In the millennia preceding the indu

In the millennia preceding the industrial revolution, pallor was popular within the upper classes, hinting at a noble life of leisure spent indoors. Dark skin was associated with serfdom and toiling in fields all day. Using poisonous whiteners to create pale skin has been popular throughout history – particularly during the ancient Greek, Roman and Elizabethan eras.

The trend for whiteness halted after the industrial revolution. Its corollary urbanisation of Britain meant that by the 19th century, the working classes had moved into the shadows. They lived in cramped dwellings and worked in mines and factories. Any leisure time available was taken indoors, to avoid the smog and soot of the streets. Children developed rickets and other bone deformities and, by 1890, Theobald Palm recognised that sunlight was crucial for bone development. A year later, John Harvey Kellogg – who had still to invent the corn flake – invented the "incandescent light bath", which was used by King Edward VII, installing units in Buckingham Palace to help cure his gout.

Advertisement

In 1903, Niels Finsen was awarded the Nobel prize for medicine after using "phototherapy" to remove skin ulcers caused by lupus vulgaris. Tanning was only made chic 20 years later, when Coco Chanel caught too much sun on a Mediterranean cruise. The photographs of her disembarking in Cannes set a new precedent of beauty; her friend Prince Jean-Louis de Faucigny-Lucigne later said: "I think she may have invented sunbathing. At that time, she invented everything."

But for Britons, this look was aspirational rather than achievable – holidays were rare, and went no further than the nearest seaside or holiday camp. The depression, the second world war and its subsequent austerity measures meant that the closest women got to tanning was dousing their legs in Bovril to create the illusion of stockings.

Alba attends the 17th annual GLAAD Media awards in Hollywood
Actor Jessica Alba. Photograph: Mario Anzuoni/Reuters Mario Anzuoni/REUTERS
By the 1960s, colour film and commercial air travel were now available and people soon had enough money to enjoy both. The glamour of sunbathing drew Britons to the Mediterranean, particularly Spain. When economic strife returned to Britain in the 1970s, methods of sunless tanning – such as Coppertone self-tan – grew in popularity, and by 1978, the sunbed was reintroduced as a quick way of bronzing. The cosmetics boom of the 1980s and the accessibility of Mediterranean package holidays too carried the glamour of tanning through to the 1990s. By 2000, a survey showed that 50% of Britons said that returning with a tan was the single most important reason for actually going on holiday.

Advertisement

Women with toffee-coloured skin (Jessica Alba, Beyonce, Halle Berry, Kim Kardashian) are at the forefront of definitions of 21st century beauty. An argument runs that white women try to achieve similar complexions, ignoring that these celebrities' skin tones are the result of being mixed race or non-caucasian. However, those obsessed with tanning also have Katie Price, Victoria Beckham and even the whole cast of Geordie Shore as tanning role models. The desire to tan runs deeper than race.

Fears surrounding the risks of tanning were confirmed in 2009, when it was found that rates of malignant melanoma in the UK have more than quadrupled in the past 30 years and that it is the most common form of cancer among those aged 15-34. The World Health Organisation has found that people who have been using tanning devices before age 30 are 75% more likely to develop melanoma.

The Sunbed (Regulation) Act, introduced in 2010 with much help from Girls Aloud singer and ex-tanner Nicola Roberts, made it illegal for tanning salons to allow under-18s to use sunbeds. However, there is no regulation on how often an adult can use a sunbed.

