Calcium as an essential mineral is

Calcium as an essential mineral is involved in several physiological processes such as bone development. A number of studies have shown that calcium is important for fracture prevention and bone density, especially among elderly women. In 2001, the National Academy of Sciences of the United States reported that adequate calcium intake is critical not only to achieve optimal peak bone mass, but also to modify the rate of bone loss associated with ageing. Gradual loss of bone with aging is normal; however, it may be accelerated by factors such as menopause, serious health conditions or their treatment, and lifestyle factors such as inadequate diet, lack of exercise, smoking, or excessive alcohol consumption (World Health Organization, 2004). Menopause is generally a normal biological and physiological event that occurs in women at an average age of 51. Hormone deficiency, especially in the elderly, can have negative results on body calcium balance, increasing bone loss. According to National Osteoporosis Foundation (NOF) (2002), estrogen hormones in women influence deposition of calcium into bones. Osteoporosis is generally thought as a “woman’s disease” because the prevalence of osteoporosis and the rate of fractures are much higher in postmenopausal women than in elderly men (Cawthon, 2011). Osteoporosis as a silent disease causes bones to become more penetrable. WHO considers osteoporosis as the second striking health care issue worldwide (WHO/FAO., 2003). In the year of 2000 alone, there were an estimated 9 million osteoporotic fractures worldwide, resulting in a loss of 5.8 million disability adjusted life-years (Johnell & Kanis, 2006). It is projected that approximately half of all hip fractures in the world occur in Asia. Currently, there is an increasing incidence of hip fractures in the developed cities in Asia. This is due to socio-economic development in many Asian countries and rapid ageing of the Asian population. One out of four hip fractures, occur in Asia and Latin America. This number of hip fractures will increase to 1 in 2 by 2050. Osteoporotic fractures are claimed to affect 50% of women aged over 50 years. One of the most important modifiable factors in the development and maintenance of bone mass is nutrition. Adequate nutrition plays a major role in the prevention and treatment of osteoporosis (Tucker et al., 2002).

On the other hand, osteoporosis and bone loss cannot be prevent by calcium intake alone, especially during menopause and aging (Heaney, Bilezikian, Holick, Nieves, & Weaver, 2006). To meet calcium recommendations, the bioavailability of calcium is an important factor to consider beyond simply the calcium content of foods (Kwaka, Leeb, & Leeb, 2012). Bioavailability depends on several factors such as solubility and permeability through intestine. Solubility and permeability increase with decreasing particle size. Nanoparticles are specific dispersions or solid particles in the range of 10–1000 nm. Due to their small sizes, nanoparticles have various physiochemical properties in comparison with their respective bulk compounds (Sanguansri & Augustin, 2006). Physio-chemical properties involve changes in compound strength, optical properties (colour), the surface-to-volume ratio (solubility and reactivity), and conductivity of the nanoparticles (Garti, 2005). Solubility increases with decreasing particle size. Such a change arises because of the presence of an electrical charge on the particle, which is predominant in small particles (Behera, Sahoo, & Patil, 2010). Nanonization techniques are used to improve dissolution rates of mineral into the biological environment, in order to improve the oral bioavailability (Hetal, Bindesh, & Sneha, 2010). Nano delivery system can modify the distribution of the nutrients in the body, therefore, they can enhance nutrients’ bioavailability (Whitesides & Grzybowski, 2002). According to previous study Mohanty, Dilnawaz, Mohanty, and Sahoo (2010), the most important factors to increase bioavailability is particle size reduction. Furthermore, bioavailabilities of calcium salts are dependent on the quality of the supplement’s formula. Unsuitable formulated compounds do not disintegrate when in contact with gastric secretions, therefore, their absorption decreases (Heaney, 1991).

The current study developed two enriched milk homogenized to a nano-sized particle distribution (nano-sized enriched milks). Enrichment was consisted of calcium citrate/calcium carbonate and incorporating some enhancers for bioavailability of calcium (i.e. fat and water soluble vitamins including B6, K1, and D3, inulin, and docosahexaenoic acid (DHA) as well as eicosapentaenoic acid (EPA)). The main purpose of this research was to study the influences of preparation condition on the calcium bioavailability from the designed enriched milks in ovariectomized-osteoporosis and ovariectomized rats. For this purpose, feces calcium, serum calcium, femur calcium content, fem

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญมีส่วนร่วมในกระบวนการทางสรีรวิทยาต่าง ๆ เช่นการพัฒนากระดูก จำนวนของการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า แคลเซียมมีความสำคัญสำหรับกระดูกป้องกันกระดูกและความหนาแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิงสูงอายุ ในปี 2001 ในชาติสถาบันวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริการายงานว่า ปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียง เพื่อให้มวลกระดูกสูงสุด แต่เป็น การปรับเปลี่ยนอัตราการสูญเสียกระดูกที่เกี่ยวข้องกับอายุ ขาดทุน gradual กระดูกมีริ้วรอยเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม มันอาจเร่งปัจจัยเช่นวัยหมดประจำเดือน สุขภาพร้ายแรง หรือการรักษา และไลฟ์สไตล์ปัจจัยเช่นอาหารไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย บุหรี่ หรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป (องค์การอนามัยโลก 2004) วัยหมดประจำเดือนโดยทั่วไปเป็นปกติทางสรีรวิทยา และชีวภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในผู้หญิงที่อายุ 51 ขาดฮอร์โมน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ ได้ผลเชิงลบในสมดุลแคลเซียมของร่างกาย เพิ่มการสูญเสียกระดูก ตามชาติพรุนมูลนิธิ (นอฟ) (2002), ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อการสะสมแคลเซียมเข้ากระดูก โรคกระดูกพรุนโดยทั่วไปคิดว่า เป็น "โรคสตรี" เนื่องจากความชุกของโรคกระดูกพรุนและอัตราของกระดูกมีมากขึ้นในวัยหมดประจำเดือนผู้หญิงมากกว่าในผู้ชายสูงอายุ (Cawthon, 2011) โรคกระดูกพรุนเป็นโรคเงียบทำให้กระดูกจะกลายเป็น penetrable มากขึ้น ใครว่าโรคกระดูกพรุนเป็นปัญหาสุขภาพที่โดดเด่นสองทั่วโลก (ที่ / FAO. 2003) ในปี 2000 เกิดกระดูกหักเพียงอย่างเดียว มีการประเมิน 9 ล้านของทั่วโลก เกิดการสูญเสียของความพิการ 5.8 ล้านปรับปรุงชีวิตปี (โชค & Kanis, 2006) เป็นที่คาดการณ์ว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของกระดูกสะโพกทั้งหมดในโลกเกิดขึ้นในเอเชีย ในปัจจุบัน มีอุบัติการณ์การเพิ่มขึ้นของกระดูกสะโพกหักในเมืองพัฒนาแล้วในเอเชีย นี่คือเนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในหลายประเทศในเอเชียและริ้วรอยอย่างรวดเร็วของประชากรเอเชีย หนึ่งในสี่ของกระดูกหักที่สะโพก เกิดขึ้นในเอเชียและอเมริกา หมายเลขนี้ของกระดูกสะโพกหักจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 2 2593 กระดูกหักของอ้างว่า มีผล 50% ของผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปี หนึ่งสำคัญที่สุดสามารถปรับเปลี่ยนปัจจัยในการพัฒนาและบำรุงรักษาของกระดูก มวลเป็นโภชนาการ พอโภชนาการมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน (Tucker et al. 2002)บนมืออื่น ๆ ไม่สามารถป้องกันการสูญเสียกระดูกและกระดูกพรุน โดยปริมาณแคลเซียมเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะในช่วงวัยหมดประจำเดือนและอายุ (Heaney, Bilezikian, Holick ไท และนก จาบ 2006) ตามคำแนะนำของแคลเซียม การดูดซึมของแคลเซียมเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณานอกเหนือจากเนื้อหาเพียงแคลเซียมอาหาร (Kwaka, Leeb, & Leeb, 2012) ดูดซึมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่นการละลายและซึมผ่านถึงลำไส้ ละลายและซึมผ่านเพิ่มขึ้น ด้วยการลดขนาดอนุภาค เก็บกักได้เฉพาะ dispersions หรืออนุภาคของแข็งในช่วง 10 – 1000 nm เนื่องจากขนาดเล็ก เก็บกักมีคุณสมบัติ physiochemical ต่าง ๆ เปรียบเทียบกับสารประกอบเกี่ยวข้องจำนวนมาก (Sanguansri & Augustin, 2006) สมบัติทางเคมี physio เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในความแรงของสาร คุณสมบัติแสง (สี), อัตราส่วนพื้นผิวปริมาตร (ละลายและการเกิดปฏิกิริยา), และการนำของเก็บกัก (Garti, 2005) ละลายที่เพิ่มขึ้นกับการลดขนาดอนุภาค การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเนื่องจากสถานะการไฟฟ้าบนอนุภาค ซึ่งเป็นที่โดดเด่นในอนุภาคขนาดเล็ก (Behera, Sahoo, & Patil, 2010) Nanonization เทคโนโลยีที่ใช้ในการปรับปรุงอัตราการสลายตัวของแร่ในสภาพแวดล้อมทางชีวภาพ เพื่อปรับปรุงการดูดซึมทางปาก (Hetal, Bindesh, & Sneha, 2010) ระบบนำส่งนาโนสามารถปรับเปลี่ยนการกระจายของสารอาหารในร่างกาย ดังนั้น พวกเขาสามารถเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร (Whitesides & Grzybowski, 2002) ตามการศึกษาก่อนหน้า Mohanty, Dilnawaz, Mohanty และ Sahoo (2010), ปัจจัยสำคัญที่สุดเพื่อเพิ่มการดูดซึมคือ การลดขนาดอนุภาค นอกจากนี้ bioavailabilities ของเกลือแคลเซียมจะขึ้นอยู่คุณภาพของสูตรอาหารเสริมที่ สารประกอบสูตรไม่เหมาะสมไม่มีการสลายตัวเมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหาร ดังนั้น การดูดซึมลดลง (Heaney, 1991)การศึกษาปัจจุบันพัฒนาสองนมอุดม homogenized เพื่อการกระจายอนุภาคขนาดนาโน (ขนาดนาโนญี่อุดม) ตกแต่งแก้ไขประกอบด้วยแคลเซียมซิเตรท/แคลเซียมคาร์บอเนตและเพจบางเพิ่มการดูดซึมของแคลเซียม (เช่นน้ำและไขมันละลายวิตามินเช่น B6, K1 และ D3 อินนู ลิ และกรด docosahexaenoic (DHA) เป็นกรด eicosapentaenoic (EPA)) วัตถุประสงค์หลักของการวิจัยนี้เพื่อ ศึกษาอิทธิพลของสภาวะการเตรียมการดูดซึมแคลเซียมจากญี่อุดมออกในหนูที่ถูกตัดรังไข่กระดูกพรุน และถูกตัดรังไข่ได้ สำหรับวัตถุประสงค์นี้ แคลเซียมอุจจาระ ซีรั่มแคลเซียม แคลเซียมกระดูกต้นขาเนื้อหา fem

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นมีส่วนร่วมในกระบวนการทางสรีรวิทยาหลายอย่างเช่นการพัฒนากระดูก จำนวนของการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าแคลเซียมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการป้องกันการแตกหักและความหนาแน่นของกระดูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิงสูงอายุ ในปี 2001 สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริการายงานว่าปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียง แต่เพื่อให้บรรลุมวลกระดูกสูงสุดที่ดีที่สุด แต่ยังรวมถึงการปรับเปลี่ยนอัตราการสูญเสียกระดูกที่เกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอย การสูญเสียค่อยเป็นค่อยไปของกระดูกที่มีริ้วรอยเป็นเรื่องปกติ; แต่มันอาจจะเร่งตัวขึ้นจากปัจจัยต่างๆเช่นวัยหมดประจำเดือนสภาวะสุขภาพที่ร้ายแรงหรือการรักษาของพวกเขาและปัจจัยการดำเนินชีวิตเช่นการรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอขาดการออกกำลังกาย, การสูบบุหรี่หรือการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป (องค์การอนามัยโลก, 2004) วัยหมดประจำเดือนโดยทั่วไปเป็นเหตุการณ์ทางชีวภาพและร่างกายปกติที่เกิดขึ้นในผู้หญิงที่อายุเฉลี่ยของการขาดฮอร์โมน 51 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุสามารถมีผลในทางลบต่อความสมดุลของแคลเซียมในร่างกายเพิ่มขึ้นสูญเสียมวลกระดูก