Folkloreอิ่นก๋อน หมายถึง การเล่นลูกช่วง หรือการโยนลูกช่วง เป็นการละเล่ การแปล - Folkloreอิ่นก๋อน หมายถึง การเล่นลูกช่วง หรือการโยนลูกช่วง เป็นการละเล่ ไทย วิธีการพูด

Folkloreอิ่นก๋อน หมายถึง การเล่นลูก

Folklore
อิ่นก๋อน หมายถึง การเล่นลูกช่วง หรือการโยนลูกช่วง เป็นการละเล่นที่ประกอบ ด้วยการต๊อดมะก๋อน การขับร้อง การฟ้อนรำและดนตรี เริ่มตั้งแต่เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำ หรือประมาณต้นเดือนเมษายน เป็นต้นไป เมื่อเข้าสู่เดือน 6 ขึ้น 1 ค่ำ มีการเลี้ยงศาลประจำหมู่บ้าน การละเล่นอิ่นก๋อนก็ต้องยุติลง วิธีการเล่น แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ - อิ่นก๋อนเตียว หรืออิ่นก๋อนกลับ ชายหนุ่มผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนต่างแยกย้ายกันกลับหมู่บ้านของตนเองเมื่อเสร็จสิ้นการละเล่นในแต่ละครั้ง - อิ่นก๋อนค้าง ชายหนุ่มผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนยังไม่กลับหมู่บ้านของตนเองเมื่อเสร็จสิ้นการละเล่นลงในแต่ละครั้ง แต่เดินทางต่อไปเพื่อขอแสวงหาขวงที่ยินยอมให้กลุ่มตนได้อิ่นก๋อนด้วย สถานที่ในการละเล่นอิ่นก๋อน คือ ขวง หรือ ข่วง หมายถึง สถานที่นัดหมายในการอิ่นก๋อน ฝ่ายหญิงเป็นผู้กำหนดและจัดเตรียมขึ้น ส่วนใหญ่เป็นลานบ้านของบ้านใดบ้านหนึ่ง มักจะทำแคร่ด้วยไม้ไผ่เป็นที่นั่งสำหรับผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อน และแต่ละขวงต้องจัดเตรียมกองไฟไว้กลางสำหรับให้แสงสว่าง หมู่บ้านใดที่มีลูกคอนผูกติดเสาไม้สูงๆ แสดงว่าบ้านนั้นเป็นขวงของหมู่บ้าน ชายหนุ่มจึงเป่าแคนและปรบมือเดินเข้าไปในลานขวง สาวน้อยใหญ่ในขวงก็ออกมาพูดคุย ระหว่างเป่าแคนปรบมือ เล่นกันอยู่ ชายหนุ่ม เริ่มกล่าวคำร้องทักทาย ชักชวนให้สาวๆ สนใจ ลงมาเล่นด้วย มีหมอขับ หรือหมอลำ สามารถตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามได้ทันท่วงที ทำหน้าที่ร้องลำนำ โดยไม่มีดนตรีประกอบ เรียกว่าขับสายแปง แล้วถามความสมัครใจของฝ่ายหญิงว่าจะอิ่นก๋อนกับพี่น้องขวงนี้จะได้หรือไม่ ฝ่ายสาวจะปรึกษากันว่ารับเล่นหรือไม่ ถ้าขวงนั้นมีหนุ่มจากกลุ่มอื่นเข้ามาเป่าแคน ปรบมือขออิ่นก๋อนไว้ก่อนแล้ว กลุ่มหนุ่มที่เข้าไปทีหลังก็หมดโอกาส และต้องเดินทางไปขวงอื่น ในกรณีที่รับ ชายหนุ่มก็เริ่มเป่าแคนต่อไปอีก 3-4 เพลง ก็หยุดแล้วล้างหน้าทาแป้งแต่งตัวลงต๊อดมะก๋อน (โยนลูกช่วง) ต่อไป การเล่นต๊อดมะก๋อนมีผู้ร่วมเล่นฝ่ายละประมาณ 5-6 คนเท่าๆ กัน โดยการยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่กลางขวง เรียงตามลำดับสูงต่ำ หรือบางครั้งเรียงตามลำดับอาวุโสห่างกันประมาณ 3-5 วา แล้วลงมือโยนลูกช่วง ฝ่ายชายพูดชักชวนฝ่ายหญิงว่า "ฮับมะกอนเน้อปีน้อง" จากนั้นก็จับสายมะก๋อน แกว่ง 3-4 รอบจึงโยนตรงให้หญิงสาว