The collaborative study, led by Dr

The collaborative study, led by Dr Gabriel Yvon-Durocher from the University of Exeter, collated data from hundreds of laboratory experiments and field surveys to demonstrate that the speed at which methane fluxes increase with temperature was the same whether single species populations of methanogens, microbial communities or whole ecosystems were analyzed.

Dr Yvon-Durocher said: "This is important because biological methane fluxes are a major component of global methane emissions, but there is uncertainty about their magnitude and the factors that regulate them. This hinders our ability to predict the response of this key component of the carbon cycle to global warming. Our research provides scientists with an important clue about the mechanisms that may control the response of methane emissions from ecosystems to global warming."

Methane is an important greenhouse gas because it has 25 times the global warming effect of carbon dioxide. The production of methane in freshwater ecosystems is brought about by an ancient group of microorganisms called Archaea that exist in waterlogged sediments where there is no oxygen. They play an important role in the decomposition of biomass, but rather than producing carbon dioxide, they produce methane as a by-product of their metabolism.

The report, published in the scientific journal Nature, also showed that the temperature response of methane production is much higher than respiration (production of carbon dioxide) or photosynthesis (consumption of carbon dioxide), indicating that global warming may increase the amount of methane relative to carbon dioxide emitted globally from aquatic ecosystems, terrestrial wetlands and rice paddies.

Dr Yvon-Durocher, from the Environment and Sustainability Institute at the University of Exeter's Penryn Campus in Cornwall, added: "The discovery that methane fluxes are much more responsive to temperature than the processes that produce and consume carbon dioxide highlights another mechanism by which the global carbon cycle may serve to accelerate rather than mitigate future climate change. However more research, using our results as a platform for refining Earth system models, is required to explore the consequences of our findings for future levels of climate change.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การร่วมกันศึกษา นำโดยดร. Gabriel Yvon-Durocher จากมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ รวบรวมข้อมูลจากห้องปฏิบัติการทดลองและฟิลด์การสำรวจแสดงให้เห็นว่า ความเร็วที่มีเทนที่ fluxes เพิ่มกับอุณหภูมิมีประชากรสปีชีส์เดียวกันว่าเดียวของ methanogens วิเคราะห์จุลินทรีย์ชุมชนหรือระบบนิเวศทั้งหมดดร. Yvon Durocher กล่าวว่า: "นี้ก็เนื่องจาก fluxes ชีวภาพมีเทนเป็นส่วนประกอบหลักของการปล่อยก๊าซมีเทนทั่วโลก แต่มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับขนาดของพวกเขาและปัจจัยที่ควบคุมได้ นี้ทำสามารถทำนายการตอบสนองนี้ส่วนประกอบที่สำคัญของวัฏจักรคาร์บอนภาวะโลกร้อน วิจัยของเราช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ มีเงื่อนงำสำคัญที่เกี่ยวกับกลไกที่สามารถควบคุมการตอบสนองของการปล่อยก๊าซมีเทนจากระบบนิเวศกับภาวะโลกร้อน"มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญมี 25 ครั้งทั่วโลกร้อนผลกระทบของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การผลิตของมีเทนในระบบนิเวศน้ำจืดนำมาเกี่ยวกับการโดยกลุ่มจุลินทรีย์ที่เรียกว่าอาร์เคียที่มีอยู่ในตะกอน waterlogged โบราณมีออกซิเจนไม่ พวกเขามีบทบาทสำคัญในการเน่าของชีวมวล แต่แทนที่จะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พวกเขาผลิตมีเทนเป็นผลพลอยได้ของการThe report, published in the scientific journal Nature, also showed that the temperature response of methane production is much higher than respiration (production of carbon dioxide) or photosynthesis (consumption of carbon dioxide), indicating that global warming may increase the amount of methane relative to carbon dioxide emitted globally from aquatic ecosystems, terrestrial wetlands and rice paddies.Dr Yvon-Durocher, from the Environment and Sustainability Institute at the University of Exeter's Penryn Campus in Cornwall, added: "The discovery that methane fluxes are much more responsive to temperature than the processes that produce and consume carbon dioxide highlights another mechanism by which the global carbon cycle may serve to accelerate rather than mitigate future climate change. However more research, using our results as a platform for refining Earth system models, is required to explore the consequences of our findings for future levels of climate change.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาการทำงานร่วมกันนำโดยดรกาเบรียล Yvon-Durocher จากมหาวิทยาลัยเอ็กซีเตอร์รวบรวมข้อมูลจากหลายร้อยของการทดลองในห้องปฏิบัติการและสำรวจภาคสนามเพื่อแสดงให้เห็นว่าความเร็วที่ฟลักซ์มีเทนเพิ่มขึ้นกับอุณหภูมิได้เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นประชากรชนิดเดียวของ methanogens, จุลินทรีย์ ชุมชนหรือระบบนิเวศทั้งวิเคราะห์. ดร Yvon-Durocher กล่าวว่า. "นี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะฟลักซ์มีเทนทางชีวภาพเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการปล่อยก๊าซมีเทนทั่วโลก แต่มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสำคัญของพวกเขาและปัจจัยที่ควบคุมพวกเขานี้เป็นอุปสรรคต่อความสามารถของเราที่จะคาดการณ์ การตอบสนองขององค์ประกอบสำคัญของวัฏจักรคาร์บอนเพื่อลดภาวะโลกร้อน. การวิจัยของเรามีนักวิทยาศาสตร์ที่มีเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับกลไกที่อาจจะควบคุมการตอบสนองของการปล่อยก๊าซมีเทนจากระบบนิเวศที่จะภาวะโลกร้อน. "ก๊าซมีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญเพราะมี25 ครั้งผลกระทบภาวะโลกร้อนของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การผลิตก๊าซมีเทนในระบบนิเวศน้ำจืดที่จะนำเกี่ยวกับกลุ่มโบราณของจุลินทรีย์ที่เรียกว่าเคีที่มีอยู่ในตะกอนเปียกชุ่มที่ไม่มีออกซิเจน พวกเขามีบทบาทสำคัญในการสลายตัวของชีวมวล แต่แทนที่จะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่พวกเขาผลิตก๊าซมีเทนเป็นผลพลอยได้จากการเผาผลาญอาหารของพวกเขา. รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ธรรมชาตินอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าการตอบสนองต่ออุณหภูมิของการผลิตก๊าซมีเทนเป็น สูงกว่าการหายใจ (การผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) หรือสังเคราะห์ (การบริโภคของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) แสดงให้เห็นว่าภาวะโลกร้อนอาจเพิ่มปริมาณของญาติก๊าซมีเทนคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาทั่วโลกจากระบบนิเวศทางน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำบนพื้นดินและนาข้าว. ดร Yvon-Durocher, จากสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนสถาบันที่มหาวิทยาลัยเอ็กซีเตอร์ของ Penryn วิทยาเขตในคอร์นวอลล์เสริมว่า "การค้นพบว่าฟลักซ์มีเทนมีมากขึ้นเพื่อตอบสนองอุณหภูมิกว่ากระบวนการที่ผลิตและใช้ไฮไลท์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลไกอื่นโดยที่วัฏจักรคาร์บอนทั่วโลกอาจจะทำหน้าที่ เพื่อเร่งมากกว่าลดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอนาคต. อย่างไรก็ตามการวิจัยมากขึ้นโดยใช้ผลของเราเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการกลั่นแบบจำลองระบบโลกเป็นสิ่งจำเป็นในการสำรวจผลกระทบของการค้นพบของเราสำหรับระดับอนาคตของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ร่วมกันศึกษา นำโดย ดร. กาเบรียล Yvon durocher จากมหาวิทยาลัย Exeter , เรียงข้อมูลจากหลายร้อยของการทดลองในห้องปฏิบัติการและเขตข้อมูลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าความเร็วที่ก๊าซมีเทนฟลักซ์เพิ่มขึ้นกับอุณหภูมิเดียวกันไม่ว่าชนิดเดียวกลุ่มสร้างมีเทนโดยจุลินทรีย์หรือทั้งระบบนิเวศวิเคราะห์

