For (c), let’s parse that sentence.

For (c), let’s parse that sentence. Mathematicians have a way of making simple things complex. “f(S) is the smallest integer i such that the ith bit of S is 1 and f(S)=0 when S is the empty string, the string with no bits.” This is saying something like… suppose you have a bit string. And suppose the first position in it is “bit 1,” and second position contains “bit 2,” the third “bit 3” and so on. Each of those bits is a 0 or a 1. For each bit string, find the 1 in the lowest position. The number value of the position is the element of the codomain to which that bit string maps. So, for example, for a given bit string, if the first 1 you encounter is in position 3, that bit string maps to 3 in the codomain.
For (c), let’s parse that sentence. Mathematicians have a way of making simple things complex. “f(S) is the smallest integer i such that the ith bit of S is 1 and f(S)=0 when S is the empty string, the string with no bits.” This is saying something like… suppose you have a bit string. And suppose the first position in it is “bit 1,” and second position contains “bit 2,” the third “bit 3” and so on. Each of those bits is a 0 or a 1. For each bit string, find the 1 in the lowest position. The number value of the position is the element of the codomain to which that bit string maps. So, for example, for a given bit string, if the first 1 you encounter is in position 3, that bit string maps to 3 in the codomain.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำหรับ (c) ขอแยกประโยคที่ว่า คณิตศาสตร์มีวิธีการทำสิ่งที่ง่ายที่ซับซ้อน "f (S) เป็นจำนวนเต็มน้อยที่สุดฉันดังกล่าวว่าบิต ith ของ S คือ 1 และ f (S) = 0 เมื่อ S เป็นสตริงที่ว่างเปล่า, สตริงกับบิต no." นี้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ต้องการ ... สมมติว่าคุณมี สตริงบิต และคิดว่าตำแหน่งแรกในนั้นคือ "บิต 1" และตำแหน่งที่สองมี "บิต 2" ที่สาม "บิต 3" และอื่น ๆ แต่ละบิตเหล่านั้นเป็น 0 หรือ 1 สำหรับสตริงแต่ละบิตพบว่า 1 ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุด ค่าของตัวเลขของตำแหน่งเป็นองค์ประกอบของโคโดเมนที่ว่าแผนที่สตริงบิต ดังนั้นสำหรับตัวอย่างเช่นสำหรับบิตสตริงที่กำหนดถ้าครั้งแรกที่คุณพบ 1 ใน 3 ตำแหน่งว่าแผนที่สตริงบิตที่ 3 ในโคโดเมนได้.
สำหรับ (c) ขอแยกประโยคที่ว่า คณิตศาสตร์มีวิธีการทำสิ่งที่ง่ายที่ซับซ้อน "f (S) เป็นจำนวนเต็มน้อยที่สุดฉันดังกล่าวว่าบิต ith ของ S คือ 1 และ f (S) = 0 เมื่อ S เป็นสตริงที่ว่างเปล่า, สตริงกับบิต no." นี้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ต้องการ ... สมมติว่าคุณมี สตริงบิต และคิดว่าตำแหน่งแรกในนั้นคือ "บิต 1" และตำแหน่งที่สองมี "บิต 2" ที่สาม "บิต 3" และอื่น ๆ แต่ละบิตเหล่านั้นเป็น 0 หรือ 1 สำหรับสตริงแต่ละบิตพบว่า 1 ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุด ค่าของตัวเลขของตำแหน่งเป็นองค์ประกอบของโคโดเมนที่ว่าแผนที่สตริงบิต ดังนั้นสำหรับตัวอย่างเช่นสำหรับสตริงบิตก็ตามถ้าครั้งแรกที่คุณพบ 1 ใน 3 ตำแหน่งที่แผนที่บิตสตริงที่ 3 ในโคโดเมน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

( ค ) ให้แยกประโยคนั่น นักคณิตศาสตร์ได้วิธีการทำสิ่งที่ง่ายซับซ้อน " F ( s ) มีขนาดเล็กที่สุดเป็นฉันเช่นที่อ. บิตเป็น 1 และ F ( s ) = 0 เมื่อเป็นสตริงที่ว่างเปล่า , สตริงไม่บิต นี้ " พูดแบบนี้ . . . . . . . สมมติว่าคุณมีบิตสตริง และสมมติว่าตำแหน่งแรกเป็น " บิต 1 " และตำแหน่งที่สอง มี " บิต 2" สาม " บิต 3 " และอื่น ๆ แต่ละบิตนั้นเป็น 0 หรือ 1 สำหรับแต่ละบิตสตริง พบ 1 ในตำแหน่งต่ำสุด จํานวนค่าของตำแหน่งที่เป็นองค์ประกอบของโจโคโบะที่บิตสตริงที่แผนที่ ดังนั้นตัวอย่างเช่นสตริงที่กำหนดนิดหน่อย ถ้าครั้งแรก 1 พบ อยู่ในตำแหน่งที่ 3 บิตสตริงแผนที่ 3 ในโคโดเมน .
( C ) ให้แยกประโยคนั่นนักคณิตศาสตร์ได้วิธีการทำสิ่งที่ง่ายซับซ้อน " F ( s ) มีขนาดเล็กที่สุดเป็นฉันเช่นที่อ. บิตเป็น 1 และ F ( s ) = 0 เมื่อเป็นสตริงที่ว่างเปล่า , สตริงไม่บิต นี้ " พูดแบบนี้ . . . . . . . สมมติว่าคุณมีบิตสตริง และสมมติว่าตำแหน่งแรกเป็น " บิต 1 " และตำแหน่งที่สอง มี " บิต 2 " 3 " บิต 3 " และอื่น ๆแต่ละบิตนั้นเป็น 0 หรือ 1 สำหรับแต่ละบิตสตริง พบ 1 ในตำแหน่งต่ำสุด จํานวนค่าของตำแหน่งที่เป็นองค์ประกอบของโจโคโบะที่บิตสตริงที่แผนที่ ดังนั้นตัวอย่างเช่นสตริงที่กำหนดนิดหน่อย ถ้าครั้งแรก 1 พบ อยู่ในตำแหน่งที่ 3 บิตสตริงแผนที่ 3 ในโคโดเมน .