เมื่อฝ่ายสาวรับลูกมะก๋อนแล้วจึงโยนลูกช่วงกลับบ้าง ฝ่ายหนุ่มจะกล่าวคำท้าว่า "ถ้าฮับได้สู่จีให้ฮังฮาแจ๋เร้ย ปีน้องเอ้ย ถ้าฮับได้ฮาจีส่อเยาะไม้เน็บหูส้างหนึ่งเร้ย" หรือ "ส่อผ้าเปียวสู่เร้ย" ถ้าฝ่ายสาวรับได้สิ่งของที่ฝ่ายหญิงสาวต้องการจากชายหนุ่มอาจเป็น นาฬิกาข้อมือ หรือผ้าขาวม้า เมื่อยุติการเล่นลงแล้วก็คืนให้กัน ระยะเวลาที่ใช้ในการทอดลูกช่วงประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วหยุดพัก ขณะหยุดพัก และก่อนเวลาอาหาร หมอขับหนุ่มเริ่มทำหน้าที่ขับลำนำเป็นบทชมเชย ยกย่องหมู่บ้านที่กลุ่มตนมาเยือน 1 บท แล้ว หมอขับสาวทำหน้าที่เป็นตัวแทนฝ่ายหญิงทำหน้าที่ขับร้องลำนำตอบ ซึ่งบทขับนี้ไม่มีเสียงดนตรีประกอบใดๆ เป็นการถามถึงที่อยู่ของฝ่ายหนุ่มๆ และเรื่องทั่วๆ ไป เกี่ยวกับหมู่บ้าน ต่างฝ่ายต่างขับลำนำแก้กันคนละบทสองบทแล้วจึงชวนกันหยุดพักเพื่อกินข้าวงาย อาหารที่นำมาเลี้ยงเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิง หรือบางครั้งอาจต้องกลับไปเอาที่บ้าน หนุ่มๆ ที่หมายตาสาวก็ติดตามสาวไปที่บ้าน เพื่อทำความรู้จักพ่อแม่ของฝ่ายหญิง และอาจช่วยอาสาตัดฟืน ตำข้าว ทำงานเพื่อแสดงให้เห็นความแข็งแรงของตน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วต่างฝ่ายต่างแยกกันไปพักผ่อน เวลาประมาณ 4 โมงเย็น เล่นโยนลูกช่วงอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่โยนลูกช่วงมีการขับเพลง เรียกว่าขับสายแปง ในเชิงเกี้ยวพาราสีกัน ด้วยภาษาที่แสดงความรัก การเจียมเนื้อเจียมตัว เวลาหยุดพักชักชวนกันไปช่วยงานบ้านด้วยการฝ่าฟืน ตักน้ำ ตำข้าว หาบน้ำใช้ เพื่อความสนิทสนมอีกครั้ง ถึงเวลาค่ำ หมอแคนเริ่มเป่าแคนเป็นการชักชวนสาวๆ ให้เข้าร่วมฟ้อนรำ ในระหว่างนั้นผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างชักชวนลูกหลานที่ยังอยู่ในวัยเด็กไปดูการฟ้อนรำด้วย ในการฟ้อนรำมีเสียงเพลงที่ร่วมกันขับร้องประกอบเพลงแคนเรียกว่า "เซิ่งกอน" ตอบโต้กันในลีลาต่างๆ หากฝ่ายใดร้องไม่ทัน ตอบโต้ไม่ได้ ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ ต้องเริ่มต้นร้องกันใหม่ ถึงเวลา 5 - 6 ทุ่มก็หยุดพัก กินแลง เมื่ออิ่มแล้ว หนุ่มหมอขับเริ่มขับสายแปงอีกครั้งเพื่อเป็นการอวยพร ขออภัยผู้สูงอายุของขวงนั้น เมื่อล่วงเข้าสู่เที่ยงคืน ถึงขั้นตอนการวานสาว คือ การจองสาวเพื่อคุยด้วย และ โอ้สาว คือ การที่ชายหนุ่มพูดคุยกับหญิงสาวที่ตนสนใจ โดยให้กลุ่มหญิงสาวมานั่งเรียงแถวกันเรียงตามอายุน้อยไปหามาก ใช้ผ้าสไบหรือผ้าเปียวคลุมหน้า ชายหนุ่มต้องอาศัยการจดจำรูปร่างลักษณะของหญิงสาวที่ตนสนใจในขณะร่วมอิ่นก๋อนเพื่อบอกแก่หัวหน้าขวงได้ถูกต้องว่าตนเองจะวานสาวคนใด ฝ่ายหญิงสาวก็พยายามปิดบังตัวเองเพื่อทดสอบความจำของชายหนุ่ม