ดร durocher Yvon กล่าวว่า :" นี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะปลดปล่อยก๊าซมีเทนชีวภาพเป็นส่วนประกอบหลักของการปล่อยก๊าซมีเทนทั่วโลก แต่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับขนาดของพวกเขาและปัจจัยที่ควบคุมพวกเขา นี้เป็นอุปสรรคต่อความสามารถของเราที่จะทำนายการตอบสนองขององค์ประกอบนี้สำคัญของวัฏจักรของคาร์บอนกับภาวะโลกร้อนงานวิจัยของเรามีนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญเบาะแสเกี่ยวกับกลไกที่อาจจะควบคุมการตอบสนองของการปล่อยก๊าซมีเทนจากระบบนิเวศภาวะโลกร้อน . "

ก๊าซมีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญเพราะมันมี 25 ครั้งภาวะโลกร้อนผลของคาร์บอนไดออกไซด์การผลิตก๊าซมีเทนในระบบนิเวศน้ําจืด คือ นำโดยกลุ่มโบราณของจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในดินน้ำขังที่เรียกว่าอาร์เคียที่ไม่มีออกซิเจน พวกเขามีบทบาทสำคัญในการย่อยสลาย ชีวมวล แต่แทนที่จะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พวกเขาผลิตก๊าซมีเทนเป็นผลพลอยได้จากการเผาผลาญอาหารของพวกเขา .

รายงานตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ นอกจากนี้ยังพบว่าอุณหภูมิในการตอบสนองของการผลิตก๊าซมีเทนสูงกว่าอัตราการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ) หรือการสังเคราะห์แสง ( ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ระบุว่า ภาวะโลกร้อนอาจเพิ่มปริมาณก๊าซมีเทนเมื่อเทียบกับคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทั่วโลกจากระบบนิเวศบกและสัตว์น้ำชายเลน , นาข้าว .

ดร Yvon durocher จากสถาบันสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่มหาวิทยาลัยเอ็กซีเตอร์ของ Falmouth วิทยาเขตคอร์นวอลล์ , เพิ่ม : " การค้นพบว่ามีมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่ออุณหภูมิกว่ากระบวนการที่ผลิตและบริโภคคาร์บอนไดออกไซด์ไฮไลท์กลไกอื่นซึ่งวงจรคาร์บอนทั่วโลกอาจใช้เพื่อเร่งมากกว่าบรรเทาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอนาคตอย่างไรก็ตามการวิจัยการใช้ผลของเราเป็นแพลตฟอร์มสำหรับรุ่นของระบบโลก เนื่องจากจะต้องสำรวจผลกระทบของการค้นพบของเราในระดับต่อไปของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