ตามที่มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งชาติ (นอฟ) (2002), สโตรเจนฮอร์โมนในสตรีที่มีอิทธิพลต่อการสะสมของแคลเซียมเข้าไปในกระดูก โรคกระดูกพรุนเป็นความคิดโดยทั่วไปว่าเป็น "โรคของผู้หญิง" เพราะความชุกของโรคกระดูกพรุนและอัตราการเกิดกระดูกหักมีมากขึ้นในสตรีวัยหมดประจำเดือนมากกว่าในผู้ชายสูงอายุ (Cawthon 2011) โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่ทำให้เกิดกระดูกจะกลายเป็นลอดได้มากขึ้น ที่คิดว่าโรคกระดูกพรุนเป็นที่สองปัญหาการดูแลสุขภาพที่โดดเด่นทั่วโลก (WHO / FAO., 2003) ในปี 2000 เพียงอย่างเดียวมีประมาณ 9 ล้านคนโรคกระดูกพรุนทั่วโลกส่งผลให้เกิดการสูญเสีย 5,800,000 พิการปรับชีวิตปี (Johnell & Kanis 2006) คาดว่าประมาณครึ่งหนึ่งของกระดูกสะโพกหักในโลกที่เกิดขึ้นในเอเชีย ปัจจุบันมีอุบัติการณ์ที่เพิ่มขึ้นของกระดูกสะโพกหักในเมืองพัฒนาในเอเชีย เพราะนี่คือการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในหลายประเทศในเอเชียและริ้วรอยอย่างรวดเร็วของประชากรเอเชีย หนึ่งในสี่ของกระดูกสะโพกหักเกิดขึ้นในเอเชียและละตินอเมริกา จำนวนกระดูกสะโพกหักนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 2 ภายในปี 2050 โรคกระดูกพรุนจะอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อ 50% ของผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ปัจจัยหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้ที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาและการบำรุงรักษาของมวลกระดูกเป็นโภชนาการ สารอาหารที่เพียงพอมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน (ทักเกอร์ et al., 2002).

ในอื่น ๆ มือโรคกระดูกพรุนและการสูญเสียกระดูกไม่สามารถป้องกันได้โดยการบริโภคแคลเซียมเพียงอย่างเดียวโดยเฉพาะในช่วงวัยหมดประจำเดือนและริ้วรอย (Heaney, Bilezikian, Holick , เวสและผู้ประกอบการ, 2006) เพื่อตอบสนองคำแนะนำแคลเซียมดูดซึมของแคลเซียมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องพิจารณามากกว่าแค่ปริมาณแคลเซียมของอาหาร (Kwaka, ลีบและลีบ 2012) การดูดซึมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่นการละลายและการซึมผ่านลำไส้ผ่าน การละลายและการซึมผ่านเพิ่มขึ้นด้วยการลดขนาดอนุภาค อนุภาคนาโนที่มีกระจายที่เฉพาะเจาะจงหรืออนุภาคของแข็งในช่วง 10-1000 นาโนเมตร เนื่องจากขนาดที่เล็กของพวกเขาอนุภาคนาโนที่มีคุณสมบัติทางเคมีกายภาพต่างๆในการเปรียบเทียบกับสารกลุ่มของตน (Sanguansri และ Augustin 2006) คุณสมบัติ Physio เคมีเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในความแข็งแรงสารประกอบคุณสมบัติทางแสง (สี), อัตราส่วนพื้นสู่เสียง (สามารถในการละลายและการเกิดปฏิกิริยา) และการนำของอนุภาคนาโน (Garti 2005) การเพิ่มขึ้นของการละลายที่มีขนาดอนุภาคลดลง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะการปรากฏตัวของค่าไฟฟ้าต่ออนุภาคซึ่งเป็นเด่นในอนุภาคขนาดเล็ก (Behera, Sahoo และพาติล, 2010) เทคนิค Nanonization จะใช้ในการปรับปรุงอัตราการสลายตัวของแร่ธาตุในสภาพแวดล้อมทางชีวภาพในการสั่งซื้อเพื่อปรับปรุงการดูดซึมในช่องปาก (Hetal, Bindesh และ Sneha 2010) ระบบการจัดส่งนาโนสามารถปรับเปลี่ยนการกระจายตัวของสารอาหารในร่างกายดังนั้นพวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหาร (Whitesides & Grzybowski, 2002) จากการศึกษาก่อนหน้านี้ Mohanty, Dilnawaz, Mohanty และ Sahoo (2010), ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเพิ่มการดูดซึมคือการลดขนาดอนุภาค นอกจากนี้ bioavailabilities ของเกลือแคลเซียมจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของสูตรอาหารเสริมฯ สารประกอบสูตรที่ไม่เหมาะสมไม่สลายตัวเมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหารจึงลดลงการดูดซึมของพวกเขา (Heaney, 1991).

