Sol LeWitt (1928 – 2007)Sol LeWitt

Sol LeWitt (1928 – 2007)

Sol LeWitt was born on September 9th, 1928 in Hartford, Connecticut to Eastern European

LeWitt received a BFA from Syracuse University in 1949 (where he made his first prints) and then was drafted in the Korean War in 1951. During his service, he made posters for the Special Services and spent time in Japan, where he bought the first works that became the basis of a large personal art collection.

In 1953, he moved to New York City, where he studied at the Cartoonists and Illustrators School (now the School of Visual Arts) and worked for Seventeen Magazine, making paste-ups, mechanicals and Photostats. He was then hired as a graphic designer in I.M. Pei’s architecture firm.

In 1960, he took an entry-level job at the Museum of Modern
LeWitt was also interested in Russian Constructivism, with its engineering aesthetic and the idea of making utilitarian art in an industrialized age. However, the work that influenced him the most was Eadweard Muybridge’s serial photography, sequential studies of people and animals in motion, which he came across in a book that somebody had left in his apartment.
LeWitt’s work from the early 1960s, works on canvas coated with thick gestural oil paint, each featured one of Muybridge’s figures in motion.
LeWitt’s three dimensional structural works from the mid to late 1960s – such as Serial Project, Three Part Variations on Three Different Cubes

Sol LeWitt executed his first wall drawing in 1968 at Paula Cooper Gallery in New York. Like many of the wall drawings after this, Wall Drawing #1 consisted of a system of parallel lines drawn with black pencil on a white wall in four directions (vertical, horizontal, diagonal left, and diagonal right.) By drawing directly on the wall, the work’s duration was limited and ultimately the wall drawings are painted over. It also allowed him to achieve his objective of reinforcing flatness and making a work as two-dimensional as possible.

Wall Drawing #1 also emphasized the premise of the artwork over the final product. In a 1969 article for Studio International, LeWitt wrote, “Two-dimensional works are not seen as objects. The work is a manifestation of an idea. It is an idea and not an object.” Without the traditional support of canvas or paper, wall drawings exist as a set of instructions and can be installed again and again.

This radical shift to drawing on the wall, followed the publication of Paragraphs on Conceptual Art, where he wrote, “When an artist uses a conceptual form of art, it means that all the planning and decisions are made beforehand and the execution is a perfunctory affair. The idea becomes the machine that makes the art.”

Although LeWitt drew Wall Drawing #1 on Paula Cooper’s gallery wall himself, he soon found that a team of assistants could oftentimes install his work better. He believed that the idea of his work superseded the art itself, as curator Andrea Miller-Keller said, "The essence of LeWitt's work is the original idea as formulated in the artist's mind." He soon took this and applied it to the print medium through numerous projects with numerous techniques.

In the late ‘70s, shortly after his first retrospective the at Museum of Modern Art and after numerous years of exhibiting in Italy, LeWitt moved to Spoleto, Italy. There he saw frescos by Fillippo Lippi, Massaccio, Fra Angelico and Giotto’s in local churches, museums and convents. In 1983, LeWitt’s art underwent a major transformation and he began to experiment with India ink and color ink washes, a nod to the local Trecento and Quattrocento works. He acknowledged the influence of these masterpieces on his own drawings, and went so far to say, that in his work he strived “to produce something [he] would not be ashamed to show Giotto.”

In the exhibition catalogue for Think with Senses – Feel with Mind, Art in the Present, part of the 2007 Venice Biennale, Robert Storr wrote that LeWitt “proved over and over again that the strict, systematic realization of a singular working premise is bound to produce results that will surprise both the maker and the viewer by exceeding expectation and giving eye-and-mind expanding physical dimensions to mental abstractions.”

Until 2033, LeWitt’s wall drawings are the subject of a solo exhibition titled Sol LeWitt: A Wall Drawing Retrospective at the Massachusetts Museum of Contemporary Art.

