To become an effective communicator

To become an effective communicator, you need to learn to listen just as much as you need to learn to speak. Unfortunately, most people focus more on the speaking than they do on the listening. Whether in a one-on-one conversation or a group meeting or classroom, focusing on what others are saying allows you to present yourself more effectively. When you listen correctly, you also learn more.

Look around the room during a lecture, presentation, or lunchroom.The tell-tale signs of people not listening are everywhere. Some individuals put on a blank stare that can only be described as their "screen-saver face" (in the words of one of my colleagues). You know what that screen-saver face looks like: it's that blank stare in which the eyes are dull and looking blankly into nowhere and the face has absolutely no expression on it at all.You'll also notice people in a group or audience who don't look at the speaker at all. In fact, they look everywhere else.They fiddle with their pencil or longingly gaze at their cellphone or even try to sneak a peek at its screen. If there's a window in the room they stare at the sky, even if the view is just that of the neighboring office building. A great speaker may captivate even the most recalcitrant audience member. The average speaker, colleague, friend, or family member may have a hard time grabbing the gaze of the assembled listeners who don't know how to practice basic listening skills.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมื่อต้องการเรียนรู้ที่จะฟังเพียงเท่าที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาเป็น communicator ที่มีประสิทธิภาพ อับ คนส่วนใหญ่มุ่งเน้นมากขึ้นพูดมากกว่าที่พวกเขาทำการฟัง ในการสนทนาแพ็คเกจ หรือการประชุมกลุ่ม หรือห้องเรียน เน้นสิ่งที่คนอื่นพูดได้นำเสนอตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณฟังได้อย่างถูกต้อง คุณยังเรียนรู้เพิ่มเติมมองรอบ ๆ ห้องพักระหว่างการบรรยายแบบ นำเสนอ หรือ lunchroom สัญญาณบอกเรื่องราวของคนที่ฟังไม่ได้เลย บางคนใส่บนจ้องเปล่าที่สามารถเท่านั้นสามารถอธิบายเป็นการ "โปรแกรมรักษาหน้าจอหน้า" (ในคำพูดของเพื่อนร่วมงานอย่างใดอย่างหนึ่ง) คุณทราบที่หน้าจอลักษณะ: ก็จ้องที่ว่างเปล่าซึ่งตาจะหมองคล้ำ และดู blankly ไหนและหน้ามีอย่างนิพจน์ไม่อยู่เลย นอกจากนี้คุณยังจะเห็นคนในกลุ่มหรือผู้ชมที่ไม่มองที่ลำโพงเลย ในความเป็นจริง พวกเขามองทุกที่อื่น พวกเขาดินสอของสัญชาตญาณ หรือ longingly มองที่มือถือของพวกเขา หรือพยายามที่จะแอบมองที่หน้าจอของ ถ้ามีหน้าต่างในห้องที่พวกเขามองดูท้องฟ้า แม้ว่ามุมมองที่อาคารสำนักงานใกล้เคียงกัน ลำโพงดีอาจ captivate แม้สมาชิกที่ผู้ชมมากที่สุด recalcitrant ลำโพงเฉลี่ย เพื่อนร่วมงาน เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัวอาจมีเวลายากโลภสายตาการฟังประกอบที่ไม่รู้วิธีการฝึกทักษะการฟังพื้นฐาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่จะกลายเป็นนักสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่คุณต้องเรียนรู้ที่จะฟังเพียงเท่าที่คุณต้องเรียนรู้ที่จะพูด แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่การพูดกว่าที่พวกเขาทำในการฟัง ไม่ว่าจะเป็นในหนึ่งในการสนทนาหรือการประชุมกลุ่มหรือห้องเรียนมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คนอื่นจะบอกว่าช่วยให้คุณสามารถนำเสนอตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณฟังอย่างถูกต้องคุณยังได้เรียนรู้มากขึ้น. มองไปรอบ ๆ ห้องพักในระหว่างการบรรยายนำเสนอหรือ lunchroom.The บอกเรื่องอาการของคนที่ไม่ได้ฟังมีทุก บุคคลบางคนใส่ในการจ้องว่างที่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นของพวกเขา "หน้าจอประหยัด" (ในคำพูดของเพื่อนคนหนึ่งของฉัน) คุณรู้ว่าสิ่งที่ใบหน้าของโปรแกรมรักษาหน้าจอดูเหมือนว่า: มันเป็นเรื่องที่จ้องว่างที่ตาจะน่าเบื่อและมอง blankly ลงไปที่ไหนเลยและใบหน้ามีการแสดงออกอย่างไม่เกี่ยวกับมันที่ all.You'll ยังสังเกตเห็นคนในกลุ่มหรือผู้ชมที่ ไม่ได้ดูที่ลำโพงที่ทั้งหมด ในความเป็นจริงพวกเขามองทุกซอ else.They ด้วยดินสอหรือ longingly จ้องมองที่โทรศัพท์มือถือของพวกเขาหรือแม้กระทั่งพยายามที่จะแอบมองที่หน้าจอของมัน หากมีหน้าต่างในห้องที่พวกเขาจ้องมองที่ท้องฟ้าแม้ว่ามุมมองเป็นเพียงที่ของอาคารสำนักงานที่อยู่ใกล้เคียง ลำโพงที่ดีอาจจับใจแม้สมาชิกผู้ชมมากที่สุดบิดพลิ้ว ลำโพงเฉลี่ยเพื่อนร่วมงานเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวอาจจะมีช่วงเวลาที่ยากโลภสายตาของผู้ฟังประกอบที่ไม่ทราบวิธีการฝึกทักษะการฟังขั้นพื้นฐาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นนักสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ คุณต้องเรียนรู้ที่จะฟังเพียงเท่าที่คุณต้องการเรียนรู้ที่จะพูด แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่มุ่งเน้นในการพูดมากกว่าที่พวกเขาทำในการฟัง ไม่ว่าจะเป็นในการสนทนาแบบตัวต่อตัว หรือ กลุ่ม ห้องประชุมหรือห้องเรียน เน้นในสิ่งที่ผู้อื่นพูดให้คุณนำเสนอตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณฟังไม่ผิด คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติม

มองไปรอบ ๆห้องในการบรรยาย นำเสนอ หรือโรงอาหาร ที่บอกเรื่องอาการของคนไม่ได้ฟังเต็มไปหมด บางคนใส่จ้องว่างที่สามารถอธิบายเป็นหน้าจอของพวกเขา " รักษา " ( ในคำพูดของหนึ่งในเพื่อนของฉัน ) คุณรู้อะไรที่โปรแกรมรักษาหน้าจอหน้าดูเหมือน :มันจ้องว่างที่ตา คือ ทึบ และมองอย่างว่างเปล่า ในที่ไหน และใบหน้าไม่มีการแสดงออกของมันทั้งหมด นอกจากนี้คุณยังจะสังเกตเห็นผู้คนในกลุ่ม หรือผู้ชมที่ไม่ต้องมองลำโพงทั้งหมด ในความเป็นจริง , พวกเขาดูทุกที่แล้ว พวกเขาเล่นด้วยดินสอ หรือทุกอย่างมองโทรศัพท์มือถือของตน หรือแม้แต่พยายามแอบดูหน้าจอของถ้ามีหน้าต่างในห้องพัก พวกเขาจ้องมองไปที่ท้องฟ้า ถ้าดูแค่ที่ใกล้เคียงอาคารสํานักงาน เป็นลำโพงที่ดีอาจทำให้แม้แต่หัวดื้อมากที่สุดผู้ชมสมาชิก มีลําโพง เพื่อนร่วมงาน เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัวอาจจะต้องลำบากจับสายตาของประกอบผู้ฟังที่ไม่รู้ว่าจะฝึกทักษะการฟังเบื้องต้น