ในขณะนั้นกองไฟที่ให้แสงสว่างจะเริ่มถูกพรางให้มืดลงเพื่อไม่ให้แต่ละฝ่ายจำหน้ากันได้ เมื่อทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้วหัวหน้าข่วงเป็นผู้ดำเนินการด้วยการตั้งคำถามว่า ใครจะวานแม่ที่ 1 ฝ่ายชายจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าหญิงสาวที่ตนหมายปอง สาวคนแรกจะลุกขึ้นเดินนำหนุ่มคนนั้นไป เพื่อหาสถานที่คุยกันตามลำพัง หัวหน้าขวงดำเนินการต่อไปจนครบจำนวนหญิงสาว การพูดคุยนั้นถ้าถูกใจก็จะสานสัมพันธ์ต่อไป ถ้าไม่ถูกใจฝ่ายหญิงก็ขอตัวกลับบ้าน การอยู่ในที่ลับตานั้นไม่มีการประพฤติที่เสียหาย หรือล่วงเกินกัน ผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อน ต้องเป็นหนุ่มสาวที่อายุประมาณ 15 - 16 ปีขึ้นไป ผู้ชายลาวโซ่งนิยมสวมกางเกงส้วงฮีและสวมเสื้อไท ในระหว่างการเดินทางไปอิ่นก๋อนตามหมู่บ้านต่างๆ ใช้ผ้าขาวม้า หรือหลวม กระเป๋าเล็กๆ สำหรับใส่หมาก พลู บุหรี่ และของใช้อื่นๆ คาดเอว หนุ่มๆ ต่างเตรียมเสื้อฮี ติดตัวไปด้วย ผู้หญิงที่ร่วมอิ่นก๋อนต่างนุ่งผ้าซิ่นลายแตงไทย สวมเสื้อก้อม หรือสวมเสื้อกระโปรง ห่มทับด้วยผ้าสไบสีต่างๆ หรือผ้าเปียว มาพันรอบอก ใส่เครื่องประดับอย่างสวยงาม เมื่อถึงเวลาโยนลูกช่วงต่างเปลี่ยน เป็นสวมเสื้อฮีกันทุกคน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ชาวบ้าน
อิ่นก๋อนหมายถึงการเล่นลูกช่วงหรือการโยนลูกช่วงเป็นการละเล่นที่ประกอบด้วยการต๊อดมะก๋อนการขับร้องการฟ้อนรำและดนตรีเริ่มตั้งแต่เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำหรือประมาณต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไปเมื่อเข้าสู่ 6 เดือน1 ค่ำมีการเลี้ยงศาลประจำหมู่บ้านการละเล่นอิ่นก๋อนก็ต้องยุติลงวิธีการเล่นแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ - อิ่นก๋อนเตียวหรืออิ่นก๋อนกลับ- อิ่นก๋อนค้าง ชายหนุ่มผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนยังไม่กลับหมู่บ้านของตนเองเมื่อเสร็จสิ้นการละเล่นลงในแต่ละครั้ง แต่เดินทางต่อไปเพื่อขอแสวงหาขวงที่ยินยอมให้กลุ่มตนได้อิ่นก๋อนด้วย สถานที่ในการละเล่นอิ่นก๋อนคือหรือข่วงหมายถึงสถานที่นัดหมายในการอิ่นก๋อน ฝ่ายหญิงเป็นผู้กำหนดและจัดเตรียมขึ้น ส่วนใหญ่เป็นลานบ้านของบ้านใดบ้านหนึ่ง มักจะทำแคร่ด้วยไม้ไผ่เป็นที่นั่งสำหรับผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนหมู่บ้านใดที่มีลูกคอนผูกติดเสาไม้สูงๆ แสดงว่าบ้านนั้นเป็นขวงของหมู่บ้าน ชายหนุ่มจึงเป่าแคนและปรบมือเดินเข้าไปในลานขวง สาวน้อยใหญ่ในขวงก็ออกมาพูดคุยระหว่างเป่าแคนปรบมือเล่นกันอยู่ชายหนุ่มชักชวนให้สาว ๆ สนใจลงมาเล่นด้วยมีหมอขับหรือหมอลำ สามารถตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามได้ทันท่วงที ทำหน้าที่ร้องลำนำโดยไม่มีดนตรีประกอบเรียกว่าขับสายแปงฝ่ายสาวจะปรึกษากันว่ารับเล่นหรือไม่ ถ้าขวงนั้นมีหนุ่มจากกลุ่มอื่นเข้ามาเป่าแคน ปรบมือขออิ่นก๋อนไว้ก่อนแล้ว กลุ่มหนุ่มที่เข้าไปทีหลังก็หมดโอกาส และต้องเดินทางไปขวงอื่นในกรณีที่รับ3-4 เพลง ก็หยุดแล้วล้างหน้าทาแป้งแต่งตัวลงต๊อดมะก๋อน (โยนลูกช่วง) ต่อไป การเล่นต๊อดมะก๋อนมีผู้ร่วมเล่นฝ่ายละประมาณ 5-6 คนเท่า ๆ กัน โดยการยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่กลางขวง เรียงตามลำดับสูงต่ำ3-5 วาแล้วลงมือโยนลูกช่วงฝ่ายชายพูดชักชวนฝ่ายหญิงว่า "ฮับมะกอนเน้อปีน้อง" จากนั้นก็จับสายมะก๋อนแกว่ง 3-4 รอบจึงโยนตรงให้หญิงสาว เมื่อฝ่ายสาวรับลูกมะก๋อนแล้วจึงโยนลูกช่วงกลับบ้าง ฝ่ายหนุ่มจะกล่าวคำท้าว่าปีน้องเอ้ย ถ้าฮับได้ฮาจีส่อเยาะไม้เน็บหูส้างหนึ่งเร้ย" หรือ "ส่อผ้าเปียวสู่เร้ย" ถ้าฝ่ายสาวรับได้สิ่งของที่ฝ่ายหญิงสาวต้องการจากชายหนุ่มอาจเป็น นาฬิกาข้อมือหรือผ้าขาวม้าเมื่อยุติการเล่นลงแล้วก็คืนให้กัน2 ชั่วโมงแล้วหยุดพักขณะหยุดพักและก่อนเวลาอาหาร หมอขับหนุ่มเริ่มทำหน้าที่ขับลำนำเป็นบทชมเชย ยกย่องหมู่บ้านที่กลุ่มตนมาเยือน 1 บทแล้ว หมอขับสาวทำหน้าที่เป็นตัวแทนฝ่ายหญิงทำหน้าที่ขับร้องลำนำตอบเป็นการถามถึงที่อยู่ของฝ่ายหนุ่ม ๆ และเรื่องทั่วๆไป​​เกี่ยวกับหมู่บ้าน ต่างฝ่ายต่างขับลำนำแก้กันคนละบทสองบทแล้วจึงชวนกันหยุดพักเพื่อกินข้าวงาย อาหารที่นำมาเลี้ยงเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงหนุ่ม ๆ ที่หมายตาสาวก็ติดตามสาวไปที่บ้าน เพื่อทำความรู้จักพ่อแม่ของฝ่ายหญิง และอาจช่วยอาสาตัดฟืนตำข้าว ทำงานเพื่อแสดงให้เห็นความแข็งแรงของตน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วต่างฝ่ายต่างแยกกันไปพักผ่อน4 โมงเย็นเล่นโยนลูกช่วงอีกครั้งหนึ่งขณะที่โยนลูกช่วงมีการขับเพลงเรียกว่าขับสายแปงในเชิงเกี้ยวพาราสีกันด้วยภาษาที่แสดงความรักการเจียมเนื้อเจียมตัว เวลาหยุดพักชักชวนกันไปช่วยงานบ้านด้วยการฝ่าฟืนตำข้าวหาบน้ำใช้เพื่อความสนิทสนมอีกครั้งถึงเวลาค่ำ หมอแคนเริ่มเป่าแคนเป็นการชักชวนสาวๆ ให้เข้าร่วมฟ้อนรำ ในระหว่างนั้นผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างชักชวนลูกหลานที่ยังอยู่ในวัยเด็กไปดูการฟ้อนรำด้วย"เซิ่งกอน" ตอบโต้กันในลีลาต่างๆหากฝ่ายใดร้องไม่ทันตอบโต้ไม่ได้ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ต้องเริ่มต้นร้องกันใหม่ถึงเวลา 5-6 ทุ่มก็หยุดพักกินแลงเมื่ออิ่มแล้ว หนุ่มหมอขับเริ่มขับสายแปงอีกครั้งเพื่อเป็นการอวยพรเมื่อล่วงเข้าสู่เที่ยงคืนถึงขั้นตอนการวานสาวคือการจองสาวเพื่อคุยด้วยและโอ้สาวคือ การที่ชายหนุ่มพูดคุยกับหญิงสาวที่ตนสนใจ โดยให้กลุ่มหญิงสาวมานั่งเรียงแถวกันเรียงตามอายุน้อยไปหามากการพูดคุยนั้นถ้าถูกใจก็จะสานสัมพันธ์ต่อไป ถ้าไม่ถูกใจฝ่ายหญิงก็ขอตัวกลับบ้าน