Fruit residues may cause serious en

Fruit residues may cause serious environmental problems, since it accumulates in agro-industrial yards without having any significant and commercial value. Since disposal of these wastes is expensive due to high costs of transportation and a limited availability of landfills they are unscrupulously disposed causing concern as environmental problems. Furthermore, the problem of disposing by-products is further aggravated by legal restrictions. A high level of BOD and COD in pineapple wastes add to further difficulties in disposal. Researcher have focused on co-digestion of pineapple waste along with several other fruit and vegetable wastes, manure, and slaughter house wastes to reduce volatile solids by 50 to 65% (Alvarez and Liden, 2007). Recently, composting of pineapple wastes using earthworm is reported (Mainoo et al., 2009). They have reported that vermicomposting rapidly decomposed about 99% of pineapple pulp wet mass while peel had a loss in weight by almost 87%. The pH of the waste changed from acidic to a neutral to alkaline during composting. However, cost effectiveness is yet to be studied.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลไม้ตกค้างอาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่มันสะสมหลาอุตสาหกรรม โดยไม่มีค่าในเชิงพาณิชย์ และที่สำคัญ เนื่องจากการกำจัดของเสียเหล่านี้มีราคาแพงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขนส่งและจำกัดของหลุมฝังกลบ พวกเขา unscrupulously จะทิ้งก่อให้เกิดความกังวลเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ปัญหาจากการทิ้งผลิตภัณฑ์พลอยได้เพิ่มเติม aggravated โดยข้อจำกัดทางกฎหมาย BOD และ COD ในสับปะรดเสียระดับสูงเพิ่มเพื่อเพิ่มความยากลำบากในการกำจัด นักวิจัยได้มุ่งเน้นในการย่อยอาหารร่วมของสับปะรดเสียหลายอื่น ๆ ผลไม้ และกากผัก ปุ๋ย และฆ่าเสียบ้านเพื่อลดการระเหยของแข็ง 50 ถึง 65% (Alvarez และ Liden, 2007) เมื่อเร็ว ๆ นี้ การใช้ไส้เดือนกากสับปะรดหมักเป็นรายงาน (Mainoo et al. 2009) พวกเขาได้รายงาน vermicomposting ที่ย่อยสลายอย่างรวดเร็วประมาณ 99% ของสับปะรดเยื่อเปียกมวลขณะที่เปลือกมีการสูญเสียน้ำหนักเกือบ 87% ค่า pH ของเสียเปลี่ยนจากกรดเป็นกลางถึงด่างระหว่างการหมัก อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายเป็นยังการศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตกค้างผลไม้อาจทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงเพราะมันสะสมอยู่ในหลาอุตสาหกรรมเกษตรโดยไม่ต้องมีค่าอย่างมีนัยสำคัญและการค้าใด ๆ ตั้งแต่การกำจัดของเสียเหล่านี้มีราคาแพงเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงในการขนส่งและมีจำนวน จำกัด ของหลุมฝังกลบที่พวกเขาจะทิ้งสามหาวทำให้เกิดความกังวลเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ปัญหาของการกำจัดโดยผลิตภัณฑ์ที่มีการกำเริบต่อไปโดยข้อ จำกัด ทางกฎหมาย ระดับสูงของบีโอดีและซีโอดีในเปลือกสับปะรดเพิ่มความยากลำบากในการกำจัดต่อไป นักวิจัยได้มุ่งเน้นไปร่วมการย่อยอาหารของเสียสับปะรดพร้อมกับผักและผลไม้อื่น ๆ อีกหลายเสียปุ๋ยและของเสียโรงฆ่าสัตว์เพื่อลดการระเหยของแข็งโดย 50-65% (Alvarez และ Liden 2007) เมื่อเร็ว ๆ นี้การทำปุ๋ยหมักจากเปลือกสับปะรดโดยใช้ไส้เดือนดินมีรายงาน (Mainoo et al., 2009) พวกเขาได้รายงานว่าไส้เดือนดินย่อยสลายอย่างรวดเร็วประมาณ 99% ของเยื่อกระดาษสับปะรดมวลเปียกในขณะที่เปลือกมีการสูญเสียน้ำหนักโดยเกือบ 87% ค่าความเป็นกรดของเสียเปลี่ยนจากกรดเป็นกลางด่างในระหว่างการทำปุ๋ยหมัก แต่ลดค่าใช้จ่ายก็ยังไม่ได้รับการศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กากผลไม้ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง เพราะมันสะสมในหลา อุตสาหกรรมเกษตร โดยไม่มีความสําคัญและเชิงมูลค่า เนื่องจากการกําจัดของเสียเหล่านี้มีราคาแพงเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงและความพร้อมของการขนส่ง จำกัด ของหลุมฝังกลบพวกเขานาโปลีก็ทำให้กังวลเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ปัญหาของการทิ้งผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม aggravated โดยข้อจำกัดทางกฎหมาย ระดับสูงของบีโอดีและซีโอดีในกากสับปะรดเพิ่มเพิ่มเติมปัญหาในการจัดการ นักวิจัยได้มุ่งเน้น CO การย่อยของเสียสับปะรดและผลไม้อื่น ๆหลายครั้ง พร้อมกับผัก ปุ๋ยคอก และโรงฆ่าสัตว์ของเสียเพื่อลดปริมาณของแข็งระเหยโดย 50 ถึง 65 % ( อัลวาเรซ Liden , 2007 ) เมื่อเร็ว ๆนี้ , การทำปุ๋ยหมักของสับปะรดของเสียโดยใช้ไส้เดือนมีรายงาน ( mainoo et al . , 2009 ) มีรายงานว่า vermicomposting อย่างรวดเร็วย่อยสลายประมาณ 99% ของสับปะรด กระดาษเปียกมวลในขณะที่เปลือกมีการสูญเสียน้ำหนักโดยเกือบร้อยละ 87 pH ของขยะเปลี่ยนเป็นกรดด่างที่เป็นกลางในการทำปุ๋ยหมัก . อย่างไรก็ตาม ต้นทุนประสิทธิผล คือยังต้องศึกษา