As Boitshwarelo (2011) claims that

As Boitshwarelo (2011) claims that connectivist learning environments are complex in nature because of the two reasons. Firstly, these environments comprise networks of individuals. This feature is also cited by Kop and Hill (2008) that the network or communities do not need to be only online only. Indeed, connectivism offers that theory encompasses a larger learning environment in which it enables people to understand the world and how they learn (Kop & Hill, 2008). Secondly, individuals’ continuous engagement is needed to sustain the dynamic nature of the communities (Boitshwarelo, 2011). This feature provides a continual process (Marhan, 2006). Therefore, it is possible to assert that memorizing and even understanding everything might not be considered as the learners’ roles, or rather, they should have a greater capacity for finding and utilizing the information whenever needed (Anderson & Dron, 2011).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป็น Boitshwarelo (2011) เรียกว่า connectivist การเรียนรู้ สภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อนในธรรมชาติเนื่องจากเหตุผลสองประการ ประการแรก สภาพแวดล้อมเหล่านี้ประกอบด้วยเครือข่ายของบุคคล นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงคุณสมบัตินี้ โดย Kop และฮิลล์ (2008) ที่เครือข่ายหรือชุมชนไม่จำเป็นจะต้องเฉพาะออนไลน์เท่านั้น จริง connectivism เสนอว่า ทฤษฎีที่ครอบคลุมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจโลกและจะเรียนรู้ (Kop & Hill, 2008) ประการที่สอง การมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของแต่ละคนจะต้องรักษาธรรมชาติแบบไดนามิกของชุมชน (Boitshwarelo, 2011) คุณลักษณะนี้มีกระบวนการอย่างต่อเนื่อง (Marhan, 2006) ดังนั้น จำเป็นต้องอ้างว่า จดจำ และจะเข้าใจทุกอย่างอาจไม่ถือว่าเป็นบทบาทของนักเรียน หรือค่อนข้าง พวกเขาควรมีความจุมากขึ้นสำหรับการค้นหา และใช้ข้อมูลเมื่อใดก็ตามที่จำเป็น (Anderson & Dron, 2011)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในฐานะที่เป็น Boitshwarelo (2011) อ้างว่าเรียนรู้สภาพแวดล้อม connectivist มีความซับซ้อนในธรรมชาติเพราะเหตุผลสองประการ ประการแรกสภาพแวดล้อมเหล่านี้ประกอบด้วยเครือข่ายของบุคคล คุณลักษณะนี้ยังอ้างโดยเดอะค็อปและฮิลล์ (2008) ว่าเครือข่ายหรือชุมชนไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงออนไลน์เท่านั้น อันที่จริงมี Connectivism ว่าทฤษฎีครอบคลุมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีขนาดใหญ่ในการที่จะช่วยให้คนเข้าใจโลกและวิธีการที่พวกเขาเรียนรู้ (Kop แอนด์ฮิล, 2008) ประการที่สองการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นที่จะรักษาลักษณะของชุมชน (Boitshwarelo 2011) คุณลักษณะนี้จะให้เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง (Marhan 2006) ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะยืนยันว่าจำและแม้กระทั่งการทำความเข้าใจทุกอย่างอาจจะไม่ได้รับการพิจารณาเป็นบทบาทของผู้เรียนหรือมากกว่าที่พวกเขาควรจะมีความจุมากขึ้นสำหรับการค้นหาและใช้ประโยชน์ข้อมูลที่ทุกเวลาที่ต้องการ (Anderson & Dron 2011)