การอยู่ในที่ลับตานั้นไม่มีการประพฤติที่เสียหาย 16 ปีขึ้นไป - 15 หรือล่วงเกินกันผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนต้องเป็นหนุ่มสาวที่อายุประมาณในระหว่างการเดินทางไปอิ่นก๋อนตามหมู่บ้านต่างๆ ใช้ผ้าขาวม้าหรือหลวมกระเป๋าเล็ก ๆ สำหรับใส่หมากพลูบุหรี่และของใช้อื่น ๆ คาดเอวหนุ่ม ๆ ต่างเตรียมเสื้อฮีติดตัวไปด้วยสวมเสื้อก้อมหรือสวมเสื้อกระโปรงห่มทับด้วยผ้าสไบสีต่างๆหรือผ้าเปียวมาพันรอบอกใส่เครื่องประดับอย่างสวยงามเมื่อถึงเวลาโยนลูกช่วงต่างเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อฮีกันทุกคน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
พื้นบ้าน
อิ่นก๋อนหมายถึงการเล่นลูกช่วงหรือการโยนลูกช่วงเป็นการละเล่นที่ประกอบด้วยการต๊อดมะก๋อนการขับร้องการฟ้อนรำและดนตรีเริ่มตั้งแต่เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำหรือประมาณต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไปเมื่อเข้าสู่เดือน 6 1 ค่ำมีการเลี้ยงศาลประจำหมู่บ้านการละเล่นอิ่นก๋อนก็ต้องยุติลงวิธีการเล่นแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ - อิ่นก๋อนเตียวหรืออิ่นก๋อนกลับ -อิ่นก๋อนค้างชายหนุ่มผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนยังไม่กลับหมู่บ้านของตนเองเมื่อเสร็จสิ้นการละเล่นลงในแต่ละครั้งแต่เดินทางต่อไปเพื่อขอแสวงหาขวงที่ยินยอมให้กลุ่มตนได้อิ่นก๋อนด้วยสถานที่ในการละเล่นอิ่นก๋อนคือ หรือข่วงหมายถึงสถานที่นัดหมายในการอิ่นก๋อนฝ่ายหญิงเป็นผู้กำหนดและจัดเตรียมขึ้นส่วนใหญ่เป็นลานบ้านของบ้านใดบ้านหนึ่งมักจะทำแคร่ด้วยไม้ไผ่เป็นที่นั่งสำหรับผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อน หมู่บ้านใดที่มีลูกคอนผูกติดเสาไม้สูง ๆ แสดงว่าบ้านนั้นเป็นขวงของหมู่บ้านชายหนุ่มจึงเป่าแคนและปรบมือเดินเข้าไปในลานขวงสาวน้อยใหญ่ในขวงก็ออกมาพูดคุยระหว่างเป่าแคนปรบมือเล่นกันอยู่ชายหนุ่ม ชักชวนให้สาว ๆ สนใจลงมาเล่นด้วยมีหมอขับหรือหมอลำสามารถตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามได้ทันท่วงทีทำหน้าที่ร้องลำนำโดยไม่มีดนตรีประกอบเรียกว่าขับสายแปง ฝ่ายสาวจะปรึกษากันว่ารับเล่นหรือไม่ถ้าขวงนั้นมีหนุ่มจากกลุ่มอื่นเข้ามาเป่าแคนปรบมือขออิ่นก๋อนไว้ก่อนแล้วกลุ่มหนุ่มที่เข้าไปทีหลังก็หมดโอกาสและต้องเดินทางไปขวงอื่นในกรณีที่รับ 3-4 เพลง (โยนลูกช่วง) ก็หยุดแล้วล้างหน้าทาแป้งแต่งตัวลงต๊อดมะก๋อนต่อไปการเล่นต๊อดมะก๋อนมีผู้ร่วมเล่นฝ่ายละประมาณ 5-6 คนเท่า ๆ กันโดยการยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่กลางขวงเรียงตามลำดับสูงต่ำ 3-5 วาแล้วลงมือโยนลูกช่วงฝ่ายชายพูดชักชวนฝ่ายหญิงว่า "ฮับมะกอนเน้อปีน้อง" จากนั้นก็จับสายมะก๋อนแกว่ง 3-4 