Asteroids are minor planets, especi

Asteroids are minor planets, especially those of the inner Solar System. The larger ones have also been called planetoids. These terms have historically been applied to any astronomical object orbiting the Sun that did not show the disc of a planet and was not observed to have the characteristics of an active comet. As minor planets in the outer Solar System were discovered and found to have volatile-based surfaces that resemble those of comets, they were often distinguished from asteroids of the asteroid belt.[1] In this article, the term "asteroid" refers to the minor planets of the inner Solar System including those in co-orbit with Jupiter.

There are millions of asteroids, many thought to be the shattered remnants of planetesimals, bodies within the young Sun's solar nebula that never grew large enough to become planets.[2] The large majority of known asteroids orbit in the asteroid belt between the orbits of Mars and Jupiter, or are co-orbital with Jupiter (the Jupiter trojans). However, other orbital families exist with significant populations, including the near-Earth asteroids. Individual asteroids are classified by their characteristic spectra, with the majority falling into three main groups: C-type, S-type, and M-type. These were named after and are generally identified with carbon-rich, stony, and metallic compositions, respectively.

Only one asteroid, 4 Vesta, which has a relatively reflective surface, is normally visible to the naked eye, and this only in very dark skies when it is favorably positioned. Rarely, small asteroids passing close to Earth may be visible to the naked eye for a short time.[3] As of November 2015, the Minor Planet Center had data on more than 1.25 million objects in the inner and outer Solar System, of which 750,000 had enough information to be given numbered designations.[4]

On 22 January 2014, ESA scientists reported the detection, for the first definitive time, of water vapor on Ceres, the largest object in the asteroid belt.[5] The detection was made by using the far-infrared abilities of the Herschel Space Observatory.[6] The finding is unexpected because comets, not asteroids, are typically considered to "sprout jets and plumes". According to one of the scientists, "The lines are becoming more and more blurred between comets and asteroids."[6]

Contents [hide]
1 Naming
1.1 Symbols
2 Discovery
2.1 Historical methods
2.2 Manual methods of the 1900s and modern reporting
2.3 Computerized methods
3 Terminology
4 Formation
5 Distribution within the Solar System
5.1 Asteroid belt
5.2 Trojans
5.3 Near-Earth asteroids
6 Characteristics
6.1 Size distribution
6.1.1 Largest asteroids
6.2 Rotation
6.3 Composition
6.4 Surface features
6.5 Color
7 Classification
7.1 Orbital classification
7.1.1 Quasi-satellites and horseshoe objects
7.2 Spectral classification
7.2.1 Problems
8 Exploration
8.1 Planned and future missions
9 Fiction
10 See also
11 Notes
12 References
13 External links

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดาวเคราะห์น้อยคือ ดาวเคราะห์วิชารอง เฉพาะภายในระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่ได้ถูกเรียกว่า planetoids เงื่อนไขเหล่านี้ได้ถูกประยุกต์ใช้กับวัตถุทางดาราศาสตร์ที่โคจรประวัติดวงอาทิตย์ ที่ไม่ได้แสดงดิสก์ของดาวเคราะห์ถูกตรวจสอบไม่ให้มีลักษณะของดาวหางใช้งานอยู่ เป็นวิชารองดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะถูกค้นพบ และพบมีผิวระเหยตามที่มีลักษณะของดาวหาง พวกเขามักจะแตกต่างจากดาวเคราะห์น้อยในแถบดาวเคราะห์น้อยของ [1] ในบทความนี้ คำว่า "ดาวเคราะห์น้อย" อ้างถึงวิชารองดาวเคราะห์ระบบสุริยะภายในรวมทั้งผู้ที่อยู่ในวงโคจรร่วมกับดาวพฤหัสบดีมีดาวเคราะห์น้อยนับล้าน หลายคนคิดว่า เป็น เศษมลายของ planetesimals ร่างกายภายในเนบิวลาแสงของดวงอาทิตย์หนุ่มที่ไม่เคยเติบโตขนาดใหญ่พอที่จะเป็น ดาวเคราะห์ [2] ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่รู้จักดาวเคราะห์น้อยโคจรในแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี หรือมีออร์บิทัลร่วมกับดาวพฤหัสบดี (จันจูปิเตอร์) อย่างไรก็ตาม ครอบครัวอื่น ๆ โคจรอยู่กับประชากรสำคัญ รวมถึงดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก ดาวเคราะห์น้อยแต่ละประเภทแรมสเป็คตราของลักษณะ ด้วยส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในสามกลุ่มหลัก: ประเภท C, S และชนิด ประเภท M เหล่านี้ถูกตั้งชื่อหลังจาก และโดยทั่วไปกำหนดคาร์บอนริช ชาด และองค์โลหะ ตามลำดับดาวเคราะห์น้อยเดียว 4 เวสตา ซึ่งมีพื้นผิวสะท้อนแสงค่อนข้าง ปกติมองเห็นได้ตาเปล่า และนี้ในท้องฟ้าที่มืดมากเท่าเมื่อพ้องต้องอยู่ ไม่ค่อย ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กผ่านใกล้โลกอาจมองเห็นได้ตาเปล่าเป็นเวลาสั้น ๆ [3] ณ 2015 พฤศจิกายน ศูนย์ดาวเคราะห์วิชารองมีข้อมูลมากกว่า 1.25 ล้านวัตถุภายใน และภายนอกระบบสุริยะ ที่ 750000 มีข้อมูลเพียงพอที่จะบอกลำดับเลขที่กำหนดให้ [4]บน 22 2014 มกราคม นักวิทยาศาสตร์ประเทศรายงานตรวจสอบ การทั่วไปครั้งแรก ของไอน้ำบนเซเรส วัตถุที่ใหญ่ที่สุดในแถบดาวเคราะห์น้อย [5] การตรวจทำ โดยใช้ความสามารถของฟาร์อินฟราเรดของกล้องโทรทรรศน์อวกาศเฮอร์เชล [6] ค้นหาที่ไม่คาดคิดเนื่องจากดาวหาง ไม่ดาวเคราะห์น้อย โดยทั่วไปถือว่า "งอกงาม jets และ plumes" ตามหลักการหนึ่งของ "บรรทัดจะกลายเป็นมากเบลอระหว่างดาวหางและดาวเคราะห์น้อย" [6]เนื้อหา [ซ่อน] 1 Naming1.1 สัญลักษณ์ค้นพบ 22.1 วิธีการทางประวัติศาสตร์2.2 คู่มือวิธีภาพกลายและรายงานที่ทันสมัย2.3 คอมพิวเตอร์วิธีคำศัพท์ 3ผู้แต่ง 4แจก 5 ภายในระบบสุริยะ5.1 แถบดาวเคราะห์น้อย5.2 โทรจัน5.3 ใกล้โลกดาวเคราะห์น้อยลักษณะ 66.1 การกระจายขนาด6.1.1 ดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่ที่สุด6.2 วาระที่6.3 องค์ประกอบ6.4 ลักษณะผิว6.5 สีประเภทที่ 77.1 การจัดประเภทของวงโคจร7.1.1 ดาวเทียม quasi-และฮอร์สชูวัตถุ7.2 ประเภทที่สเปกตรัม7.2.1 ปัญหาสำรวจ 8ภารกิจในอนาคต และ 8.1นิยาย 9ดู 10หมายเหตุ 11อ้างอิงที่ 12เชื่อมโยงภายนอก 13

