงให้เห็นว่าสภาพภูมิอากาศ
ของความสงสัยได้รับการส่งเสริมในวรรณคดีฉ้อโกงสามเหลี่ยม
และว่าองค์กรจะถือว่าเว็บไซต์ที่ถูกต้อง
สำหรับการฟื้นฟูความไว้วางใจผ่านการแทรกแซง การวิเคราะห์ของเรายัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หนึ่งในเหตุผลหลักของเราก็คือการทุจริตสามเหลี่ยม
ถือเป็นเครื่องมือเชิงโวหารที่สมาคมวิชาชีพ
ได้ใช้ในการสร้างและรวบรวมข้อมูลความรู้
และการแทรกแซงรอบจริยธรรมของแต่ละบุคคล
การวิเคราะห์ของเรา ทำให้พื้นหน้าแปลแทนการฉ้อโกงสามเหลี่ยม
เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือหลอกลวง

พูด authoritatively และการเข้าแทรกแซงในบางวิธี , ใน
องค์การการฉ้อโกง ดังนั้นในการทำบางอย่างของวาทกรรม
ปกติได้รับความชอบธรรมผ่านการสรรหาพันธมิตร
รอบและสร้างแนวคิดที่ปรากฏ
ทางเทคนิคและพรรณนา แต่มีวิสัยทัศน์ที่เฉพาะเจาะจงมาก

ความรู้สึกการเป็นกลางคือยั่งยืนโดยชุดของภาพประกอบ
เน้นตัวอย่างแย้งน้อยที่สุด นี้
ยังทำหน้าที่เป็นผู้ 'inherently ปัจจุบัน ' ' ' รับไม่ได้
บวมเหล่านี้ ' 'serious ทำหน้าที่ ' ' ( เช่น สินบน ยักยอก
เงิน ) กับ deviances เล็กน้อย ( เช่น มาถึงดึก
งานนานแบ่ง ) และขัดแย้งมากขึ้นการกระทำ
( เช่น ทำงานช้า กว่า
ถามโดยลำดับ สถานที่ทำงานต้านทาน ) แล้วหน้าที่ปรับพิจารณา
พฤติกรรมผิดปกติใด ๆ 'workplace ' ' ' เป็นฉ้อโกงที่ควร
ได้อย่างเป็นระบบ ทำให้ถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกลงโทษ
ฉ้อโกงเป็น constituted จึงเป็นน่าตำหนิและอนาจาร แต่ควบคุมได้ เมื่อองค์กร

ค่อนข้างสร้างระบบเฝ้าระวังที่เหมาะสม ความคิดที่เป็นขอบเขตแตกต่างกัน
ศีลธรรมอวกาศและเวลา ( Douglas

1966 ) จะถูกละเว้นการค้นพบนี้นำไปสู่ความเข้าใจของเรา
การเชื่อมโยงระหว่างการฉ้อโกง การควบคุมองค์การและสังคม
การศึกษาก่อนหน้านี้ที่ถกเถียงกันอยู่ว่าวันนี้สังคมเป็นลักษณะ
โดยการการควบคุมและการตรวจสอบเทคโนโลยี
เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่น – แต่โดยทั่วไปการไม่ไว้ใจ
( อำนาจ , 1997 ) การศึกษาของเรา สามารถดูได้โดยการตรวจสอบ
ของปัญหาของความน่าเชื่อถือเราพบว่าบรรยากาศ
ข้อสงสัยได้รับการสนับสนุนในการฉ้อโกงและวรรณกรรม
สามเหลี่ยมที่องค์กรจะถือว่าเป็นเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เพื่อฟื้นฟูความน่าเชื่อถือผ่านการแทรกแซง การวิเคราะห์ของเรายัง