รอบจึงโยนตรงให้หญิงสาวเมื่อฝ่ายสาวรับลูกมะก๋อนแล้วจึงโยนลูกช่วงกลับบ้างฝ่ายหนุ่มจะกล่าวคำท้าว่า ปีน้องเอ้ยถ้าฮับได้ฮาจีส่อเยาะไม้เน็บหูส้างหนึ่งเร้ย"หรือ"ส่อผ้าเปียวสู่เร้ย"ถ้าฝ่ายสาวรับได้สิ่งของที่ฝ่ายหญิงสาวต้องการจากชายหนุ่มอาจเป็นนาฬิกาข้อมือหรือผ้าขาวม้าเมื่อยุติการเล่นลงแล้วก็คืนให้กัน ชั่วโมงที่ 2 แล้วหยุดพักขณะหยุดพักและก่อนเวลาอาหารหมอขับหนุ่มเริ่มทำหน้าที่ขับลำนำเป็นบทชมเชยยกย่องหมู่บ้านที่กลุ่มตนมาเยือน 1 บทแล้วหมอขับสาวทำหน้าที่เป็นตัวแทนฝ่ายหญิงทำหน้าที่ขับร้องลำนำตอบ เป็นการถามถึงที่อยู่ของฝ่ายหนุ่ม ๆ และเรื่องทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับหมู่บ้านต่างฝ่ายต่างขับลำนำแก้กันคนละบทสองบทแล้วจึงชวนกันหยุดพักเพื่อกินข้าวงายอาหารที่นำมาเลี้ยงเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิง หนุ่ม ๆ ที่หมายตาสาวก็ติดตามสาวไปที่บ้านเพื่อทำความรู้จักพ่อแม่ของฝ่ายหญิงและอาจช่วยอาสาตัดฟืนตำข้าวทำงานเพื่อแสดงให้เห็นความแข็งแรงของตนเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วต่างฝ่ายต่างแยกกันไปพักผ่อน 4 โมงเย็นเล่นโยนลูกช่วงอีกครั้งหนึ่งขณะที่โยนลูกช่วงมีการขับเพลงเรียกว่าขับสายแปงในเชิงเกี้ยวพาราสีกันด้วยภาษาที่แสดงความรักการเจียมเนื้อเจียมตัวเวลาหยุดพักชักชวนกันไปช่วยงานบ้านด้วยการฝ่าฟืน ตำข้าวหาบน้ำใช้เพื่อความสนิทสนมอีกครั้งถึงเวลาค่ำหมอแคนเริ่มเป่าแคนเป็นการชักชวนสาว ๆ ให้เข้าร่วมฟ้อนรำในระหว่างนั้นผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างชักชวนลูกหลานที่ยังอยู่ในวัยเด็กไปดูการฟ้อนรำด้วย "เซิ่งกอน" ตอบโต้กันในลีลาต่าง ๆ หากฝ่ายใดร้องไม่ทันตอบโต้ไม่ได้ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ต้องเริ่มต้นร้องกันใหม่ถึงเวลา 5-6 ทุ่มก็หยุดพักกินแลงเมื่ออิ่มแล้วหนุ่มหมอขับเริ่มขับสายแปงอีกครั้งเพื่อเป็นการอวยพร เมื่อล่วงเข้าสู่เที่ยงคืนถึงขั้นตอนการวานสาวคือการจองสาวเพื่อคุยด้วยและโอ้สาวคือการที่ชายหนุ่มพูดคุยกับหญิงสาวที่ตนสนใจโดยให้กลุ่มหญิงสาวมานั่งเรียงแถวกันเรียงตามอายุน้อยไปหามาก ชายหนุ่มต้องอาศัยการจดจำรูปร่างลักษณะของหญิงสาวที่ตนสนใจในขณะร่วมอิ่นก๋อนเพื่อบอกแก่หัวหน้าขวงได้ถูกต้องว่าตนเองจะวานสาวคนใดฝ่ายหญิงสาวก็พยายามปิดบังตัวเองเพื่อทดสอบความจำของชายหนุ่ม เพื่อหาสถานที่คุยกันตามลำพังสาวคนแรกจะลุกขึ้นเดินนำหนุ่มคนนั้นไปเมื่อทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้วหัวหน้าข่วงเป็นผู้ดำเนินการด้วยการตั้งคำถามว่าใครจะวานแม่ที่ 1 ฝ่ายชายจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าหญิงสาวที่ตนหมายปอง การพูดคุยนั้นถ้าถูกใจก็จะสานสัมพันธ์ต่อไปถ้าไม่ถูกใจฝ่ายหญิงก็ขอตัวกลับบ้านการอยู่ในที่ลับตานั้นไม่มีการประพฤติที่เสียหายหรือล่วงเกินกันปีขึ้นไปผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนต้องเป็นหนุ่มสาวที่อายุประมาณ 15-16 ในระหว่างการเดินทางไปอิ่นก๋อนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ใช้ผ้าขาวม้าหรือหลวมกระเป๋าเล็ก ๆ สำหรับใส่หมากพลูบุหรี่และของใช้อื่น ๆ คาดเอวหนุ่ม ๆ ต่างเตรียมเสื้อฮีติดตัวไปด้วย สวมเสื้อก้อมหรือสวมเสื้อกระโปรงห่มทับด้วยผ้าสไบสีต่าง ๆ หรือผ้าเปียวมาพันรอบอกใส่เครื่องประดับอย่างสวยงามเมื่อถึงเวลาโยนลูกช่วงต่างเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อฮีกันทุกคน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประเพณีความเชื่อของ
ตามมาตรฐานอิ่นก๋อนหมายถึงการเล่นลูกช่วงหรือการโยนลูกช่วงเป็นการละเล่นที่ประกอบด้วยการต๊อดมะก๋อนการขับร้องการฟ้อนรำและดนตรีเริ่มตั้งแต่เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำหรือประมาณต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไปเมื่อเข้าสู่เดือน 61 ค่ำมีการเลี้ยงศาลประจำหมู่บ้านการละเล่นอิ่นก๋อนก็ต้องยุติลงวิธีการเล่นแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ - อิ่นก๋อนเตียวหรืออิ่นก๋อนกลับ- อิ่นก๋อนค้างชายหนุ่มผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนยังไม่กลับหมู่บแต่เดินทางต่อไปเพื่อขอแสวงหาขวงที่ยินยอมใหสถานที่ในการละเล่นอิ่นก๋อนคือหรือหมายถึงข่วงสถานที่นัดหมายในการอิ่นก๋อนฝ่ายหญิงเป็นผู้กำหนดและจัดเตรียมขึ้นส่วนใหญ่เป็นลานบ้านของบ้านใดบ้านหนึ่งมักจะทำแคร่ด้วยไม้ไผ่เป็นที่นั่งสำหรับผู้เหมู่บ้านใดที่มีลูกคอนผูกติดเสาไม้สูงๆแสดงว่าบ้านนั้นเป็นขวงของหมู่บ้านชายหนุ่มจึงเป่าแคนและปรบมือเดินเข้าไปในลานสาวน้อยใหญ่ในขวงก็ออกมาพูดคุยระหว่างเป่าแคนปรบมือเล่นกันอยู่ชายหนุ่มชักชวนให้สาวๆสนใจลงมาเล่นด้วยมีหมอขับหรือหมอลำสามารถตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามได้ทันท่วงทีทำหน้าที่ร้องลำนำโดยไม่มีดนตรีประกอบเรียกว่าขับสายแปงฝ่ายสาวจะปรึกษากันว่ารับเล่นหรือไม่ถ้าขวงนั้นมีหนุ่มจากกลุ่มอื่นเข้ามาเป่าแคนปรบมือขออิ่นก๋อนไว้ก่อนแล้วกลุ่มหนุ่มที่เข้าไปทีหลังก็หมดโอกาสและต้องเดินทางไปขวงอื่นในกรณีที่รับ3-4 3-4 3-4 เพลงก็หยุดแล้วล้างหน้าทาแป้งแต่งตัวลงต๊อดมะก๋อ(โยนลูกช่วง)ต่อไปการเล่นต๊อดมะก๋อนมีผู้ร่วมเล่นฝ่ายละประมาณ 5-6 5-6 5-6 คนเท่าๆกันโดยการยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่กลางขวงเรียงตามลำดับสูงต่ำ3-5 3-5 3-5 วาแล้วลงมือโยนลูกช่วงฝ่ายชายพูดชักชวนฝ่ายหญิงว่า"ฮับมะกอนเน้อปีน้อง"จากนั้นก็จับสายมะก๋อนแกว่ง 3-4 3-4 3-4 รอบจึงโยนตรงให้หญิงสาวเมื่อฝ่ายสาวรับลูกมะก๋อนแล้วจึงโยนลูกช่วงกฝ่ายหนุ่มจะกล่าวคำท้าว่าปีน้องเอ้ยถ้าฮับได้ฮาจีส่อเยาะไม้เน็บหูส้างหนึ่งเร้ย"หรือ"ส่อผ้าเปียวสู่เร้ย"ถ้าฝ่ายสาวรับได้สิ่งของที่ฝ่ายหญิงสาวต้องกนาฬิกาข้อมือหรือผ้าขาวม้าเมื่อยุติการเล่นลงแล้วก็คืนให้กัน2 