การศึกษาในปัจจุบันได้รับการพัฒนาทั้งสองนมอุดมหดหายกับการกระจายของอนุภาคขนาดนาโน (Nano ขนาดนมที่อุดมด้วย) การเพิ่มปริมาณได้รับประกอบด้วยแคลเซียมซิเตรต / แคลเซียมคาร์บอเนตและการใช้มาตรการเพิ่มบางอย่างสำหรับการดูดซึมของแคลเซียม (เช่นไขมันและวิตามินที่ละลายน้ำรวมทั้ง B6, K1 และ D3, อินนูลินและกรด docosahexaenoic (DHA) เช่นเดียวกับกรด eicosapentaenoic (EPA)) วัตถุประสงค์หลักของการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของสภาพของการเตรียมความพร้อมในการดูดซึมแคลเซียมจากนมที่อุดมด้วยการออกแบบในตัดรังไข่โรคกระดูกพรุนและหนูที่ถูกตัดรังไข่ เพื่อจุดประสงค์นี้อุจจาระแคลเซียมแคลเซียมในเลือดกระดูกปริมาณแคลเซียม, เฟิร์น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทางสรีรวิทยาหลายอย่าง เช่น การพัฒนาของกระดูก จำนวนของการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า แคลเซียม ที่สำคัญเพื่อป้องกันการแตกหักและความหนาแน่นของกระดูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิงสูงอายุ ในปี 2001 , สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า การบริโภคแคลเซียมที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียง แต่เพื่อให้บรรลุที่ดีที่สุดมวลกระดูกสูงสุด แต่ยังเพื่อแก้ไขอัตราการสูญเสียกระดูกที่เกี่ยวข้องกับความชรา ค่อยๆ สูญเสียกระดูกกับอายุเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม มันอาจจะขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะหมดประจำเดือน ภาวะสุขภาพที่ร้ายแรงหรือการรักษาของพวกเขา , วิถีชีวิตและปัจจัยต่างๆ เช่น อาหารไม่เพียงพอ การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป ( องค์การ อนามัยโลก 2004 ) วัยหมดประจำเดือนทั่วไปเป็นปกติทางชีววิทยาและสรีรวิทยา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในผู้หญิงที่อายุเฉลี่ย 51 ขาดฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ได้ผลในทางลบต่อร่างกาย แคลเซียม สมดุล เพิ่มการสูญเสียกระดูก ตามที่มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งชาติ ( n ) ( 2002 ) , ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงมีอิทธิพลต่อการสะสมของแคลเซียมในกระดูก โรคกระดูกพรุนโดยทั่วไปว่าเป็น " ผู้หญิง " โรคเนื่องจากความชุกของโรคกระดูกพรุนและกระดูกหักมีอัตราที่สูงมากในสตรีวัยทองในชายสูงอายุ ( cawthon , 2011 ) โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่เงียบทำให้กระดูกเป็นที่ผ่านทะลุได้มากขึ้น ที่คิดว่าโรคกระดูกพรุนเป็นสองโดดเด่นสุขภาพปัญหาทั่วโลก ( ใคร / FAO . , 2003 ) ในปี 2000 เพียงอย่างเดียวมีประมาณ 9 ล้านโรคกระดูกพรุนกระดูกหักทั่วโลก ส่งผลให้ขาดทุน 5.8 ล้านคนพิการปรับปีชีวิต ( johnell & Kanis , 2006 ) คาดว่าประมาณครึ่งหนึ่งของกระดูกหักสะโพกทั้งหมดในโลกเกิดขึ้นในเอเชีย ในปัจจุบัน มีการเพิ่มอุบัติการณ์ของกระดูกสะโพกในการพัฒนาเมืองในเอเชีย นี้เกิดจากการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศแถบเอเชียมากมาย และริ้วรอยอย่างรวดเร็วของประชากรในเอเชีย หนึ่งใน 4 ที่กระดูกสะโพกหัก เกิดขึ้นในเอเชียและละตินอเมริกา นี้จำนวนของกระดูกสะโพกจะเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 3 ภายในปี 2050 โรคกระดูกพรุนกระดูกหักจะอ้างว่ามีผลต่อ 50% ของผู้หญิงที่มีอายุกว่า 50 ปี ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาและรักษามวลกระดูกเป็นอาหาร เพียงพอโภชนาการมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน ( Tucker et al . , 2002 )บนมืออื่น ๆ , โรคกระดูกพรุนและไม่สามารถจะป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกด้วยแคลเซียมเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยทองและผู้สูงอายุ ( นีย์ bilezikian Holick , เรา , , , และ วีเวอร์ , 2006 ) พบมีแคลเซียม ปริมาณแคลเซียมที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องพิจารณามากกว่าเพียงแค่ปริมาณแคลเซียมในอาหาร ( kwaka ลีบ , และ , ลีบ , 2012 ) การจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่นการละลายและซึมผ่านลำไส้ การละลายและได้เพิ่มด้วยการลดขนาดอนุภาค อนุภาคนาโนมีการกระจายที่เฉพาะเจาะจงหรืออนุภาคของแข็งในช่วง 10 - 1000 นาโนเมตร เนื่องจากพวกเขามีขนาดเล็กขนาดนาโน physiochemical คุณสมบัติต่าง ๆในการเปรียบเทียบกับสารประกอบกลุ่มของตน ( sanguansri & Augustin , 2006 ) สมบัติทางเคมีกายภาพที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในสารประกอบแรง , สมบัติทางแสง ( สี ) , พื้นผิวต่อปริมาตร ( การละลายและการเกิดปฏิกิริยา ) และไฟฟ้าของอนุภาคนาโน ( garti , 2005 ) การละลายเพิ่มขึ้นด้วยการลดขนาดอนุภาค เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพราะการปรากฏตัวของประจุไฟฟ้าบนอนุภาค ซึ่งเด่นในอนุภาคขนาดเล็ก ( behera sahoo ปาติล , และ , 2010 ) nanonization เทคนิคที่ใช้ในการปรับปรุงอัตราการละลายของแร่ธาตุในสภาพแวดล้อมทางชีวภาพ เพื่อปรับปรุงการดูดซึมในช่องปาก ( hetal bindesh & Sneha , 2010 ) ระบบนำส่งนาโนสามารถปรับเปลี่ยนการแพร่กระจายของสารอาหารในร่างกาย ดังนั้น พวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหาร " ( grzybowski ไวต์ไซด์ส & 2002 ) ตาม mohanty การศึกษาก่อนหน้านี้ dilnawaz mohanty , และ sahoo ( 2010 ) , ปัจจัยที่สำคัญที่สุดเพื่อเพิ่มการดูดซึม คือ การลดขนาดอนุภาค นอกจากนี้ bioavailabilities ของเกลือแคลเซียมจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของสูตรของอาหารเสริม ไม่เหมาะสมสูตรสารประกอบไม่สลายตัวเมื่อสัมผัสกับการหลั่งในกระเพาะอาหาร ดังนั้นการดูดซึมของพวกเขาลดลง ( นีย์ , 1991 )การศึกษาปัจจุบันพัฒนาสองอุดมนมโฮโม เพื่อการกระจายอนุภาคนาโน ( นาโนอุดมนม ) เสริมประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนตและแคลเซียมซิเตรท / ผสมผสานบาง enhancers เพื่อการดูดซึมของแคลเซียม ( เช่นไขมันและวิตามินที่ละลายในน้ำได้แก่ B6 K1 และ D3 , อินนูลิน , และ docosahexaenoic acid ( DHA ) และกรด eicosapentaenoic ( EPA ) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของภาวะการเตรียมต่อการดูดซึมแคลเซียมจากนมออกแบบอุดมเท่านั้น โรคกระดูกพรุน และรังไข่หนู สำหรับวัตถุประสงค์นี้ อุจจาระแคลเซียม , แคลเซียมแคลเซียมต่อซีรั่ม กระดูกต้นขา