After ten years of economic stagnat

After ten years of economic stagnation following the unification of the country in 1975, after the fall of Saigon, the Communist Party of Vietnam adopted in 1986 a program of broad economic reforms known as the Doi Moi or “renovation.” It introduced new market rules were, opened up to a greater degree of Foreign Direct Investment (FDI) and improved the business climate. By and large, the “Doi Moi” reforms brought about profound changes in the Vietnamese “social fabric.”
Nonetheless, even after this liberalization effort, the Vietnamese government still have a great deal of control and influence exerts over major economic sectors through its overly involvement in large state-owned conglomerates and a range of other enterprises, including the banking system. In 2010 alone, the state sector continued to account for about 36% of the Gross Domestic Product (GDP).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลังจากสิบปีของการชะงักงันทางเศรษฐกิจต่อการรวมกันของประเทศในปี 1975 หลังจากการล่มสลายของไซ่ง่อน พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนำใน 1986 การปฏิรูปทางเศรษฐกิจที่กว้างเรียกว่าดอยอยหรือ "ปรับปรุง" จะนำตลาดใหม่กฎได้ เปิดได้ถึงระดับสูงของต่างประเทศโดยตรงการลงทุน (FDI) และปรับปรุงสภาพธุรกิจ นำโดย large และ ปฏิรูป "ดอยอย" เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในภาษาเวียตนาม "สังคมผ้า"กระนั้น แม้หลังจากพยายามเปิดเสรี รัฐบาลเวียดนามยังคงมีมากควบคุม และ exerts อิทธิพลมากกว่าภาคเศรษฐกิจสำคัญผ่านมากเกินไปมีส่วนร่วมใน conglomerates รัฐขนาดใหญ่และช่วงขององค์กรอื่น รวมถึงระบบธนาคาร ในปี 2553 เพียงอย่างเดียว ภาครัฐต่อการบัญชีสำหรับประมาณ 36% ของการรวมภายในประเทศผลิตภัณฑ์ (GDP)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลังจากสิบปีของการซบเซาทางเศรษฐกิจต่อไปรวมกันของประเทศในปี 1975 หลังจากการล่มสลายของไซ่ง่อนพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนำมาใช้ในปี 1986 โปรแกรมของการปฏิรูปเศรษฐกิจในวงกว้างที่เรียกว่าดอย Moi หรือ "การปรับปรุง." มันนำกฎระเบียบตลาดใหม่ ถูกเปิดขึ้นมาเพื่อระดับสูงของต่างประเทศการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจ โดยและขนาดใหญ่ที่ "ดอย Moi" การปฏิรูปนำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในเวียตนาม "โครงสร้างทางสังคม."
อย่างไรก็ตามแม้หลังจากที่ความพยายามเปิดเสรีนี้รัฐบาลเวียดนามยังคงมีการจัดการที่ดีของการควบคุมและมีอิทธิพลต่อออกแรงมากกว่าภาคเศรษฐกิจที่สำคัญผ่านมากเกินไปของมัน การมีส่วนร่วมในกลุ่ม บริษัท ที่รัฐเป็นเจ้าของขนาดใหญ่และหลากหลายของผู้ประกอบการอื่น ๆ รวมทั้งระบบธนาคาร ในปี 2010 เพียงอย่างเดียวของภาครัฐยังคงมีสัดส่วนประมาณ 36% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลังจากสิบปีของความซบเซาทางเศรษฐกิจตามการรวมประเทศในปี 1975 หลังจากฤดูใบไม้ร่วงของไซ่ง่อน พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามประกาศใช้ในปี 1986 โปรแกรมคร่าว ๆ ปฏิรูปเศรษฐกิจ เรียกว่าดอยมอยหรือ " ใหม่ " มันแนะนำกฎการตลาดใหม่ถูกเปิดขึ้นในระดับที่มากขึ้นของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( การลงทุนโดยตรง ) และปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจ โดยและขนาดใหญ่" โด๋ยเม้ย " การปฏิรูปที่นำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในผ้าสังคมเวียดนาม " "
กระนั้นแม้หลังจากการเปิดเสรีความพยายาม รัฐบาลเวียดนามยังคงมีการจัดการที่ดีของการควบคุม และอิทธิพลเหนือภาคเศรษฐกิจหลักที่จะผ่านมากเกินไปมีส่วนร่วมในกลุ่มเป็นเจ้าของรัฐขนาดใหญ่ และช่วงของ บริษัท อื่น ๆ , รวมทั้งระบบธนาคาร ในปี 2010 เพียงอย่างเดียวภาครัฐยังคงบัญชีสำหรับประมาณ 36 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) .