Labeling is the assignment of a des

Labeling is the assignment of a descriptor to an individual based on selected
behavioral and/or physical characteristics. In society, an assigned label essentially
places the individual into a specified group possessing similar characteristics. By
design, a label can serve the discriminatory purpose of distinguishing the individual
(and otherssimilarly labeled)fromthe rest ofsociety and provide information about
the individual regardless of its accuracy.
HowardBecker’s(1963) classic labeling theory assertsthat labelsinfluence the
perceptions of both the individual and other members ofsociety. Once the majority
members of a society (e.g., EuropeanAmericans/Whitesin the United States) have
decided that certain behaviors are outside of the societal norms or unlawful, any
individuals exhibitingsuchbehaviors are considereddeviants(or criminals).Becker
maintains there is power in words, arguing that the mere labeling of someone as

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ติดฉลากจะบอกบุคคลตามที่กำหนดในการเลือกลักษณะทางกายภาพ หรือพฤติกรรม ในสังคม การกำหนดป้ายชื่อเป็นสถานบุคคลในกลุ่มที่ระบุที่มีลักษณะคล้ายกัน โดยออกแบบ ป้ายชื่อสามารถรองรับวัตถุประสงค์โจ่งแจ้งแยกแต่ละ(และป้าย otherssimilarly) จาก ofsociety ส่วนที่เหลือ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละคนโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องของ คลาสสิ HowardBecker's(1963) labelsinfluence assertsthat ทฤษฎีการติดฉลากการรับรู้ของบุคคลและอื่น ๆ ofsociety สมาชิก ครั้งส่วนใหญ่สมาชิกของสังคม (เช่น Whitesin EuropeanAmericans สหรัฐอเมริกา) ได้ตัดสินใจพฤติกรรมบางอย่างที่ นอกบรรทัดฐานนิยม หรือผิด กฎหมาย การexhibitingsuchbehaviors คนเป็น considereddeviants(or criminals) Beckerรักษามีอำนาจคำ การโต้เถียงที่การติดฉลากเพียงผู้เป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การติดฉลากคือการโอนบ่งกับบุคคลบนพื้นฐานของการเลือกลักษณะพฤติกรรมและ / หรือทางกายภาพ ในสังคมฉลากที่ได้รับมอบหมายเป็นหลักสถานที่บุคคลที่เป็นกลุ่มที่ระบุมีลักษณะที่คล้ายกัน โดยการออกแบบฉลากสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์การเลือกปฏิบัติของความแตกต่างของแต่ละบุคคล(และติดป้าย otherssimilarly) ส่วนที่เหลือ fromthe ofsociety และให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง. HowardBecker ของ (1963) ทฤษฎีการติดฉลากคลาสสิก assertsthat labelsinfluence การรับรู้ของทั้งบุคคลและอื่น ๆ สมาชิก ofsociety เมื่อคนส่วนใหญ่สมาชิกของสังคม (เช่น EuropeanAmericans / Whitesin สหรัฐอเมริกา) ได้ตัดสินใจว่าพฤติกรรมบางอย่างที่อยู่นอกของบรรทัดฐานทางสังคมหรือผิดกฎหมายใดๆที่บุคคล exhibitingsuchbehaviors มี considereddeviants (หรืออาชญากร) .Becker คงมีอำนาจในคำเถียง ว่าเป็นเพียงการติดฉลากของคนเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การติดฉลาก คือ งานของการเลือกบุคคลตาม
พฤติกรรมและ / หรือลักษณะทางกายภาพ ในสังคม การกำหนดฉลากเป็นหลัก
สถานที่บุคคลในกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายกัน โดย
ออกแบบฉลากสามารถให้บริการจุดประสงค์การแยกบุคคล
( และ otherssimilarly ติดป้าย ) ส่วนที่เหลือจากสังคมและให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง
.
howardbecker ( 1963 ) ทฤษฎีคลาสสิกฉลาก assertsthat labelsinfluence
ที่มีต่อทั้งบุคคลและสังคมที่สมาชิกคนอื่น ๆ . เมื่อเสียงส่วนใหญ่
สมาชิกของสังคม ( เช่น europeanamericans / whitesin สหรัฐอเมริกา )
ตัดสินใจว่า พฤติกรรมบางอย่างนอกบรรทัดฐานทางสังคมหรือกฎหมายของบุคคลใด ๆ exhibitingsuchbehaviors
เป็น considereddeviants ( หรือผู้ร้าย ) เบกเกอร์
ยังคงมีพลังในคำเถียงว่าใครเป็นเพียงการติดฉลาก