Sol LeWitt died in 2007 in New York City.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Sol LeWitt (1928-2007)Sol LeWitt ที่เกิดบน 9 กันยายน 1928 ในฮาร์ทฟอร์ด คอนเนตทิคัตยุโรปตะวันออก LeWitt รับ BFA จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ใน 1949 (ที่เขาทำของเขาพิมพ์ครั้งแรก) แล้ว ถูกร่างในสงครามเกาหลีในปีค.ศ. ระหว่างบริการของเขา เขาทำโปสเตอร์สำหรับบริการพิเศษ และใช้เวลาในประเทศญี่ปุ่น ที่เขาซื้องานแรกที่เป็นพื้นฐานของกลุ่มศิลปะส่วนตัวขนาดใหญ่ ในปีค.ศ. 1953 เขาย้ายไปนิวยอร์กซิตี้ ที่เขาเรียนที่ Cartoonists และวาดโรงเรียน (ตอนนี้โรงเรียนของทัศนศิลป์) และทำงานนิตยสาร Seventeen, paste-ups, mechanicals และ Photostats จากนั้นเขาถูกว่าจ้างเป็นผู้ออกแบบกราฟิกในบริษัทสถาปัตยกรรม I.M. พีอีไอใน 1960 เขาได้การงานสำหรับที่พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ LeWitt ยังมีสนใจในศิลปะเค้าโครงรัสเซีย สุนทรียะของวิศวกรรมและความคิดของศิลปะที่เป็นประโยชน์ในยุคที่อุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ทำงานที่มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุดถูกถ่ายภาพประจำ Eadweard Muybridge ศึกษาลำดับของคนและสัตว์ในการเคลื่อนไหว ซึ่งเขามาในหนังสือที่คนได้จากไปในอพาร์ทเมนต์ของเขา ของ LeWitt ผลิตจากปี 1960 ก่อน ทำงานบนผืนผ้าใบเคลือบ ด้วยหนา gestural สีน้ำมัน แต่ละห้องหนึ่งตัวเลขของ Muybridge ในการเคลื่อนไหว ของ LeWitt สามมิติโครงสร้างการทำงานจากที่กลางกับปลาย 1960s – เช่นประจำโครงการ ส่วนรูปแบบที่สามบนลูกบาศก์สามแตกต่างกันSol LeWitt ดำเนินเขากำแพงแรกที่วาดในค.ศ. 1968 ที่แกลลอรี่คูเปอร์พอลล่าในนิวยอร์ก เช่นภาพวาดผนังหลังนี้หลาย ผนังวาด #1 ประกอบด้วยระบบของเส้นขนานที่วาด ด้วยดินสอดำบนผนังสีขาวในสี่ทิศ (แนวตั้ง แนวนอน เส้นทแยงมุมซ้าย และเส้นทแยงมุมขวา) โดยการวาดโดยตรงบนผนัง ระยะเวลาการทำงานถูกจำกัด และสุด ที่ภาพวาดผนังทาสีทับ นอกจากนี้ยังอนุญาตให้เขาเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของเขาหน้าที่เรียบ และทำงานเป็นสองมิติเป็นผนังวาด #1 ยังเน้นเดินงานศิลปะผ่านผลิตภัณฑ์สุดท้าย ในบทความ 1969 สำหรับอินเตอร์เนชั่นแนลสตูดิโอ LeWitt เขียน "งานที่สองจะไม่เห็นเป็นวัตถุ การทำงานเป็นยามของความคิด มันเป็นความคิดและไม่วัตถุ" โดยการสนับสนุนดั้งเดิมของผืนผ้าใบหรือกระดาษ ภาพวาดผนังอยู่เป็นชุดคำสั่ง และสามารถติดตั้งได้อีก กะนี้รุนแรงกับรูปวาดบนผนัง ตามประกาศของย่อหน้าในศิลปะเชิงแนวคิด ที่เขาเขียน "เมื่อศิลปินใช้แบบแนวคิดของศิลปะ หมายความ ว่า ทั้งหมดวางแผนและตัดสินใจจะทำไว้ล่วงหน้า และการดำเนินการ เรื่องขอไปที ความคิดกลายเป็น เครื่องที่ทำงานศิลปะ" แม้ว่า LeWitt ดึงผนังวาด #1 ผนังแกลเลอรีของคูเปอร์พอลล่าเอง เขาเร็ว ๆ นี้พบว่า ทีมผู้ช่วยสามารถอาจเกิดติดตั้งเขาทำงานดีขึ้น เขาเชื่อว่า ความคิดของการทำงานของเขาแทนตัวเอง ศิลปะเป็นภัณฑารักษ์ Andrea มิลเลอร์เคลเลอร์กล่าวว่า "สาระสำคัญของการทำงานของ LeWitt เป็นความคิดดั้งเดิมเป็นสูตรในใจของศิลปิน" เขาเร็ว ๆ นี้เอานี้ และนำไปใช้กับสื่อการพิมพ์ผ่านโครงการต่าง