This rhetoric routinely cites the m

This rhetoric routinely cites the mass migration that followed World War II as starting the process, and uses more recent migration - in particular the ongoing plight of those fleeing the civil war in Syria - to argue for resistance to this invasion. Perceiving migration as an insidious process as opposed a humanitarian one, the narrative of invasion argues that, once here, those migrants, refugees and asylum-seekers that happen to be Muslim will then go on to "Islamify" the nation states that generously afforded them shelter.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สำนวนนี้เป็นประจำ cites อพยพที่ตามสงครามโลกครั้งที่สองเป็นการเริ่มต้นกระบวนการ และใช้การโยกย้ายล่าสุด - โดยเฉพาะความต่อเนื่องของผู้ที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศซีเรีย - เถียงความต้านทานการบุกรุกนี้ รับรู้การโยกย้ายเป็นกระบวนการร้ายกาจ humanitarian การโดยเป็นหนึ่ง เล่าเรื่องของบุกแย้งที่ เมื่อนี่ ผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย และลี้ภัยที่เกิดขึ้นจะเป็นมุสลิมจะแล้วไป "Islamify" ประเทศอเมริกาที่กว้าง afforded กำบัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำนวนนี้เป็นประจำอ้างอิงอพยพย้ายถิ่นที่ตามสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นกระบวนการและใช้การโยกย้ายที่ผ่านมามากขึ้น - โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชะตากรรมอย่างต่อเนื่องของผู้ที่หนีสงครามกลางเมืองในซีเรีย - จะเถียงสำหรับความต้านทานต่อการบุกรุก การรับรู้การโยกย้ายเป็นกระบวนการที่ร้ายกาจเมื่อเทียบมนุษยธรรมหนึ่งเล่าเรื่องของการบุกรุกระบุว่าเมื่อที่นี่ผู้อพยพผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยที่เกิดขึ้นจะเป็นมุสลิมก็จะไป "Islamify" รัฐชาติที่เจ้าตัวพวกเขาไม่เห็นแก่ตัว ที่พักอาศัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วาทะนี้ตรวจ cites มวลอพยพตามสงครามโลกครั้งที่สองและเริ่มกระบวนการ และใช้ล่าสุดโยกย้าย - โดยเฉพาะสภาพอย่างต่อเนื่องของผู้หลบหนีสงครามกลางเมืองในซีเรีย - เถียงเพื่อต้านทานการบุกรุกนี้ การโยกย้ายเป็นกระบวนการร้ายกาจตรงข้ามโครงการหนึ่ง เล่าเรื่องของการรุกราน ระบุว่า เมื่อที่นี่ ผู้อพยพ , ผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยที่เป็นมุสลิมแล้วจะไป " islamify " รัฐชาติที่เผื่อแผ่ให้พวกเขาพักพิง