These included both heavy governmen

These included both heavy government spending to stimulate growth and recovery under the "New Deal" and favoring big business and cutting taxes on the wealthy under the economic theory of "Trickle-Down" (sometimes called " Reganomics " after President Ronald Regan who most famously implemented these policies).
Between 1946 and 1973, the U.S. economy grew by an average of 3.8 percent, while real median household income surged 74 percent (i.e., 2.1 percent per year). However, since 1973, the US economy has slowed in growth to an average of just 2.7 percent per year.
While the US economy has experienced sustained merchandise trade deficits since 1976, it has had a long-standing surplus in services trade.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เหล่านี้รวมทั้งรัฐบาลหนักใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและการกู้คืนภายใต้ "ข้อตกลงใหม่" และนิยมธุรกิจขนาดใหญ่และตัดภาษีในร่ำรวยภายใต้ทฤษฎีเศรษฐกิจของ "หยดลง" (บางครั้งเรียกว่า "Reganomics" หลังจากที่ประธานาธิบดี Ronald Regan ที่ชื่อเสียงที่สุดในการดำเนินนโยบายเหล่านี้)ระหว่างปี 1946 และ 1973 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว โดยเฉลี่ยร้อยละ 3.8 ในขณะที่รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยจริงเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 (เช่น ร้อยละ 2.1 ต่อปี) อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ 1973 เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการชะลอตัวในการเติบโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 2.7 ต่อปีในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีประสบการณ์ขาดดุลการค้าของสินค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1976 มันได้มีการเกินดุลมายาวนานในการค้าบริการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เหล่านี้รวมทั้งการใช้จ่ายของรัฐบาลหนักเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและการกู้คืนภายใต้ "ข้อเสนอใหม่" และนิยมธุรกิจขนาดใหญ่และตัดภาษีรวยภายใต้ทฤษฎีทางเศรษฐกิจของ "หยดลง" (บางครั้งเรียกว่า "Reganomics" หลังจากที่ประธานาธิบดีโรนัลด์เรแกนที่มีชื่อเสียงมากที่สุด การดำเนินนโยบายเหล่านี้).
ระหว่างปี 1946 และปี 1973 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.8 ในขณะที่รายได้ของครัวเรือนเฉลี่ยที่แท้จริงเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 (กล่าวคือร้อยละ 2.1 ต่อปี) อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 1973 เศรษฐกิจสหรัฐมีการชะลอตัวในการเจริญเติบโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 2.7 ต่อปี.
ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีประสบการณ์การขาดดุลการค้าสินค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1976 ก็มีการเกินดุลที่ยาวนานในการค้าบริการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เหล่านี้รวมถึงการใช้จ่ายทั้งหนักของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและการกู้คืนภายใต้ " ข้อตกลงใหม่ " และสนับสนุนธุรกิจใหญ่และตัดภาษีคนรวยภายใต้ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ " หยดลง " ( บางครั้งเรียกว่า " reganomics ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน " หลังจากที่ชื่อเสียงมากที่สุด ใช้นโยบายเหล่านี้ )ระหว่าง 1946 และ 1973 , เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวโดยเฉลี่ย 3.8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยที่แท้จริงเพิ่มขึ้น 74 เปอร์เซ็นต์ ( เช่น ร้อยละ 2.1 ต่อปี ) อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 1973 เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการชะลอตัวในการเติบโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 2.7 ต่อปีในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีประสบการณ์สินค้ากลุ่มสินค้าขาดดุลตั้งแต่ปี 1976 มีการเกินดุลที่ยาวนานในการค้าบริการ