ๆ ด้วยเทคนิคมากมายในการปลาย ' 70s หลังจากย้อนรอยแรกของเขาที่ที่พิพิธภัณฑ์ของ ศิลปะสมัยใหม่ และ หลังปีจำนวนมากอย่างมีระดับในอิตาลี LeWitt ย้ายไป Spoleto อิตาลี มีเขาเห็นปูนปั้นต่าง ๆ นา ๆ โดย Fillippo Lippi, Massaccio, Fra Angelico Giotto ในคริสตจักรท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์ และ convents ในปี 1983, LeWitt ของศิลปะเปลี่ยนแปลงสำคัญ และเขาเริ่มทดลองกับ washes หมึกสีและหมึกอินเดีย พยักหน้าไปทำงาน Trecento และ Quattrocento ท้องถิ่น เขายอมรับว่า อิทธิพลของผลงานมาสเตอร์พีซทำเหล่านี้ภาพวาดของเขา และไปจนต้องพูด ว่า ในงานของเขา เขาพยายาม "ให้ผล [เขา] จะไม่ละอายที่จะแสดง Giotto"ในแคตตาล็อกแสดงการคิดด้วยอารมณ์ความรู้สึกใจ ศิลปะในปัจจุบัน ส่วนของ Biennale เวนิส 2007 โรเบิร์ต Storr เขียนว่า LeWitt "ได้เล่าว่า ที่เข้มงวด ระบบรับรู้มและการทำเอกพจน์กับผลลัพธ์ที่จะแปลกใจที่เครื่องและตัวแสดง โดยเกินความคาดหวัง และให้ตา และใจขยายมิติทางกายภาพจิตใจ abstractions "จนถึง 2033 วาดผนังของ LeWitt เป็นชื่อเรื่องของนิทรรศการเดี่ยวที่ชื่อว่า Sol LeWitt: A ผนังวาดคาดที่แมสซาชูเซตส์พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยSol LeWitt เสียชีวิตในปี 2007 ในนิวยอร์กซิตี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โซล LeWitt (1928 - 2007) โซล LeWitt เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 1928 ในฮาร์ตฟอร์ด, คอนเนตทิคัยุโรปตะวันออกLeWitt ได้รับ BFA จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ในปี 1949 (ที่เขาทำพิมพ์ครั้งแรกของเขา) แล้วถูกเกณฑ์ทหารในสงครามเกาหลีในปี 1951 . ในช่วงที่เขาเขาทำโปสเตอร์สำหรับบริการพิเศษและใช้เวลาในประเทศญี่ปุ่นที่เขาซื้อผลงานแรกที่กลายเป็นพื้นฐานของการสะสมงานศิลปะส่วนบุคคลที่มีขนาดใหญ่. ในปี 1953 เขาย้ายไปนิวยอร์กซิตี้ที่เขาเรียนที่ การ์ตูน Illustrators และโรงเรียน (ตอนนี้โรงเรียนของทัศนศิลป์) และทำงานให้กับนิตยสาร Seventeen ทำให้อัพวางกลไกและ Photostats เขาได้รับการว่าจ้างจากนั้นเป็นนักออกแบบกราฟิกใน บริษัท สถาปัตยกรรมเมตรผมเป่ยของ. ในปี 1960 เขาเอางานรายการระดับที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่LeWitt ยังสนใจใน Constructivism รัสเซียกับความงามด้านวิศวกรรมและความคิดของการทำศิลปะประโยชน์ใน อายุอุตสาหกรรม แต่งานที่มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุดคือ Eadweard การถ่ายภาพต่อเนื่อง Muybridge ของการศึกษาต่อเนื่องของผู้คนและสัตว์ในการเคลื่อนไหวที่เขามาเจอในหนังสือที่ใครบางคนทิ้งในอพาร์ตเมนต์ของเขา. ทำงาน LeWitt จากต้นปี 1960 ทำงานบนผืนผ้าใบเคลือบ ด้วยสีน้ำมันหนา gestural แต่ละจุดเด่นหนึ่งของตัวเลขของ Muybridge ในการเคลื่อนไหว. LeWitt สามงานโครงสร้างมิติจากช่วงกลางถึงปลายทศวรรษที่ 1960 - เช่นโครงการอนุกรมสามรูปแบบส่วนบนสามก้อนที่แตกต่างกันSol LeWitt ดำเนินการวาดภาพผนังครั้งแรกของเขาในปี 1968 ที่พอลล่า แกลลอรี่คูเปอร์ในนิวยอร์ก เช่นเดียวกับหลายของภาพวาดผนังหลังจากนี้, ผนังวาด # 1 