ชั่วโมงแล้วหยุดพักขณะหยุดพักและก่อนเวลาอาหารหมอขับหนุ่มเริ่มทำหน้าที่ขับลำนำเป็นบทชมเชยกย่องหมู่บ้านที่กลุ่มตนมาเยือน 1 บทหมอขับสาวทำหน้าที่เป็นตัวแทนฝ่ายหญิงทำหน้าแล้วเป็นการถามถึงที่อยู่ของฝ่ายหนุ่มๆและเรื่องทั่วๆไปเกี่ยวกับหมู่บ้านต่างฝ่ายต่างขับลำนำแก้กันคนละบทสองบทแล้วจึอาหารที่นำมาเลี้ยงเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงหนุ่มๆที่หมายตาสาวก็ติดตามสาวไปที่บ้านเพื่อทำความรู้จักพ่อแม่ของฝ่ายหญิงและอาจช่วยอาสาตัดฟืนตำข้าวทำงานเพื่อแสดงให้เห็นความแข็งแรงของตนเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วต่างฝ่ายต่างแย4 โมงเย็นเล่นโยนลูกช่วงอีกครั้งหนึ่งขณะที่โยนลูกช่วงมีการขับเพลงเรียกว่าขับสายแปงในเชิงเกี้ยวพาราสีกัน ด้วยภาษาที่แสดงความรัก การเจียมเนื้อเจียมตัวเวลาหยุดพักชักชวนกันไปช่วยงานบ้านด้วยการฝ่ตำข้าวหาบน้ำใช้เพื่อความสนิทสนมอีกครั้งถึงเวลาค่ำหมอแคนเริ่มเป่าแคนเป็นการชักชวนสาวๆให้เข้าร่วมฟ้อนรำในระหว่างนั้นผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างชักชวนลู"เซิ่งกอน"ตอบโต้กันในลีลาต่างๆหากฝ่ายใดร้องไม่ทันตอบโต้ไม่ได้ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ต้องเริ่มต้นร้องกันใหม่ถึงเวลา 5 - 6 ทุ่มก็หยุดพักกินแลงเมื่ออิ่มแล้วหนุ่มหมอขับเริ่มขับสายแปงอีกครั้งเพื่อเป็นเมื่อล่วงเข้าสู่เที่ยงคืนถึงขั้นตอนการวานสาวคือการจองสาวเพื่อคุยด้วยและโอ้สาวคือการที่ชายหนุ่มพูดคุยกับหญิงสาวที่ตนสนใจโดยให้กลุ่มหญิงสาวมานั่งเรียงแถวกันเรียงตาชายหนุ่มต้องอาศัยการจดจำรูปร่างลักษณะของหญฝ่ายหญิงสาวก็พยายามปิดบังตัวเองเพื่อทดสอบคเมื่อทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้วหัวหน้าข่วงเป็นผูใครจะวานแม่ที่ 1 ฝ่ายชายจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าหญิงสาวที่ตนหมายสาวคนแรกจะลุกขึ้นเดินนำหนุ่มคนนั้นไปเพื่อหาสถานที่คุยกันตามลำพังการพูดคุยนั้นถ้าถูกใจก็จะสานสัมพันธ์ต่อไปถ้าไม่ถูกใจฝ่ายหญิงก็ขอตัวกลับบ้านการอยู่ในที่ลับตานั้นไม่มีการประพฤติที่เสีหรือล่วงเกินกันผู้เข้าร่วมอิ่นก๋อนต้องเป็นหนุ่มสาวที่อายุประมาณ 15 - 16 ปีขึ้นไปในระหว่างการเดินทางไปอิ่นก๋อนตามหมู่บ้านต่ใช้ผ้าขาวม้าหรือหลวมกระเป๋าเล็กๆสำหรับใส่หมากพลูบุหรี่และของใช้อื่นๆคาดเอวหนุ่มๆต่างเตรียมเสื้อฮีติดตัวไปด้วยสวมเสื้อก้อมหรือสวมเสื้อกระโปรงห่มทับด้วยผ้าสไบสีต่างๆหรือผ้าเปียวมาพันรอบอกใส่เครื่องประดับอย่างสวยงามเมื่อถึงเวลาโยนลูกช่วงต่างเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อฮีกันทุกคน
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: