วลาที่ผ่านไปนานกว่า 10 ปีทำให้เกิดช่องว่างทางความรู้สึกระหว่างผู้คนที่เคยรอดชีวิตหรือสูญเสียคนที่รักไปกับโศกนาฏกรรมเมื่อครั้งประวัติศาษตร์ กับสังคมปัจจุบันที่นับวันภาพของอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์จะค่อยๆหมดความหน้าเชื่อถือ ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้เริ่มมีความขัดแย้งเพราะเริ่มเห็นถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยว ตั้งแต่การจับกลุ่มปิกนิกซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต จนถึงกรณีที่นักเรียนไฮสกูลโยนเศษขยะลงไปในสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งเดิมของ the world trade center
พฤติกรรมบางอย่างของผู้มาเยือน เช่น การโพสท่าถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน บางคนยืนพิงป้ายของผู้ที่เสียชีวิต ก็ถือว่าไม่ให้เกียรติสำหรับญาติของผู้ตายที่ ซึ่งญาติของผู้ตายมองว่าพื้นที่แห่งนี้คือ “ผืนดินศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งควรจะเป็นสถานที่อันสงบเงียบเพื่อให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงผู้ที่จากไป ไม่ใช่การกระทำดังกล่างซึ่งไม่ให้เกียรติและไร้ซ฿่งความเหมาะสมกับผู้ที่เสียชีวิตเป็นอย่างมาก หากเป็นญาติของคุณเองก็คงไม่อยากให้ใครมาทำอาการดังกล่าวที่ไม่เหมาะสมเหมือนกัน หลังจากอาคาร “the world center” ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ และเปิดให้เจ้าของธุรกิจเข้าเช่าพื้นที่ Ground Zero ก็จะถูกเปิดต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน หากถึงวันนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับ the world center คงลดน้อยลง เพราะพฤติกรรมของคนยากที่จะควบคุม ลานร่มครึ้มรอบบ่อน้ำพุจะกลายเป็นเพียงสถานที่ปิกนิกสำหรับผู้นิยม dark tourism และเป็นลานอเนกประสงค์ที่พนักงานออฟฟิศหลายพันคนใช้เป็นจุดนัดพบยามพักเที่ยงเท่านั้นหรือเปล่า
“หากท่านพบเห็นผู้ใดขีดข่วน, นั่งทับ หรือทำลายป้ายสลักชื่อผู้เสียชีวิต โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ดูแลอนุสรณ์สถานทันที” คือข้อความที่ติดไว้รอบสระน้ำทั้ง 2 แห่งบริเวณ ground zeroขณะที่ตำรวจ หน่วยรักษาความปลอดภัย และไกด์อาสาสมัคร ต่างเน้นย้ำผู้มาเยือนให้ตระหนักถึงมารยาทและการให้ความเคารพต่ออนุสรณ์สถาน ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงวันที่ผู้บริสุทธิ์กว่า 2,600 ชีวิตต้องจากโลกนี้ไป พร้อมกับอวสานของตึกแฝดซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของอเมริกา