ตึกเก่าแก่หลังนี้เจ้าของเดิมคือ มหาอำมาตย์โท พระยามหินทรเดชานุวัตน์ ( ใหญ่ ศยามานนท์ ) เป็นบุตรของหลวงราชนิทาน(ขำ) ปลัดกรมหมอยา และนางสุ่น ชาติโอสถ เกิดในรัชกาลที่ 5 ท่านรับราชการรับใช้ชาติมาตลอดชีวิต โดยมีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขานว่า "มือปราบ" เพราะกระทรวงมหาดไทยมักจะส่งท่านไปช่วยงานปราบปรามโจรผู้ร้ายในมณฑลตามหัวเมืองเป็นเสมอ
ชีวิตส่วนตัวนั้นพระยามหินทรเดชานุวัตน์ เป็นผู้มีใจโอบอ้อมอารีแก่บรรดาญาติมิตร และคนใกล้ชิด โดยท่านชอบบริจาคเงินเพื่อการกุศลอยู่เป็นประจำเป็นจำนวนมาก และยามว่างก็สนใจสะสมของเก่า มีวัตถุโบราณและพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ไว้เพื่อสักการบูชา เป็นจำนวนมาก
ส่วนตึกหลังนี้พระยามหินทรเดชานุวัตน์ได้สร้างขึ้นเป็นบ้านพักอาศัยที่บริเวณถนนเพชรบุรี หลังจากที่ทราบว่าจะต้องมารับราชการที่กรุงเทพฯ มีลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 7 ก่อสร้างระหว่างปี พ.ศ.2472 - 2474 โดยมีนายสมัยและนายจินเฮง เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้าง บนที่ดินขนาด 1 ไร่ 258 ตารางวา
เป็นอาคาร 2 ชั้น และมีห้องใต้หลังคาอยู่ด้านบน ความโดดเด่นของอาคารหลังนี้คือมุกทั้ง 2 ด้านไม่เหมือนกัน ซึ่งปกติบ้านหลังเก่า ๆ จะนิยมสร้างมุกของบ้านให้เหมือนกัน แต่สำหรับอาคารหลังนี้มุกทางขวามือ(หันหน้าเข้าตัวอาคาร) เป็นทรงปั้นหยาธรรมดา แต่มุกด้านซ้ายกลับเป็นมุกจั่วปาดมุมมีรั้งระเบียงล้อมรอบ
รอบ ๆ อาคารจะมีเรือนบริวาร(ซึ่งขณะนี้เรือนบริวารต่าง ๆ ได้มีการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์เป็นของบุคคลอื่นแล้ว คงเหลือแต่เรือนใหญ่ที่ปัจจุบันเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ ) บรรยากาศรอบ ๆ อาคารหลังนี้ล้อมรอบด้วยคลอง ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้งลั่นทม อโศก เข็มและมะม่วง
พระยามหินทรเดชานุวัตน์ ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2493 ด้วยโรคความดันโหิตสูงเรื้อรังที่โรงพยาบาลจุฬา และศพของท่านได้ถูกนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ห้องโถงของบ้านหลังนี้ และในภายหลังจากท่านถึงแก่อนิจกรรมแล้วมีบริษัทมาขอถ่ายทำหนังผีเรื่อง "บ้านสีชมพู" อีกด้วย
หลังจากนั้นบ้านหลังนี้ก็ตกทอดไปสู่ลูกหลาน จนเจ้าของบ้านคนสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนมาอยู่กับธนาคารไทยพาณิชย์ค์สมบูรณ์ โดยขายไปเมื่อประมาณ 2509 ในราคา 800,000 บาท