HBV vaccine has been recommended as

HBV vaccine has been recommended as a routine infant vaccination worldwide since 1991 and as a routine adolescent vaccination since 1995. Although there are no federal laws requiring the vaccine for day-care and school attendance, the World Health Organization (WHO) recommends that all countries with routine hepatitis B vaccination programs continue that practice, while countries not currently immunizing against HBV infection adopt such programs immediately. The vaccine is delivered in a series of three intramuscular injections over a six-month period. It requires refrigeration, and injections must be administered by a medical professional, with the total cost ranging between $100 and $150 per person. These factors, coupled with transportation and distribution issues, make mass immunization, especially in Third World countries, next to impossible. In 1996, the Rockefeller Foundation provided a three-year grant for oral vaccine research to the Boyce Thompson Institute for Plant Research Inc. (BTI), a private, not-for-profit organization affiliated with Cornell University. The preclinical trials were funded by the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, a division of the National Institutes of Health. Clinical trials in 1999 were funded by Axis Genetics of Cambridge, England. These studies not only paved the way for the development of an edible HBV vaccine, but also supported collaborations with researchers in Mexico for a vaccine that would inoculate children against intestinal diseases such as diarrhea and cholera, which result in high rates of infant mortality in Mexico.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีการแนะนำวัคซีนด้วยขั้น เป็นวัคซีนทารกตามปกติทั่วโลกตั้งแต่ปี 1991 และ เป็นวัคซีนวัยรุ่นเป็นประจำตั้งแต่ 1995 แม้ว่าจะมีกฎหมายของรัฐบาลกลางไม่ ต้องใช้วัคซีนสำหรับเข้า day-care และโรงเรียน องค์กรสุขภาพโลก (คน) ที่ทุกประเทศ มีโปรแกรมวัคซีนบีโรคประจำยังคงปฏิบัติการ ในขณะที่ประเทศที่ไม่อยู่ในขณะนี้ immunizing กับการติดเชื้อด้วยขั้น แนะนำให้นำโปรแกรมดังกล่าวทันที ส่งวัคซีนในชุดฉีดบาดทะยักจากสามช่วงระยะเวลา 6 เดือน ต้องการเครื่องทำความเย็น และต้องจัดการฉีด โดยพยาบาลมืออาชีพ ต้นทุนตั้งแต่ 100 $ และ $150 ต่อคน ปัจจัยเหล่านี้ ควบคู่ไปกับปัญหาการขนส่งและกระจายสินค้า ได้รับวัคซีนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศโลกที่สาม ถัดไป ในปี 1996 มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ให้ให้สามปีวิจัยวัคซีนปากเพื่อ สถาบันทอมป์สันบอยซ์สำหรับพืชวิจัย Inc. (เข้า), องค์กรแบบส่วนตัว ไม่-สำหรับกำไรที่สังกัดวิทยาลัยคอร์เนล ทดลอง preclinical ได้สนับสนุน โดยสถาบันแห่งชาติของภูมิแพ้และโรคติดเชื้อ การแบ่งสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ทดลองทางคลินิกในปี 1999 ได้รับการสนับสนุน โดยแกนพันธุศาสตร์ของเคมบริดจ์ อังกฤษ ศึกษาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ปูทางสำหรับการพัฒนาวัคซีนด้วยขั้นการกิน แต่ยัง สนับสนุนความร่วมมือกับนักวิจัยในเม็กซิโกสำหรับวัคซีนที่จะฉีดเด็กกับโรคลำไส้โรคท้องร่วงและอหิวาตกโรค ซึ่งส่งผลให้อัตราการตายทารกในเม็กซิโกสูง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีได้รับการแนะนำการฉีดวัคซีนเป็นประจำทารกทั่วโลกตั้งแต่ปี 