Federal policy has played a key rol

Federal policy has played a key role in the emergence of the U.S. biofuels industry. Policy
measures include minimum renewable fuel usage requirements, blending and production tax
credits, an import tariff, loans and loan guarantees, and research grants. One of the more
prominent forms of federal policy support is the Renewable Fuel Standard (RFS)—whereby a
minimum volume of biofuels is to be used in the national transportation fuel supply each year.
This report describes the general nature of the RFS mandate and its implementation, and outlines
some emerging issues related to the continued growth of U.S. biofuels production needed to
fulfill the expanding RFS mandate, as well as the emergence of potential unintended
consequences of this rapid expansion.
Congress first established the RFS with the enactment of the Energy Policy Act of 2005 (EPAct,
P.L. 109-58). This initial RFS (referred to as RFS1) mandated that a minimum of 4 billion gallons
be used in 2006, rising to 7.5 billion gallons by 2012. Two years later, the Energy Independence
and Security Act of 2007 (EISA, P.L. 110-140) greatly expanded the biofuel mandate volumes
and extended the date through 2022. The expanded RFS (referred to as RFS2) required the annual
use of 9 billion gallons of biofuels in 2008, rising to 36 billion gallons in 2022, with at least 16
billion gallons from cellulosic biofuels, and a cap of 15 billion gallons for corn-starch ethanol.
In addition to the expanded volumes and extended date, RFS2 has three important distinctions
from RFS1. First, the total renewable fuel requirement is divided into four separate, but nested
categories—total renewable fuels, advanced biofuels, biomass-based diesel, and cellulosic
biofuels—each with its own volume requirement. Second, biofuels qualifying under each
category must achieve certain minimum thresholds of lifecycle greenhouse gas (GHG) emission
reductions, with certain exceptions applicable to existing facilities. Third, all renewable fuel must
be made from feedstocks that meet an amended definition of renewable biomass, including
certain land use restrictions.
The Environmental Protection Agency (EPA) is responsible for establishing and implementing
regulations to ensure that the nation’s transportation fuel supply contains the mandated biofuels
volumes. EPA’s initial regulations for administering RFS1 (issued in April 2007) established
detailed compliance standards for fuel suppliers, a tracking system based on renewable
identification numbers (RINs) with credit verification and trading, special treatment of small
refineries, and general waiver provisions. EPA rules for administering RFS2 (issued in February
2010) built upon the earlier RFS1 regulations and include specific deadlines for announcing
annual standards, as well as greater specificity on potential waiver requests and RIN oversight.
Over the long term, the RFS is likely to play a dominant role in the development of the U.S.
biofuels sector, but with considerable uncertainty regarding potential spillover effects in other
markets and on other important policy goals. Emerging resource constraints related to the rapid
expansion of U.S. corn ethanol production have provoked questions about its long-run
sustainability and the possibility of unintended consequences in other markets as well as on the
environment. Questions also exist about the ability of the U.S. biofuels industry to meet the
expanding mandate for biofuels from non-corn sources such as cellulosic biomass materials,
whose production capacity has been slow to develop, or biomass-based biodiesel, which remains
expensive to produce owing to the relatively high prices of its feedstocks. Finally, considerable
uncertainty remains regarding the development of the infrastructure capacity (e.g., trucks,
pipelines, pumps, etc.) needed to deliver the expanding biofuels mandate to consumers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นโยบายของรัฐบาลกลางที่มีบทบาทสำคัญในการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพสหรัฐ นโยบาย
มาตรการรวมถึงขั้นต่ำความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนผสมและภาษีการผลิต
เครดิตภาษีเงินให้กู้ยืมและค้ำประกันเงินกู้และทุนวิจัย อีกคนหนึ่งที่
ประสบความสำเร็จในรูปแบบของการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลกลางเป็นมาตรฐานเชื้อเพลิงทดแทน (RFS) -whereby
ปริมาณขั้นต่ำของเชื้อเพลิงชีวภาพที่จะใช้ในการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงการขนส่งแห่งชาติในแต่ละปี.
รายงานนี้อธิบายลักษณะทั่วไปของอาณัติ RFS และของ การดำเนินงานและสรุป
ประเด็นที่เกิดขึ้นบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเชื้อเพลิงชีวภาพการผลิตของสหรัฐที่จำเป็นในการ
ตอบสนองการขยายอาณัติ RFS เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของที่ไม่ได้ตั้งใจที่อาจเกิด
ผลกระทบจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้.
สภาคองเกรสครั้งแรกที่จัดตั้งขึ้น RFS ที่มีการตรากฎหมายของคณะกรรมการนโยบายพลังงาน พระราชบัญญัติของปี 2005 (EPAct,
PL 109-58) นี้เริ่มต้น RFS (เรียกว่า RFS1) ได้รับคำสั่งว่าไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านแกลลอน
นำมาใช้ในปี 2006 เพิ่มขึ้นเป็น 7.5 พันล้านแกลลอนในปี 2012 สองปีต่อมาอิสรภาพพลังงาน
และพระราชบัญญัติการรักษาความปลอดภัยของปี 2007 (EISA, PL 110-140) ขยายปริมาณการสั่งเชื้อเพลิงชีวภาพ
และขยายวันที่ผ่าน 2022 ขยายตัว RFS (เรียกว่า RFS2) ที่จำเป็นประจำปี
การใช้ 9 พันล้านแกลลอนของเชื้อเพลิงชีวภาพในปี 2008 เพิ่มขึ้นถึง 36 พันล้านแกลลอนใน 2022 ที่มีอย่างน้อย 16
พันล้านแกลลอนจาก เชื้อเพลิงชีวภาพจากเซลลูโลสและหมวกจาก 15 พันล้านแกลลอนเอทานอลจากข้าวโพดแป้ง.
นอกเหนือจากปริมาณการขยายตัวและวันที่ขยาย RFS2 มีสามความแตกต่างที่สำคัญ
จาก RFS1 ครั้งแรกที่ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนทั้งหมดแบ่งออกเป็นสี่แยกที่ซ้อนกัน แต่
ประเภทรวมเชื้อเพลิงทดแทนเชื้อเพลิงชีวภาพขั้นสูงดีเซลชีวมวลที่ใช้และเซลลูโลส
เชื้อเพลิงชีวภาพแต่ละที่มีความต้องการปริมาณของตัวเอง ประการที่สองเชื้อเพลิงชีวภาพที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในแต่ละ
หมวดหมู่จะต้องบรรลุเกณฑ์ขั้นต่ำหนึ่งของวงจรชีวิตของก๊าซเรือนกระจก (GHG) ปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ลดลงโดยมีข้อยกเว้นบางอย่างที่ใช้บังคับกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ ประการที่สามทั้งหมดเชื้อเพลิงทดแทนจะต้อง
ทำจากวัตถุดิบที่ตรงตามความหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมชีวมวลทดแทนรวมทั้ง
ข้อ จำกัด การใช้ที่ดินบาง.
หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) เป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการสร้างและการใช้
กฎระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าการขนส่งของประเทศการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในอาณัติ เชื้อเพลิงชีวภาพ
ปริมาณ กฎระเบียบที่เริ่มต้นของ EPA ในการบริหาร RFS1 (ที่ออกในเดือนเมษายน 2007) ที่จัดตั้งขึ้น
ตามมาตรฐานรายละเอียดสำหรับซัพพลายเออร์น้ำมันเชื้อเพลิงระบบติดตามบนพื้นฐานของการทดแทน
หมายเลขประจำตัว (Rins) ที่มีการตรวจสอบเครดิตและการค้าการรักษาพิเศษขนาดเล็ก
โรงกลั่นน้ำมันและการสละสิทธิ์บทบัญญัติทั่วไป กฎ EPA ในการบริหาร RFS2 (ที่ออกในเดือนกุมภาพันธ์
2010) สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ RFS1 กฎระเบียบและรวมถึงกำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการประกาศ
มาตรฐานประจำปีเช่นเดียวกับที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเกี่ยวกับการร้องขอการสละสิทธิ์ที่มีศักยภาพและการกำกับดูแล RIN.
กว่าในระยะยาว RFS มีโอกาสที่จะเล่น มีบทบาทที่โดดเด่นในการพัฒนาของสหรัฐ
ภาคเชื้อเพลิงชีวภาพ แต่มีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอื่น ๆ ใน
ตลาดและเป้าหมายของนโยบายที่สำคัญอื่น ๆ ข้อ จำกัด ของทรัพยากรที่เกิดขึ้นใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการอย่างรวดเร็ว
การขยายตัวของการผลิตเอทานอลข้าวโพดสหรัฐได้กระตุ้นคำถามเกี่ยวกับการที่ระยะยาว
ความยั่งยืนและความเป็นไปได้ของผลกระทบที่ไม่ได้ตั้งใจในตลาดอื่น ๆ เช่นเดียวกับ
สภาพแวดล้อม คำถามที่ยังมีอยู่เกี่ยวกับความสามารถของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพสหรัฐเพื่อตอบสนอง
การขยายอาณัติสำหรับเชื้อเพลิงชีวภาพจากแหล่งที่ไม่ใช่ข้าวโพดเช่นวัสดุชีวมวลเซลลูโลส
ที่มีกำลังการผลิตได้รับช้าที่จะพัฒนาหรือไบโอดีเซลชีวมวลที่ใช้ซึ่งยังคง
มีราคาแพงในการผลิตยังค้างอยู่ ราคาที่ค่อนข้างสูงของวัตถุดิบที่ สุดท้ายมาก
ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของความจุ (เช่น, รถบรรทุก,
ท่อ, ปั๊ม, ฯลฯ ) ที่จำเป็นในการส่งมอบการขยายอาณัติเชื้อเพลิงชีวภาพให้กับผู้บริโภค

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นโยบายของรัฐบาลกลางยังมีบทบาทสำคัญในการวิวัฒนาการของสหรัฐอเมริกา พลังงาน อุตสาหกรรม นโยบายมาตรการ ได้แก่ การใช้เชื้อเพลิงทดแทนความต้องการขั้นต่ำ

ผสมและเครดิตภาษีการผลิต , การค้า , กู้และค้ำประกันเงินกู้ และทุนวิจัย . หนึ่งในเพิ่มเติม
โดดเด่นรูปแบบของการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลกลางเป็นมาตรฐานเชื้อเพลิงทดแทน ( rfs ) - โดย
ปริมาณขั้นต่ำของเชื้อเพลิงชีวภาพจะถูกใช้ในการจัดหาเชื้อเพลิงการขนส่งแห่งชาติในแต่ละปี รายงานนี้จะอธิบายถึงลักษณะทั่วไปของ rfs อาณัติและของหลักสูตร และสรุป
บางใหม่ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพที่สหรัฐต้องการ
เติมเต็มขยาย rfs อาณัติเช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของศักยภาพที่ไม่ได้ตั้งใจ
ผลกระทบของการขยายตัวอย่างรวดเร็ว .
การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกก่อตั้ง rfs ด้วยการบังคับใช้นโยบายพลังงาน Act of 2005 ( epact
พี , 109-58 ) นี้เริ่มต้น rfs ( เรียกว่า rfs1 ) บังคับว่าอย่างน้อย 4 พันล้านแกลลอน
ถูกใช้ในปี 2549 เพิ่มขึ้นเป็น 7.5 พันล้านแกลลอน โดย 2012 สองปีต่อมา
ความมั่นคงและความเป็นอิสระของพลังงานแห่งปี 2007 ( พี ,110-140 ) ช่วยขยายอาณัติเชื้อเพลิงชีวภาพปริมาณ
และขยายวันโดย 2022 . ขยาย rfs ( เรียกว่า rfs2 ) ต้องใช้ปี
9 พันล้านแกลลอนของน้ำมันในปี 2551 เพิ่มขึ้นถึง 36 พันล้านแกลลอนในปี 2022 ด้วย อย่างน้อย 16
พันล้านแกลลอนจากเชื้อเพลิงชีวภาพ cellulosic , และหมวก 15 พันล้านแกลลอนของเอทานอลข้าวโพดแป้ง .
นอกจากการขยายปริมาณและขยายวัน rfs2 มีสามที่สำคัญความแตกต่าง
จาก rfs1 . ก่อน โดยความต้องการเชื้อเพลิงทดแทน แบ่งเป็นสี่แยก แต่ซ้อนกัน
ประเภทรวมทดแทนเชื้อเพลิงดีเซลจากชีวมวลเชื้อเพลิงชีวภาพขั้นสูง และแต่ละคนมีความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพ cellulosic
ปริมาณของมันเอง ที่สอง , เชื้อเพลิงชีวภาพภายใต้แต่ละ
รอบคัดเลือกบางประเภทต้องบรรลุเกณฑ์ขั้นต่ำของวงจรชีวิตการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ( GHG )
( มีข้อยกเว้นบางอย่างใช้กับเครื่องที่มีอยู่ 3 ทั้งหมดทดแทนเชื้อเพลิงทำจากวัตถุดิบที่ต้อง
ได้แก้ไขคำนิยามของชีวมวลพลังงานทดแทน รวมถึงการใช้ที่ดินจำกัด

บาง .หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ( EPA ) เป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการสร้างและการใช้เพื่อให้แน่ใจว่า
กฎระเบียบของประเทศที่จัดหาเชื้อเพลิงการขนส่งที่มีในอาณัติเชื้อเพลิงชีวภาพ
ไดรฟ์ คุณสมบัติเบื้องต้นระเบียบบริหาร rfs1 ( ที่ออกในเดือนเมษายน 2007 ) ก่อตั้ง
รายละเอียดตามมาตรฐานผู้ผลิตเชื้อเพลิง ระบบการติดตามขึ้นอยู่กับพลังงานหมุนเวียน
หมายเลขประจำตัว ( Rins ) กับการตรวจสอบเครดิตและการค้า , การรักษาพิเศษของโรงกลั่นขนาดเล็ก
และการยกเว้นทั่วไปเสบียง กฎ EPA สำหรับการบริหาร rfs2 ( ออกในเดือนกุมภาพันธ์
2010 ) สร้างขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ rfs1 กฎระเบียบ และรวมเฉพาะเวลาประกาศ
มาตรฐานประจำปี รวมทั้งความจำเพาะมากขึ้นในการขอผ่อนผันศักยภาพและรินเห็น
กว่าในระยะยาวการ rfs มีแนวโน้มที่จะมีบทบาทเด่นในการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ .
ภาค แต่มีความไม่แน่นอนมากเกี่ยวกับศักยภาพการผลในตลาดอื่น ๆ
และนโยบาย เป้าหมาย ที่สำคัญอื่น ๆ ใหม่ข้อ จำกัด ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของการผลิตเอทานอลข้าวโพดสหรัฐ

ได้ยั่วคำถามเกี่ยวกับของระยะยาวความยั่งยืนและความเป็นไปได้ของผลที่ไม่ตั้งใจในตลาดอื่น ๆรวมทั้งบน
สภาพแวดล้อม มีคำถามเกี่ยวกับความสามารถของ สหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อตอบสนอง
ขยายอาณัติเชื้อเพลิงชีวภาพจากชีวมวลที่ไม่ใช่ข้าวโพดแหล่งเช่นวัสดุที่มีความสามารถในการผลิตเซลลูโลส
, ได้รับช้าที่จะพัฒนา หรือไบโอดีเซลจากชีวมวล ซึ่งยังคง
ราคาแพงในการผลิต เพราะราคาที่ค่อนข้างสูงของวัตถุดิบ . ในที่สุดความไม่แน่นอนมาก
ยังคงอยู่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการผลิต ( เช่น รถบรรทุก
ท่อ , ปั๊ม , ฯลฯ ) ต้องเอาไปขยายอาณัติเชื้อเพลิงชีวภาพให้กับผู้บริโภค