ประกอบด้วยระบบของเส้นวาดด้วยดินสอสีดำบนผนังสีขาวในสี่ทิศทาง (แนวตั้งแนวนอนแนวทแยงซ้ายและเส้นทแยงมุมที่ถูกต้อง.) โดยการวาดภาพบนผนัง ระยะเวลาการทำงานที่ถูก จำกัด และในที่สุดภาพวาดฝาผนังที่มีการทาสีทับ นอกจากนี้ยังอนุญาตให้เขาเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของเขาในการเสริมความเรียบและทำให้การทำงานเป็นสองมิติที่เป็นไปได้. กำแพงวาด # 1 ยังเน้นสถานที่ตั้งของงานศิลปะกว่าผลิตภัณฑ์ในขั้นสุดท้าย ในบทความ 1969 สตูดิโออินเตอร์เนชั่นแนล LeWitt เขียน "ผลงานสองมิติจะไม่ได้มองว่าเป็นวัตถุ การทำงานคือการแสดงออกของความคิด มันเป็นความคิดที่ไม่วัตถุ. "โดยการสนับสนุนแบบดั้งเดิมของผืนผ้าใบหรือกระดาษวาดผนังอยู่เป็นชุดของคำสั่งและสามารถติดตั้งอีกครั้งและอีกครั้ง. นี้การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในการวาดภาพบนผนังตามประกาศของย่อหน้าบน ศิลปะแนวคิดที่เขาเขียนว่า "เมื่อศิลปินใช้รูปแบบความคิดของศิลปะก็หมายความว่าทุกการวางแผนและการตัดสินใจจะทำก่อนและดำเนินการเป็นเรื่องที่พอเป็นพิธี ความคิดที่จะกลายเป็นเครื่องที่ทำให้ศิลปะ. "แม้ว่าLeWitt ดึงผนังวาด # 1 ในแกลเลอรี่พอลล่าคูเปอร์ผนังตัวเองไม่ช้าเขาก็พบว่าทีมงานของผู้ช่วยอาจเกิดสามารถติดตั้งการทำงานของเขาที่ดีกว่า เขาเชื่อว่าความคิดของการทำงานของเขาแทนที่ศิลปะที่ตัวเองเป็นผู้ปกครองเอนเดรียมิลเลอร์เคลเลอร์กล่าวว่า "สาระสำคัญของการทำงาน LeWitt คือความคิดเดิมเป็นสูตรในใจของศิลปิน." ไม่ช้าเขาก็เอานี้และนำไปใช้ให้พิมพ์กลางผ่านโครงการจำนวนมากที่มีเทคนิคมากมาย. ในช่วงปลายยุค 70 ไม่นานหลังจากที่ย้อนหลังครั้งแรกของเขาที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และหลังจากหลายปีของการจัดแสดงนิทรรศการในอิตาลี LeWitt ย้ายไปสโปเลโตประเทศอิตาลี . ที่นั่นเขาได้เห็นจิตรกรรมฝาผนังโดย Fillippo ลิปปิ Massaccio, Fra Angelico และ Giotto ในโบสถ์ท้องถิ่นพิพิธภัณฑ์และคอนแวนต์ ในปี 1983 ศิลปะ LeWitt ขนานของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเขาก็เริ่มที่จะทดสอบกับหมึกอินเดียและล้างหมึกสีพยักหน้าให้ Trecento ท้องถิ่นและ Quattrocento ผลงาน เขายอมรับอิทธิพลของผลงานชิ้นเอกเหล่านี้บนภาพวาดของเขาเองและไปไกลที่จะกล่าวว่าในการทำงานของเขาที่เขาพยายาม "ที่จะสร้างบางสิ่งบางอย่าง [เขา] จะไม่ต้องอายที่จะแสดง Giotto." ในแคตตาล็อกนิทรรศการสำหรับการคิดที่มีเซ้นส์ - รู้สึกสัมผัสได้ด้วยใจ, ศิลปะในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ 2007 Venice Biennale, โรเบิร์ตสตอร์เขียนว่า LeWitt "ได้รับการพิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเข้มงวดก่อให้เกิดระบบของหลักฐานการทำงานเอกพจน์ถูกผูกไว้ที่จะให้ผลลัพธ์ที่จะแปลกใจทั้งผู้ผลิตและ . ผู้ชมโดยเกินความคาดหวังและให้ตาและใจขยายขนาดทางกายภาพเพื่อ abstractions จิต "จนกระทั่ง2033, LeWitt ของภาพวาดผนังเป็นเรื่องของการแสดงนิทรรศการเดี่ยวที่ชื่อโซล LeWitt. กำแพงวาดภาพย้อนหลังที่พิพิธภัณฑ์แมสซาชูเซตศิลปะร่วมสมัยโซลLeWitt เสียชีวิตในปี 2007 ในนิวยอร์กซิตี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ซอลเลวิทท์ ( 1928 – 2550 )

ซอลเลวิทท์ เกิดวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1928 ในฮาร์ตฟอร์ด , คอนเนตทิคัตตะวันออกยุโรป

เลวิทท์ได้รับ BFA จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ใน 1949 ( ที่เขาให้พิมพ์แรก ) แล้วถูกเกณฑ์ทหารในสงครามเกาหลีใน 1951 . ในระหว่างการให้บริการของเขา เขาทำโปสเตอร์สำหรับบริการพิเศษและการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นที่เขาซื้อก่อนงานที่กลายเป็นพื้นฐานของงานศิลปะส่วนตัวขนาดใหญ่

ในปี 1953 เขาย้ายไปนิวยอร์กที่เขาศึกษาที่นักเขียนการ์ตูนและวาดภาพประกอบโรงเรียน ( ตอนนี้โรงเรียนของทัศนศิลป์ ) และทำงานให้กับนิตยสาร Seventeen , การวาง UPS และ mechanicals photostats . เขาถูกจ้างเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ในบริษัทสถาปนิกคือ I.M . Pei

ในปี 1960เขาเอาระดับงานที่พิพิธภัณฑ์เลวิทท์ทันสมัย
ยังสนใจภาษารัสเซียคอนสต กับวิศวกรรมของสุนทรียะ และแนวคิดของการสร้างประโยชน์ศิลปะในยุคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม งานที่มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุด คือ ดุ เวิร์ด ไมย์บริดต่อเนื่อง ถ่ายภาพต่อเนื่องการศึกษาของคนและสัตว์ในการเคลื่อนไหวที่เขาเจอในหนังสือที่ใครบางคนทิ้งไว้ในอพาร์ทเมนท์ของเขา
เลวิทท์งานจากต้นปี 1960 , ทำงานบนผืนผ้าใบเคลือบหนาสีน้ำมัน gestural แต่ละจุดเด่นหนึ่งของบริดของตัวเลขในการเคลื่อนไหว
เลวิทท์เป็นสามมิติโครงสร้างงานจากกลางถึงปลายทศวรรษที่ 1960 –เช่นโครงการต่อเนื่อง สามส่วนรูปแบบที่แตกต่างกันสามก้อน

ซอลเลวิทท์ประหารชีวิตของเขาก่อนผนังวาดในปี 1968 ที่พอลล่า คูเปอร์ แกลเลอรี่ ในนิวยอร์ก เช่นเดียวกับหลายผนังภาพวาดนี้วาดผนัง# 1 ประกอบด้วยระบบของเส้นวาดด้วยดินสอสีดำบนผนังสีขาว 4 ทิศทาง ( แนวตั้ง , แนวนอน , แนวทแยงมุมซ้ายและมุมขวา ) โดยการวาดโดยตรงบนผนัง