• Follow Comment is free on Twitter @commentisfree

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในวัดวาอารามอยู่ก่อนหน้าการปฏิวัติอุตสาหกรรม pallor ถูกยอดนิยมภายในชนชั้นสูง นัยที่ชีวิตโนเบลผ่อนใช้ภาย ผิวดำถูกเชื่อมโยงกับระบบมาเนอร์และ toiling ในทุกวัน ใช้พิษ whiteners สร้างผิวซีดได้รับความนิยมตลอดประวัติศาสตร์ – โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างช่วงกรีก โรมัน และเอลิซาเบธที่โบราณแนวโน้มสำหรับขาวหยุดหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นของ corollary ของสหราชอาณาจักรหมายถึง ว่า โดยศตวรรษ เรียนทำงานได้ย้ายไปยังเงา พวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณแคบ และทำงานในเหมืองแร่และโรงงาน เวลาว่างใด ๆ ว่างถูกนำในร่ม เพื่อหลีกเลี่ยงหมอกควันการฟุ้งของถนน เด็กพัฒนา rickets และอื่น ๆ deformities กระดูก และ โดย 1890 ปาล์ม Theobald ยังว่า แสงแดดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนากระดูก ปีต่อมา จอห์นบี.ฮาร์วี่ –ซึ่งยังคงต้องสร้างเกล็ดข้าวโพด – คิดค้น "ยองแสงห้องน้ำ" ซึ่งถูกใช้ โดยกษัตริย์เอ็ดเวิร์ด VII ติดตั้งหน่วยในราชวังเพื่อช่วยรักษาเก็าทของเขาโฆษณาใน 1903, Niels Finsen ได้รับรางวัลโนเบลของยาหลังจากใช้ "phototherapy" เอาแผลเปื่อยผิวหนังที่เกิดจากไต vulgaris ฟอกหนังไม่เฉพาะทำเก๋ 20 ปีต่อมา เมื่อโกโกจับแสงแดดมากเกินไปในล่องเรือเมดิเตอร์เรเนียน รูปถ่ายของเธอ disembarking ในคานส์ตั้งถึงใหม่ของความงาม เพื่อนเจ้าชายฌอง-Louis de Faucigny-Lucigne ในภายหลังกล่าวว่า: "ฉันคิดว่า เธออาจมีการคิดค้นอาบแดด ในขณะนั้น เธอคิดค้นทุกอย่าง"But for Britons, this look was aspirational rather than achievable – holidays were rare, and went no further than the nearest seaside or holiday camp. The depression, the second world war and its subsequent austerity measures meant that the closest women got to tanning was dousing their legs in Bovril to create the illusion of stockings.Alba attends the 17th annual GLAAD Media awards in Hollywood Actor Jessica Alba. Photograph: Mario Anzuoni/Reuters Mario Anzuoni/REUTERSBy the 1960s, colour film and commercial air travel were now available and people soon had enough money to enjoy both. The glamour of sunbathing drew Britons to the Mediterranean, particularly Spain. When economic strife returned to Britain in the 1970s, methods of sunless tanning – such as Coppertone self-tan – grew in popularity, and by 1978, the sunbed was reintroduced as a quick way of bronzing. The cosmetics boom of the 1980s and the accessibility of Mediterranean package holidays too carried the glamour of tanning through to the 1990s. By 2000, a survey showed that 50% of Britons said that returning with a tan was the single most important reason for actually going on holiday.Advertisementผู้หญิงที่ มีผิวสีทอฟฟี (เจสสิก้าอัลบา เพลง เบอร์รี่ Kim Kardashian) อยู่ที่ส่วนสำคัญของคำนิยามของความงามของศตวรรษที่ 21 เรียกใช้อาร์กิวเมนต์ว่า ผู้หญิงขาวพยายามบรรลุ complexions คล้าย ละเว้นการให้ของดาราเหล่านี้ผิวโทนเป็นผลของการผสมการแข่งขันหรือไม่ใช่คอเคซัส อย่างไรก็ตาม ที่หลังกับอาบแดดยังมี ราคาที่เคธี่ วิคตอเรียเบคแฮม และแม้ทั้งหล่อเป็นแบบจำลองบทบาทฟอกหนังของชอร์ Geordie ความปรารถนาที่จะตันทำงานลึกซึ้งกว่าการแข่งขันความกลัวความเสี่ยงของการฟอกหนังที่อยู่โดยรอบได้ยืนยันใน 2009 เมื่อพบว่า ราคาของร้ายเมลาโนมาสหราชอาณาจักรมี quadrupled ในอดีต 30 ปีกว่า และที่เป็นแบบฟอร์มทั่วไปโรคมะเร็งที่อายุ 15-34 องค์การสุขภาพโลกพบคนได้ใช้อุปกรณ์ฟอกหนังก่อนอายุ 30 75% มีแนวโน้มพัฒนา melanomaพระราชบัญญัติเตียงอาบแดด (ระเบียบ) นำมาใช้ในปี 2553 ด้วยความช่วยเหลือมากจากนักร้องหญิงเสียงและแทนเนอร์ชำรุดอดีต Nicola roberts ก่อให้เกิด ทำผิดกฎหมายสำหรับอาบแดดร้านให้ภายใต้ 18s ใช้เตียงอาบแดด อย่างไรก็ตาม มีระเบียบไม่ว่าผู้ใหญ่สามารถใช้เป็นเตียงอาบแดด•ตามข้อคิดเห็นเป็นอิสระบน Twitter @commentisfree

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในพันปีก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม, ซีดเป็นที่นิยมภายในชั้นเรียนที่เค้ามีชีวิตที่มีเกียรติของการพักผ่อนการใช้จ่ายในบ้าน ผิวคล้ำมีความสัมพันธ์กับความเป็นทาสและ toiling ในสาขาทุกวัน ใช้ whiteners พิษในการสร้างผิวสีซีดได้รับความนิยมตลอดประวัติศาสตร์ - โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโบราณกรีกโรมันและยุคลิซาเบ ธ . แนวโน้มความขาวหลังจากหยุดการปฏิวัติอุตสาหกรรม กลายเป็นเมืองควันหลงของอังกฤษนั่นหมายความว่าศตวรรษที่ 19 การเรียนการทำงานได้ย้ายเข้าไปในเงา พวกเขาอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยคับแคบและทำงานอยู่ในเหมืองและโรงงาน เวลาว่างที่มีอยู่ในบ้านที่ถูกนำมาเพื่อหลีกเลี่ยงหมอกควันและเขม่าของถนน เด็กได้รับการพัฒนาโรคกระดูกอ่อนและกระดูกผิดปกติอื่น ๆ และโดยปี 1890 Theobald ปาล์มรับการยอมรับว่าแสงแดดเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการพัฒนากระดูก หนึ่งปีต่อมาจอห์นฮาร์วีย์เคลล็อก - ผู้ที่ยังคงมีการคิดค้นเกล็ดข้าวโพด - คิดค้น "อาบน้ำไฟสว่างจ้า" ซึ่งถูกนำมาใช้โดยกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่เจ็ดติดตั้งหน่วยใน Buckingham Palace เพื่อช่วยรักษาโรคเกาต์ของเขา. โฆษณาในปี 1903 นีลส์ Finsen ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์หลังจากที่ใช้ "ส่องไฟ" เพื่อลบแผลที่ผิวหนังที่เกิดจากโรคลูปัสขิง ฟอกหนังได้ทำเฉพาะเก๋ 20 ปีต่อมาเมื่อ Coco Chanel จับดวงอาทิตย์มากเกินไปในการล่องเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รูปภาพของฝั่งของเธอในเมืองคานส์เป็นแบบอย่างใหม่ของความงาม; เพื่อนของเธอเจ้าชายฌองหลุยส์เด Faucigny-Lucigne กล่าวในภายหลังว่า "ผมคิดว่าเธออาจได้คิดค้นอาบแดดในขณะที่เธอคิดค้นทุกอย่าง.." แต่สำหรับอังกฤษลักษณะนี้เป็นแรงบันดาลใจมากกว่าทำได้ - วันหยุดพักผ่อนเป็นสัตว์หายากและเดินไม่ได้ ไกลเกินกว่าที่ริมทะเลที่ใกล้ที่สุดหรือค่ายลูกเสือ ภาวะซึมเศร้าสงครามโลกครั้งที่สองและมาตรการความเข้มงวดของที่ตามมานั่นหมายความว่าผู้หญิงที่อยู่ใกล้ที่สุดได้รับการฟอกราดขาของพวกเขาใน Bovril เพื่อสร้างภาพลวงตาของถุงน่อง. Alba เข้าร่วมที่ 17 ประจำปีรางวัล GLAAD สื่อในฮอลลีวู้ดนักแสดงเจสสิก้าอัลบ้า ภาพ: Mario Anzuoni / Reuters มาริโอ Anzuoni / REUTERS โดย 1960, ฟิล์มสีและการเดินทางทางอากาศในเชิงพาณิชย์ได้ในขณะนี้และเร็ว ๆ นี้คนที่มีเงินมากพอที่จะสนุกกับทั้งสอง เย้ายวนใจของอาบแดดดึงชาวอังกฤษไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสเปน เมื่อความขัดแย้งทางเศรษฐกิจกลับไปยังสหราชอาณาจักรในปี 1970 วิธีการฟอกหนัง sunless - เช่น Coppertone แทนตัวเอง - เติบโตในความนิยมและปี 1978 เตียงอาบแดดที่ถูกแนะนำเป็นวิธีที่รวดเร็วของ bronzing บูมเครื่องสำอางของปี 1980 และการเข้าถึงของแพคเกจวันหยุดเมดิเตอร์เรเนียนเกินไปดำเนินเย้ายวนใจของฟอกหนังผ่านไปปี 1990 โดยปี 2000 การสำรวจพบว่า 50% ของชาวอังกฤษกล่าวว่าการกลับมามีผิวสีแทนเป็นเหตุผลเดียวที่สำคัญที่สุดสำหรับจริงที่เกิดขึ้นในวันหยุด. โฆษณาผู้หญิงที่มีผิวสีท๊อฟฟี่ (เจสสิก้าอัลบ้า, Beyonce, Halle Berry, Kim Kardashian) อยู่ที่ แถวหน้าของคำจำกัดความของความงามในศตวรรษที่ 21 อาร์กิวเมนต์ทำงานที่ผู้หญิงผิวขาวพยายามที่จะบรรลุผิวที่คล้ายกันโดยไม่สนใจว่าคนดังเหล่านี้โทนสีผิวที่เป็นผลของการแข่งขันผสมหรือไม่ผิวขาว อย่างไรก็ตามผู้ที่หมกมุ่นอยู่กับการฟอกหนังยังมีราคาเคธี่วิคตอเรียเบ็คแฮมและแม้กระทั่งนักแสดงทั้งฝั่ง Geordie ฟอกหนังเป็นแบบอย่าง ความปรารถนาที่จะทำงานแทนลึกกว่าการแข่งขัน. รอบกลัวความเสี่ยงของการฟอกหนังได้รับการยืนยันในปี 2009 เมื่อมันถูกพบว่าอัตราของเนื้องอกมะเร็งในสหราชอาณาจักรมีมากกว่าปากต่อปากในรอบ 30 ปีและว่ามันเป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดของ โรคมะเร็งในหมู่ผู้ที่อายุ 15-34 องค์การอนามัยโลกได้พบว่าผู้ที่ได้รับการใช้อุปกรณ์ฟอกหนังก่อนอายุ 30 เป็น 75% มีแนวโน้มที่จะพัฒนาเนื้องอก. เตียงอาบแดด (ระเบียบ) ทำหน้าที่นำมาใช้ในปี 2010 ด้วยความช่วยเหลือมากจากนักร้องสาวดังและอดีตฟอกหนังนิโคลาโรเบิร์ต ทำให้มันผิดกฎหมายสำหรับฟอกหนังที่จะอนุญาตให้อยู่ภายใต้ 18s ใช้เตียงอาบแดด แต่มีกฎระเบียบที่ไม่เกี่ยวกับวิธีการที่มักเป็นผู้ใหญ่สามารถใช้เตียงอาบแดด. •ปฏิบัติตามแสดงความคิดเห็นเป็นฟรีบนทวิตเตอร์ @commentisfree

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในพันปีก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม , สีซีดกำลังเป็นที่นิยมในชั้นเรียน , นัยในชีวิตอันสูงส่งของว่างที่ใช้ในบ้าน ผิวเข้มที่เกี่ยวข้องกับความเป็นทาส และทำงานในเขตข้อมูลทั้งหมดวัน ใช้พิษเพื่อสร้าง whiteners ผิวซีดที่ได้รับความนิยมตลอดประวัติศาสตร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรีกโบราณโรมันรับ

และยุคสมัยแนวโน้มสำหรับความขาวหยุดหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ผลที่ตามมาของการกลายเป็นเมืองของสหราชอาณาจักรหมายถึงโดยศตวรรษที่ 19 , เรียนทำงานได้ย้ายเข้าไปในเงามืด พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านที่คับแคบ และทำงานในเหมืองแร่และโรงงาน ใด ๆเวลาพักผ่อน พร้อมถ่ายในที่ร่ม เพื่อหลีกเลี่ยงหมอกควันเขม่าและในถนน เด็กพัฒนาโรคกระดูกอ่อนและความผิดปกติกระดูกอื่น ๆและโดย 1890 , เครื่องดูดฝุ่นและปาล์มจำแสงแดดที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนากระดูก ปีต่อมา จอห์น ฮาร์วีย์ Kellogg ) ที่ยังคงมีการประดิษฐ์เกล็ดข้าวโพด–คิดค้น " นํ้า " แสงหลอดไส้ ซึ่งถูกใช้โดยกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดปกเกล้าเจ้าอยู่หัว , การติดตั้งหน่วยในพระราชวังบักกิ้งแฮม เพื่อช่วยรักษาโรคเกาต์ของเขา

โฆษณา

ในปี 1903 ,นีลฟินเซนได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ หลังใช้ " รักษา " เพื่อลบแผลที่ผิวหนังเกิดจาก lupus vulgaris . ฟอกหนังที่ถูกทำให้เก๋ 20 ปีต่อมาเมื่อ Coco Chanel ถูกแสงแดดมากเกินไปในการล่องเรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน . รูปถ่ายของเธอลงจากรถในเมืองคานส์กำหนดรูปแบบใหม่ของความงาม เจ้าชายของเธอเพื่อน ฌอง หลุยส์ เดอ faucigny lucigne ในภายหลังว่า :" ฉันคิดว่าเธออาจจะขึ้นมาอาบแดด ตอนนั้น เธอสร้างทุกอย่าง "

แต่สำหรับอังกฤษ ดูมีความทะเยอทะยานมากกว่า–วันหยุดได้ยาก และก็ไม่เพิ่มเติมกว่าชายทะเลที่ใกล้ที่สุดหรือค่ายวันหยุด เศร้าสงครามโลกครั้งที่สองและต่อมามาตรการความเข้มงวดหมายความว่าผู้หญิงใกล้มีฟอกหนังคือ dousing ขาของพวกเขาในโบวริลเพื่อสร้างภาพลวงตาของถุงน่อง

อัลบาเข้า 17 ปีแกล็ดรางวัลสื่อใน Hollywood
นักแสดงเจสสิก้า อัลบา รูปถ่าย : มาริโอ มาริโอ anzuoni anzuoni / รอยเตอร์ / Reuters
โดยปี 1960ภาพยนตร์และการเดินทางทางอากาศเชิงพาณิชย์อยู่ในขณะนี้ และสี คนเร็ว ๆมีเงินเพียงพอที่จะเพลิดเพลินไปกับทั้งสอง เสน่ห์ของการอาบแดด ดึงชาวไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะสเปน เมื่อการปะทะกันทางเศรษฐกิจกลับมาอังกฤษในปี 1970 , วิธีการ sunless ฟอกหนัง–เช่น คอปเปอร์โทนตนเองแทน และเติบโตในความนิยมและโดยปี 1978 , เตียงอาบแดดถูก reintroduced เป็นวิธีที่รวดเร็วของ bronzing .เครื่องสําอางบูมของปี 1980 และการเข้าถึงของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนวันหยุดแพคเกจเพลินเสน่ห์ของการฟอกหนังถึง 1990 โดย 2000 , การสำรวจพบว่า 50% ของชาวอังกฤษบอกว่าจะกลับมากับตาลเป็นเดียวที่สำคัญที่สุด เหตุผลจริง ๆไปเที่ยว

โฆษณา

ผู้หญิงผิวสี ( ทอฟฟี่ Jessica Alba , Beyonce , ฮัลลี เบอร์รี่คิม คาร์ดาเชียน ) อยู่ในแถวหน้าของคำนิยามของศตวรรษที่ 21 ที่สวย อาร์กิวเมนต์วิ่งที่ผู้หญิงสีขาวพยายามที่จะบรรลุ complexions คล้ายไม่สนใจดาราเหล่านี้โทนผิว เป็นผลจากการผสมเชื้อชาติหรือไม่ ผิวขาว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่หมกมุ่นกับการฟอกหนังยังมี Katie ราคา , Victoria Beckham และแม้ทั้งโยนของชายฝั่งเป็นฟอกหนัง geordie แบบอย่าง .ความปรารถนาที่จะตันวิ่งลึกกว่า

กลัวการแข่งขัน โดยความเสี่ยงของการฟอกหนังใน 2009 , เมื่อพบว่าอัตราของ melanoma มะเร็งใน UK มีมากกว่า quadrupled ใน 30 ปีที่ผ่านมาและมันเป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดของมะเร็งในผู้ที่มีอายุ 15-34 .องค์การอนามัยโลก พบว่า ผู้ที่ใช้อุปกรณ์การฟอกหนังก่อนอายุ 30 เป็น 75% มีแนวโน้มที่จะพัฒนา melanoma .

เตียงอาบแดด ( ระเบียบ ) แสดงนำในปี 2010 ด้วยความช่วยเหลือจากหญิงสาวดังนักร้องและอดีตเทนเนอร์ นิโคล่า โรเบิร์ตส์ ทำให้มันผิดกฎหมายสำหรับฟอกหนังเพื่อให้ under-18s ใช้เตียงอาบแดด . อย่างไรก็ตามไม่มีในระเบียบบ่อยครั้งที่ผู้ใหญ่สามารถใช้เตียงอาบแดด

- ตามความคิดเห็นบน Twitter @ commentisfree ฟรี