Sesame is considered a crop of the

Sesame is considered a crop of the tropics and subtropics and normally requires fairly hot conditions, with temperatures around 26°C encouraging rapid germination, initial growth and flower formation. In altitudes below 1250 m, sesame's main distribution is between 250 north and south of the equator, but it can be found further north in China, Russia and the USA and further south in Australia and South America. Optimal rainfall is 500 to 650 mm per year, but since the crop is reasonably drought resistant it can also be planted in relatively arid zones with annual rainfalls as low as 300 mm.

World production of sesame seed has been almost static for 20 years, at 2.4 million tons per year (see Table 1) and almost exclusively originates in developing countries. Major producers are China, India, Burma and Tanzania (in that order for 1985). A large proportion of the sesame seed harvested is, however, neither marketed nor exported but consumed by local producers and therefore often does not appear in statistics for home production. This is particularly true in Africa, where sesame is grown from north to south, but often in such small plots that it is impossible to calculate the total, large though it may be. It is estimated that only 10 % of the total production enters world trade in sesame seed, the largest exporters being China, the Sudan and Mexico, the largest importers Japan, USA and Hong Kong.

Although reaching as high as 2 tons per ha (in Yugoslavia), average yields are only 350 kg of seeds per ha, because sesame is mostly cultivated in arid regions with poor soils. The average seed composition is 45 to 50 % (highly valued) oil and between 19 to 25 % protein. Sesame seed is relatively sensitive to mechanical damage, and even minor damage at threshing can result in an immediate loss of the viability of the oil extraction process.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

งาตัดของระดับชาติและถือเป็น และโดยปกติต้องมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างร้อน มีอุณหภูมิประมาณ 26° C ส่งเสริมการงอกอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นการเจริญเติบโต และดอกไม้ผู้แต่ง ในระดับต่ำกว่า 1250 เมตร งาของหลักกระจายอยู่ระหว่าง 250 เหนือ และใต้ ของเส้นศูนย์สูตร แต่มันสามารถพบดาวเหนือในประเทศจีน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา และใต้เพิ่มเติมในออสเตรเลียและอเมริกาใต้ ปริมาณน้ำฝนสูงสุดคือ 500-650 มม.ต่อปี แต่เนื่องจากพืชค่อนข้างแล้งทน มันสามารถยังปลูกในเขตแห้งแล้งค่อนข้างมีน้ำต่ำสุดที่ 300 มม.ต่อปีโลกผลิตของเมล็ดงาแล้วคงเกือบ 20 ปี ที่ 2.4 ล้านตันต่อปี (ดูตารางที่ 1) และต้นกำเนิดโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา แหล่งผลิตสำคัญคือ จีน อินเดีย พม่า และแทนซาเนีย (ในใบสั่งนั้นในปี 1985) สัดส่วนขนาดใหญ่ของงาที่เก็บเกี่ยวเมล็ดได้ อย่างไรก็ตาม ไม่เด็ดขาด หรือส่งออก แต่ใช้ โดยผู้ผลิตในท้องถิ่น แล้วจึง มักไม่ปรากฏในสถิติการผลิตบ้าน นี้เป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน แอฟริกา ซึ่งปลูกงาจากเหนือลงใต้ แต่มักผืนเล็กดังกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ในการคำนวณผลรวม ขนาดใหญ่แม้ว่ามันอาจจะ มีประเมินว่า เพียง 10% ของการผลิตรวมป้อนการค้าโลกในเมล็ดงา ผู้ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกจีน ซูดาน และ เม็กซิโก ตัวนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และ Hong Kongแม้ว่าการเข้าถึงสูงเป็น 2 ตันต่อฮา (ในยูโกสลาเวีย), อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยได้เพียง 350 กิโลกรัมของเมล็ดต่อฮา เนื่องจากส่วนใหญ่มีปลูกงาในพื้นที่แห้งแล้งด้วยดินเนื้อปูนไม่ดี องค์ประกอบเฉลี่ยเมล็ดเป็นน้ำมัน 45-50% (มูลค่าสูง) และ ระหว่าง 19-25% โปรตีน เมล็ดงาจะค่อนข้างอ่อนไหวกับความเสียหายของเครื่องจักรกล และความเสียหายแม้แต่น้อยที่ threshing อาจส่งผลให้การสูญเสียชีวิตของกระบวนการสกัดน้ำมันทันที

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

งาถือเป็นพืชเขตร้อนและ subtropics และโดยปกติต้องมีสภาพอากาศร้อนอย่างเป็นธรรมที่มีอุณหภูมิประมาณ 26 องศาเซลเซียสให้กำลังใจงอกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและการก่อตัวเริ่มต้นดอกไม้ ในระดับความสูง 1,250 เมตรด้านล่างจัดจำหน่ายหลักของงาอยู่ระหว่าง 250 ทางทิศเหนือและใต้ของเส้นศูนย์สูตร แต่ก็สามารถพบได้ขึ้นไปทางเหนือในประเทศจีนรัสเซียและสหรัฐอเมริกาและทิศใต้ต่อในออสเตรเลียและอเมริกาใต้ ปริมาณน้ำฝนที่เหมาะสมคือ 500-650 มิลลิเมตรต่อปี แต่เนื่องจากการเพาะปลูกเป็นเหตุผลที่ทนแล้งก็ยังสามารถที่จะปลูกในเขตที่ค่อนข้างแห้งแล้งฝนประจำปีที่ต่ำเป็น 300 มม. โลกของการผลิตเมล็ดงาได้รับเกือบคงที่ 20 ปีที่ 2.4 ล้านตันต่อปี (ดูตารางที่ 1) และเกือบจะมีต้นกำเนิดในประเทศกำลังพัฒนา ผู้ผลิตรายใหญ่คือจีนอินเดียพม่าและแทนซาเนีย (เพื่อให้ที่ 1985) ส่วนใหญ่ของการเก็บเกี่ยวเมล็ดงาเป็น แต่ไม่วางตลาดหรือส่งออก แต่การบริโภคโดยผู้ผลิตในท้องถิ่นและดังนั้นจึงมักจะไม่ปรากฏในสถิติสำหรับการผลิตบ้าน นี่คือความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกาที่ปลูกงาจากเหนือจรดใต้ แต่มักจะอยู่ในแปลงขนาดเล็กดังกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ในการคำนวณรวมขนาดใหญ่แม้ว่ามันอาจจะเป็น มันเป็นที่คาดว่ามีเพียง 10% ของการผลิตรวมจะเข้าสู่การค้าโลกในเมล็ดงา, ผู้ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดเป็นจีน, ซูดานและเม็กซิโกเข้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกาและฮ่องกง. แม้ว่าถึงสูงถึง 2 ตันต่อเฮกแตร์ (ใน ยูโกสลาเวีย) อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 350 กิโลกรัมเมล็ดต่อฮ่าเพราะงาเป็นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในดินแดนแห้งแล้งกับดินที่ไม่ดี องค์ประกอบเมล็ดเฉลี่ยอยู่ที่ 45-50% (มูลค่าสูง) น้ำมันและระหว่าง 19-25% โปรตีน เมล็ดงาค่อนข้างไวต่อความเสียหายทางกลและแม้กระทั่งความเสียหายเล็กน้อยที่นวดจะส่งผลในการสูญเสียทันทีศักยภาพของกระบวนการสกัดน้ำมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งาเป็นพืชในเขตร้อน และ subtropics และปกติจะต้องมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างร้อน มีอุณหภูมิประมาณ 26 องศา C กระตุ้นการงอกเริ่มต้นการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างรวดเร็ว , ดอกไม้ ในระดับความสูงต่ำกว่า 1 , 250 เมตร การกระจายหลักงาอยู่ระหว่าง 250 ทางเหนือและทางใต้ของเส้นศูนย์สูตร แต่ก็สามารถพบได้ในตอนเหนือในจีนรัสเซีย และสหรัฐอเมริกา และทางตอนใต้ในออสเตรเลียและอเมริกาใต้ ปริมาณฝนสูงสุดคือ 500 ถึง 650 มิลลิเมตรต่อปี แต่เนื่องจากเป็นพืชทนแล้งพอสมควร นอกจากนี้ยังสามารถปลูกในพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้งฝนตกรายปีเป็นต่ำเป็น 300 mm .

โลกผลิตของเมล็ดงาได้เกือบคงที่ 20 ปี ที่ 24 ล้านตันต่อปี ( ดูตารางที่ 1 ) และเกือบเฉพาะเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา ผู้ผลิตรายใหญ่ คือ จีน อินเดีย พม่า และไทย ( เพื่อให้ 1985 ) สัดส่วนขนาดใหญ่ของเมล็ดงาปลูกอยู่ แต่ไม่เด็ดขาด หรือส่งออก แต่การบริโภคโดยผู้ผลิตในประเทศและดังนั้นจึงมักจะไม่ปรากฏในสถิติเพื่อการผลิตบ้านนี้เป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกาที่งาที่ปลูกจากเหนือไปใต้ แต่มักจะอยู่ในแปลงขนาดเล็กเช่นว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะคำนวณผลรวมขนาดใหญ่แม้ว่ามันอาจจะ มันคือประมาณว่าเพียง 10 % ของกำลังการผลิตทั้งหมดเข้าสู่โลกการค้าในเมล็ดงา ผู้ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศจีน ซูดาน และ เม็กซิโก ที่ใหญ่ที่สุดของผู้นำเข้าญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง

แม้ว่าถึงสูง 2 ตันต่อเฮกตาร์ในยูโกสลาเวีย ) ผลผลิตเฉลี่ยเพียง 350 กิโลกรัมของเมล็ดงาต่อ ฮา เพราะส่วนใหญ่ที่ปลูกในภูมิภาคแห้งแล้งดินไม่ดี ส่วนประกอบของเมล็ดเฉลี่ย 45 ถึง 50 % ( มูลค่าสูงระหว่าง 19 ) น้ำมันและโปรตีน 25 % เมล็ดงาที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อความเสียหายทางกลและแม้เสียหายเล็กน้อย ที่นวดได้ผลในการสูญเสียทันทีของความมีชีวิตของขั้นตอนการสกัดน้ำมัน