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดาวเคราะห์น้อยที่มีดาวเคราะห์น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งของระบบสุริยะชั้นใน คนที่มีขนาดใหญ่ยังได้รับการเรียกว่า planetoids เงื่อนไขเหล่านี้ได้รับในอดีตนำไปใช้กับวัตถุทางดาราศาสตร์ใด ๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ที่ไม่ได้แสดงแผ่นดิสก์ของโลกและก็ไม่เห็นจะมีลักษณะของดาวหางที่ใช้งานอยู่ ในฐานะที่เป็นดาวเคราะห์น้อยในระบบสุริยะชั้นนอกถูกค้นพบและพบว่ามีพื้นผิวที่มีความผันผวนตามที่มีลักษณะคล้ายกับบรรดาของดาวหางพวกเขามักจะแตกต่างไปจากดาวเคราะห์น้อยของแถบดาวเคราะห์น้อย. [1] ในบทความนี้คำว่า "ดาวเคราะห์น้อย" หมายถึง ดาวเคราะห์น้อยของระบบสุริยะชั้นในรวมทั้งผู้ที่ร่วมวงโคจรกับดาวพฤหัสบดี. มีนับล้านที่มีดาวเคราะห์น้อยหลายคนคิดว่าจะได้รับเศษแตกของดาวเคราะห์ร่างกายภายในเนบิวลาแสงอาทิตย์อาทิตย์หนุ่มสาวที่ไม่เคยเติบโตที่มีขนาดใหญ่พอที่จะเป็นดาวเคราะห์. [2 ] ส่วนใหญ่ของวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยที่รู้จักกันดีในแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดีหรือร่วมกับการโคจรของดาวพฤหัสบดี (โทรจันดาวพฤหัสบดี) อย่างไรก็ตามครอบครัวโคจรอื่น ๆ อยู่มีประชากรความหมายรวมถึงดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก ดาวเคราะห์น้อยส่วนบุคคลจะถูกจำแนกตามลักษณะสเปกตรัมของพวกเขาด้วยส่วนใหญ่ตกอยู่ในสามกลุ่มหลัก: C-ชนิดประเภท S และ M-ประเภท เหล่านี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อและจะมีการระบุโดยทั่วไปกับคาร์บอนที่อุดมไปด้วยหินและองค์ประกอบโลหะตามลำดับ. เพียงคนเดียวที่ดาวเคราะห์น้อย 4 เวสต้าซึ่งมีพื้นผิวที่ค่อนข้างสะท้อนแสงเป็นปกติที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและนี้เฉพาะในท้องฟ้าที่มืดมาก เมื่อมันอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ในเกณฑ์ดี ไม่ค่อยดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กผ่านใกล้โลกอาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในช่วงเวลาสั้น. [3] เมื่อวันที่พฤศจิกายน 2015 ไมเนอร์ดาวเคราะห์ศูนย์มีข้อมูลมากกว่า 1,250,000 วัตถุในด้านในและด้านนอกระบบสุริยะที่ 750,000 มีข้อมูลเพียงพอที่จะได้รับการกำหนดเลข. [4] ที่ 22 มกราคม 2014 นักวิทยาศาสตร์อีเอสเอรายงานการตรวจสอบเป็นครั้งที่ชัดเจนครั้งแรกของไอน้ำในเซเรส, วัตถุที่ใหญ่ที่สุดในแถบดาวเคราะห์น้อย. [5] การตรวจสอบคือ ทำโดยใช้ความสามารถอินฟราเรดไกลของกล้องโทรทรรศน์อวกาศเฮอร์เชล. [6] การค้นพบที่ไม่คาดคิดเพราะดาวหางดาวเคราะห์น้อยที่ไม่ได้รับการพิจารณาโดยทั่วไป "ไอพ่นงอกและขนนก" ตามหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ "เส้นมีมากขึ้นและมากขึ้นเบลอระหว่างดาวหางและดาวเคราะห์น้อย." [6] [ซ่อน] 1 การตั้งชื่อ1.1 สัญลักษณ์2 การค้นพบ2.1 วิธีการทางประวัติศาสตร์2.2 วิธีการด้วยตนเองของปี 1900 และการรายงานที่ทันสมัย​​2.3 วิธีการใช้คอมพิวเตอร์3 คำศัพท์4 สร้าง5 การจัดจำหน่ายภายในระบบสุริยะ5.1 เข็มขัดดาวเคราะห์น้อย5.2 โทรจัน5.3 ดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก6 ลักษณะ6.1 ขนาดการกระจาย6.1.1 ดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่ที่สุด6.2 การหมุน6.3 องค์ประกอบ6.4 พื้นผิวมี6.5 สี7 การจำแนกประเภท7.1 การจัดหมวดหมู่วง7.1.1 ดาวเทียมเสมือน และเกือกม้าวัตถุ7.2 การจัดหมวดหมู่สเปกตรัม7.2.1 ปัญหา8 สำรวจ8.1 วางแผนและภารกิจในอนาคต9 นิยาย10 ดูเพิ่มเติม11 หมายเหตุ12 อ้างอิง13 แหล่งข้อมูลอื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดาวเคราะห์น้อย คือ ดาวเคราะห์น้อย , โดยเฉพาะอย่างยิ่งของระบบสุริยะชั้นใน รูปใหญ่ก็ยังถูกเรียกว่า planetoids . ข้อตกลงที่ได้รับในอดีตไปใช้กับวัตถุทางดาราศาสตร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ที่ไม่ได้แสดงแผ่นดิสก์ของดาวเคราะห์ และไม่พบว่ามีลักษณะของดาวหางที่ใช้งานอยู่เป็นดาวเคราะห์น้อยในระบบสุริยะส่วนนอกถูกค้นพบ และพบว่ามีความผันผวนตามพื้นผิวที่คล้ายกับบรรดาของดาวหาง พวกเขามักจะแตกต่างจากดาวเคราะห์น้อยในแถบดาวเคราะห์น้อย . [ 1 ] ในบทความนี้ คำว่า " ดาวเคราะห์น้อย " อ้างถึงดาวเคราะห์ของระบบสุริยะชั้นใน รวมทั้งในวงโคจร Co กับดาวพฤหัสบดี

