In 2007, altogether 448 NSIs were s

In 2007, altogether 448 NSIs were self-reported. In 2009, one year after the introduction of safety devices in all departments, a 21.9% decline of NSIs was ob- served in HCP resulting in 350 NSIs. The annual rate of NSIs in 2007 was 69.0 per 1 000 full-time HCP and dropped to an annual rate of 52.4 per 1 000 full-time HCP in 2009. Infection with HBV, HCV or HIV in nee- dlestick index patients was high in both years, with a prevalence of 6.7% in 2007 and 9.0% in 2009 for all three bloodborne viruses together. In both years, about 5% of the needlestick-injured employees had an insuffi- cient anti-HBs titer (data not shown).
Of all occupational groups, nurses (36.2%) had the highest risk to experience NSI, followed by medical doctors with 33.7% in 2007 (Table 1). The same pheno- menon was still observed in 2009, however a significant decrease in the number of NSIs was detected. No signifi- cant difference was observed for medical students after the introduction of safety devices, 72 vs. 65 in 2007 and 2009 respectively (p-value 0.300). The highest incidence of needlestick injuries in 2007 was observed among medical staff in the surgery department and internal

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 2007 ทั้งหมด 448 NSIs ได้รายงานด้วยตนเอง ใน 2009 หนึ่งปีหลังจากการแนะนำอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในทุกแผนก ปฏิเสธ 21.9% ของ NSIs เป็น ob-ในบุคลากรทางการแพทย์ใน 350 NSIs อัตราประจำปีของ NSIs ใน 2007 ถูก 69.0 ต่อเต็มรุ่น 1 000 และลดลงไปเป็น 52.4 ต่อเต็มรุ่น 1 000 อัตราประจำปี 2552 ติดเชื้อเอชไอวี หรือด้วย HCV ในผู้ป่วยที่ดัชนีณีย์ dlestick ได้สูงในปี มีความชุกของ 6.7% ใน 2007 และ 9.0% ในปี 2552 สำหรับไวรัส bloodborne สามทั้งหมดเข้าด้วยกัน ในปี ประมาณ 5% ของพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บเข็มมี titer มี anti-HBs insuffi cient (ไม่แสดงข้อมูล)กลุ่มอาชีพทั้งหมด พยาบาล (36.2%) มีความเสี่ยงสูงในการ NSI ตาม ด้วยแพทย์กับ 33.7% ใน 2007 (ตาราง 1) Pheno-พาดพิงเดียวกันยังคงถูกตรวจสอบใน 2009 แต่พบการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของ NSIs ไม่แตกต่างความไม่สามารถถูกตรวจสอบสำหรับนักศึกษาแพทย์หลังจากการนำอุปกรณ์ความปลอดภัย 72 เจอ 65 ใน 2007 และ 2009 ตามลำดับ (p-ค่า 0.300) อุบัติการณ์สูงสุดของบาดใน 2007 ถูกตรวจสอบสุขภาพพนักงาน ในแผนกศัลยกรรม และภายใน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 2007 ทั้งหมด 448 NSIS เป็นตนเองรายงาน ในปี 2009 หนึ่งปีหลังจากการเปิดตัวของอุปกรณ์ความปลอดภัยในหน่วยงานทั้งหมดที่ลดลง 21.9% ของ NSIS ก็สังเกตเสิร์ฟใน HCP ผลใน 350 NSIS อัตราประจำปีของ NSIS ในปี 2007 เป็น 69.0 ต่อ 1 000 เต็มเวลา HCP และหล่นลงไปในอัตราประจำปีของ 52.4 ต่อ 1 000 เต็มเวลา HCP ในปี 2009 การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, ไวรัสตับอักเสบซีหรือเอชไอวีในผู้ป่วยที่ดัชนี dlestick nee- อยู่ในระดับสูงใน ทั้งปีที่มีความชุกของ 6.7% ในปี 2007 และ 9.0% ในปี 2009 สำหรับทั้งสามไวรัสเลือดร่วมกัน ทั้งในปีที่ผ่านมาประมาณ 5% ของพนักงานเข็มแทงได้รับบาดเจ็บมี insuffi- ประสิทธิภาพป้องกัน HBs titer (ไม่ได้แสดงข้อมูล).
ของกลุ่มอาชีพทุกพยาบาล (36.2%) มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะได้สัมผัส NSI ตามด้วยแพทย์ กับ 33.7% ในปี 2007 (ตารางที่ 1) น้อน pheno- เดียวกันก็ยังคงตั้งข้อสังเกตในปี 2009 แต่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในจำนวนของ NSIS ถูกตรวจพบ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเป็นข้อสังเกตสำหรับนักศึกษาแพทย์หลังจากการแนะนำของอุปกรณ์ความปลอดภัย 72 กับ 65 ในปี 2007 และ 2009 ตามลำดับ (p-value 0.300) อุบัติการณ์สูงที่สุดของการบาดเจ็บเข็มในปี 2007 พบว่าในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ในแผนกผ่าตัดและภายใน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใน 2007 , ทั้งหมด 448 nsis มีที่ตนเองรายงาน . ใน 2009 , หนึ่งปีหลังจากการแนะนำของอุปกรณ์ความปลอดภัยในหน่วยงานทั้งหมด , 21.9 % ลดลงจาก nsis เป็น OB - เสิร์ฟใน HCP ( 350 nsis . ประจำปี 2550 ในอัตรา nsis 69.0 ต่อ 1 000 HCP แบบเต็มเวลาและลดลงที่อัตราประจำปีของ 52.4 ต่อ 1 000 HCP เต็มเวลาในปี 2009 มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเอชไอวี ตรวจพบ , หรือในผู้ป่วย dlestick ณีดัชนีสูงในทั้งสองปี มีความชุกของ 6.7% ในปี 2007 และ 9.0% ในปี 2552 bloodborne ทั้งหมดสามไวรัสกัน ทั้ง 2 ปี ประมาณ 5 % ของผลที่ได้รับบาดเจ็บ พนักงานมี insuffi - cient anti HBS ไตเตอร์ ( ข้อมูลไม่แสดง )กลุ่มอาชีพทุกหอผู้ป่วย ( 36.2% ) มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะมีประสบการณ์บำรุงตามด้วยแพทย์กับ 33.7 % ) ( ตารางที่ 1 ) การ pheno เดียวกัน - เมนยังพบใน 2009 , แต่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในจํานวน nsis ถูกตรวจพบ ไม่พบความแตกต่างลาดเท signifi - สำหรับนักศึกษาแพทย์ หลังจากการแนะนำของอุปกรณ์ความปลอดภัย , 72 และ 65 ในปี 2007 และ 2009 ตามลำดับและ 0.300 ) อุบัติการณ์ของการบาดเจ็บสูงสุดในปี 2007 พบว่าบุคลากรทางการแพทย์ ในแผนกศัลยกรรม และภายใน