1991 และเป็นวัยรุ่นฉีดวัคซีนประจำตั้งแต่ปี 1995 แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ต้องใช้วัคซีนสำหรับการดูแลวันและการเข้าร่วมโรงเรียนองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ทุกประเทศ กับงานประจำไวรัสตับอักเสบบีโปรแกรมการฉีดวัคซีนยังคงปฏิบัติว่าในขณะที่ประเทศที่ไม่ได้เป็นภูมิคุ้มกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีกับนำโปรแกรมดังกล่าวทันที วัคซีนจะถูกส่งในชุดของสามการฉีดเข้ากล้ามเนื้อในช่วงระยะเวลาหกเดือน มันต้องมีเครื่องทำความเย็นและการฉีดจะต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่าง $ 100 และ $ 150 ต่อคน ปัจจัยเหล่านี้ควบคู่ไปกับการเดินทางและการจัดจำหน่ายให้สร้างภูมิคุ้มกันมวลโดยเฉพาะในประเทศโลกที่สามถัดไปไม่ได้ ในปี 1996 เฟลเลอร์มูลนิธิให้ทุนสามปีสำหรับการวิจัยวัคซีนไปยังบอยซ์ ธ อมป์สันสถาบันเพื่อการวิจัยพืชอิงค์ (BTI) ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไรสำหรับองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยคอร์เนล การทดลอง preclinical ถูกได้รับทุนจากสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อที่เป็นส่วนหนึ่งของสถ​​าบันสุขภาพแห่งชาติ การทดลองทางคลินิกในปี 1999 ได้รับเงินทุนจากแกนพันธุศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ประเทศอังกฤษ การศึกษาเหล่านี้ไม่เพียง แต่ปูทางสำหรับการพัฒนาวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีที่กินได้ แต่ยังได้รับการสนับสนุนความร่วมมือกับนักวิจัยในเม็กซิโกสำหรับวัคซีนที่จะฉีดวัคซีนเด็กป้องกันโรคลำไส้เช่นโรคท้องร่วงและโรคอหิวาต์ซึ่งส่งผลให้มีอัตราที่สูงของการตายของทารกในเม็กซิโก .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัคซีน HBV ได้รับการแนะนำเป็นวัคซีนในทารกปกติทั่วโลก ตั้งแต่ปี 1991 และเป็นรูทีนวัยรุ่นวัคซีนตั้งแต่ปี 1995 แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ต้องการวัคซีนสำหรับการดูแลวันและการเข้าชั้นเรียน องค์กรอนามัยโลก ( WHO ) แนะนำว่า ทุกประเทศ ด้วยรูทีนไวรัสตับอักเสบบีวัคซีนโปรแกรมต่อการปฏิบัติในขณะที่ประเทศที่ปัจจุบันไม่ได้ภูมิคุ้มกันต่อโรคไวรัสตับอักเสบบีใช้โปรแกรมดังกล่าวทันที วัคซีนจะถูกส่งในชุดของการฉีดในช่วงระยะเวลา 6 เดือน มันต้องแช่แข็ง และการฉีดจะต้องบริหารงานโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยต้นทุนรวมในช่วงระหว่าง $ 100 และ $ 150 ต่อคน ปัจจัยเหล่านี้ควบคู่กับปัญหาการขนส่งและการกระจายสินค้า ทำให้มวลภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศโลกที่สาม ที่เป็นไปไม่ได้ ในปี 1996 มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ให้ทุนสามปีสำหรับการวิจัยกับบอยซ์ธอมป์สันวัคซีนสถาบันเพื่อการวิจัยพืชอิงค์ ( BTI ) เป็นองค์กรเอกชนที่ไม่หวังผลกำไร องค์กรที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยคอร์เนลการทดลองระยะถูกสนับสนุนโดยสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อ , ส่วนหนึ่งของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ . การทดลองทางคลินิกในปี 1999 โดยได้รับโดยแกนพันธุศาสตร์ของเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ การศึกษาเหล่านี้ไม่เพียง แต่ปูทางสำหรับการพัฒนาวัคซีน HBV ที่กินได้แต่ยังสนับสนุนความร่วมมือกับนักวิจัยในเม็กซิโกสำหรับวัคซีนที่จะฉีดเด็กกับโรคลำไส้ เช่น ท้องร่วง และอหิวาตกโรค ซึ่งผลในอัตราสูงของอัตราการตายของเด็กทารกในเม็กซิโก