มีล้านของดาวเคราะห์น้อยคิดว่าหลายคนจะแตก เศษ planetesimals ร่างกายภายใน ยัง ซุน เนบิวลา แสงอาทิตย์ที่เคยเติบโตมากพอที่จะกลายเป็นดาวเคราะห์ . [ 2 ] ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่รู้จักดาวเคราะห์น้อยโคจรอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี หรือ co วงโคจรกับดาวพฤหัสบดี ( Jupiter โทรจัน ) อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของ ๆ ที่มีอยู่กับประชากรที่สำคัญรวมถึงดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก . ดาวเคราะห์น้อยจำแนกตามลักษณะส่วนบุคคลของแสงกับส่วนใหญ่ตกอยู่ในสามกลุ่มหลัก : C - type S - Type , และประเภท . เหล่านี้ถูกตั้งชื่อ และโดยทั่วไปจะระบุด้วยคาร์บอนอุดม , หิน , และองค์ประกอบโลหะตามลำดับ

เดียวดาวเคราะห์น้อย 4 เวสต้าซึ่งมีพื้นผิวสะท้อนค่อนข้างคือปกติสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และเฉพาะในท้องฟ้ามืดมากเมื่อมันเป็นพ้องต้องกันวาง . ไม่ค่อยดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กผ่านใกล้โลกอาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นระยะเวลาสั้น ๆ . [ 3 ] เมื่อวันที่พฤศจิกายน 2015 , ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยมีข้อมูลมากกว่า 1.25 ล้าน วัตถุในระบบสุริยะชั้นในและชั้นนอก ที่ 750 ,000 had enough information to be given numbered designations.[4]

On 22 January 2014, ESA scientists reported the detection, for the first definitive time, of water vapor on Ceres, the largest object in the asteroid belt.[5] The detection was made by using the far-infrared abilities of the Herschel Space Observatory.[6] The finding is unexpected because comets, not asteroids,โดยทั่วไปจะถือว่า " ถั่วงอก jets และขนนก " ตามหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ " สายมีมากขึ้นและมากขึ้นเบลอระหว่างดาวหางและดาวเคราะห์น้อย " [ 6 ]

เนื้อหา [ ซ่อน ]
1
1.1 ตั้งชื่อสัญลักษณ์
2

2 วิธี 2.1 การค้นพบประวัติศาสตร์คู่มือวิธีการของต้นตอและทันสมัย 2.3 รายงาน

3
4 ศัพท์คอมพิวเตอร์วิธีการสร้าง
5 กระจายภายในระบบสุริยะ
5เข็มขัดดาวเคราะห์น้อยโทรจัน

1 5.2 5.3 ดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก
6
.
และลักษณะการกระจายขนาดใหญ่ที่สุด

องค์ประกอบหมุนดาวเคราะห์น้อย 6.2 6.3 6.4 พื้นผิว


7
7 สี 6.5 การจำแนกหมวดหมู่
7.1.1 กึ่งโคจรดาวเทียมและเกือกม้าวัตถุ

7.2.1 7.2 สเปกตรัมการสำรวจปัญหา
8
1 แผน และในอนาคต missions
9 ลอกเลียนแบบ
10 see also
notes
ตรงไหนการอ้างอิงการเชื่อมโยงภายนอก

13 12