As much as we'd like to believe tha

As much as we'd like to believe that The Coca-Cola Company is infallible, it proved in 1985 that it isn't.

It's inconceivable to us mere mortals that a company of the size and scope of Coca-Cola could make a mistake on the scale of New Coke the one it made in 1985. Although company officials have been honest (albeit a bit redfaced) about the blunder all along, the legend has arisen that New Coke was nothing more that a throwaway product created as part of a greater plan. People refused to believe any decision that colossally disastrous (and ultimately that colossally fortuitous) could have been the mere result of a very human miscalculation.

And yet it was. It was also a very logical — indeed, reasonable — mistake to make.

The early 1980s found Coke teetering on the edge of losing the cola war to Pepsi. The previous fifteen years saw Coca-Cola's market share remain flat while Pepsi's continued to climb. Pepsi was winning in the supermarkets (where shoppers had free rein to choose either beverage), and it was only Coke's greater availability in restricted markets (such as soda vending machines and fast food outlets) that was keeping its numbers ahead of Pepsi's. (Coke's market share had been shrinking for decades, from 60% just after World War II to under 24% in 1983.)

Coke's market share problems were exacerbated by the relative success of other types of sodas, including some manfactured by Coca-Cola and Pepsi themselves. The more consumers drinking diet, citrus, or caffeine-free beverages, the fewer sugar cola drinkers there were to sell to. The pie was getting smaller. This market segmentation should have been affecting Coke and Pepsi equally, yet only Coke had to fight to hang onto its share. Despite the competition, Pepsi was gaining new customers. No doubt about it, people liked the taste of what the boys in blue were selling.

Adding to Coca-Cola's segmentation problems was the runaway success of their own child, Diet Coke. Rather than replacing the sugars in the Coca-Cola formula with artificial sweeteners and then attempting to bring the taste of the new beverage back to more closely resemble the original, the company formulated Diet Coke the other way around. An entirely new flavor was created — one that was smoother and had less bite to it but was still a cola. People loved it.

Introduced in 1982, Diet Coke shot up the charts to become the uncontested #4 soft drink in America (with only Coke, Pepsi, and 7-Up ahead of it) by the end of 1983, and by 1984 it was comfortably nestled in the #3 spot. It was also helping to speed the ascendency of Pepsi over Coca-Cola, because the more Diet Coke drinkers there were, the smaller the pool of available sugar cola drinkers

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เท่าที่เราต้องการที่จะเชื่อว่า บริษัท Coca-Cola เป็นความผิดก็พิสูจน์แล้วว่าในปี 1985 ว่ามันไม่ได้. มันไม่น่าเชื่อกับเราปุถุชนเพียงว่า บริษัท ที่มีขนาดและขอบเขตของ Coca-Cola สามารถทำผิดพลาด โยใหม่โค้กหนึ่งมันทำให้ในปี 1985 แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ได้รับความซื่อสัตย์ (แม้ว่าบิต redfaced) เกี่ยวกับความผิดพลาดทั้งหมดพร้อมตำนานที่เกิดขึ้นใหม่โค้กได้เป็นอะไรมากว่าผลิตภัณฑ์ใบปลิวสร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของ แผนมากขึ้น คนปฏิเสธที่จะเชื่อว่าการตัดสินใจใด ๆ ที่ใหญ่หลวงหายนะ (และในที่สุดที่บังเอิญใหญ่หลวง) จะได้รับผลเพียงการวินิจฉัยผิดมนุษย์มาก. และยังจะเป็น มันก็เป็นตรรกะมากจริง ๆ - เหมาะสม -. ความผิดพลาดที่จะทำให้ช่วงต้นทศวรรษ 1980 พบโค้ก teetering บนขอบของการสูญเสียในสงครามโคล่าเป๊ปซี่ สิบห้าปีก่อนหน้านี้เห็นส่วนแบ่งการตลาด Coca-Cola ยังคงแบนในขณะที่เป๊ปซี่ยังคงปีนขึ้นไป เป๊ปซี่เป็นผู้ชนะในซูเปอร์มาร์เก็ต (ที่ผู้ซื้อมีบังเหียนอิสระที่จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเครื่องดื่ม) และมันก็เป็นเพียงความพร้อมมากขึ้นของโค้กในตลาด จำกัด (เช่นเครื่องจำหน่ายโซดาและร้านอาหารอย่างรวดเร็ว) ที่ถูกเก็บตัวเลขไปข้างหน้าของเป๊ปซี่ (ส่วนแบ่งการตลาดของโค้กได้รับการหดตัวมานานหลายทศวรรษจาก 60% หลังสงครามโลกครั้งที่สองภายใต้ 24% ในปี 1983) ส่วนแบ่งการตลาดของโค้กปัญหาได้รับมาจากความสำเร็จของชนิดอื่น ๆ ของโซดารวมทั้งบาง manfactured โดย Coca-Cola และ เป๊ปซี่ตัวเอง อาหารที่ผู้บริโภคมากขึ้นดื่มที่มีรสเปรี้ยวหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนฟรีดื่มโคล่าน้ำตาลน้อยมีที่จะขายให้ พายได้รับมีขนาดเล็กลง การแบ่งส่วนตลาดนี้ควรจะได้รับผลกระทบต่อโค้กและเป๊ปซี่อย่างเท่าเทียมกัน แต่เพียงโค้กมีการต่อสู้เพื่อวางลงบนส่วนแบ่ง แม้จะมีการแข่งขันที่เป๊ปซี่ได้รับการดึงดูดลูกค้าใหม่ สงสัยเกี่ยวกับมันไม่มีคนชอบรสชาติของสิ่งที่เด็ก ๆ ในสีฟ้ากำลังขาย. เพิ่มปัญหาการแบ่งส่วนของ Coca-Cola ได้รับความสำเร็จหนีของเด็กของตัวเองโค้ก แทนที่จะเปลี่ยนน้ำตาลในสูตร Coca-Cola ที่มีสารให้ความหวานเทียมและแล้วความพยายามที่จะนำรสชาติของเครื่องดื่มใหม่กลับไปอย่างใกล้ชิดคล้ายเดิม บริษัท โค้กสูตรวิธีอื่น ๆ รสชาติใหม่ทั้งหมดถูกสร้างขึ้น - หนึ่งที่เป็นนุ่มนวลและมีการกัดน้อยไป แต่ก็ยังคงโคล่า คนรักมัน. เปิดตัวในปี 1982 โค้กยิงขึ้นชาร์ตจะกลายเป็นไม่มีใครโต้แย้ง # 4 เครื่องดื่มในอเมริกา (มีเพียงโค้กเป๊ปซี่และ 7 ขึ้นไปข้างหน้าของมัน) ในตอนท้ายของปี 1983 และ 1984 มันเป็น ตั้งอยู่อย่างสะดวกสบายใน # 3 จุด นอกจากนี้ยังช่วยในการเพิ่มความเร็วรุ่งเรืองของเป๊ปซี่มากกว่า Coca-Cola เพราะดื่มโค้กมากขึ้นมีขนาดเล็กสระว่ายน้ำของนักดื่มโคล่าน้ำตาลที่มีอยู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เท่าที่เราต้องการที่จะเชื่อว่า โคคา โคล่า บริษัท แน่นอน มันได้พิสูจน์ในปี 1985 มันทำไม่ได้

ไม่น่าเชื่อสำหรับเราปุถุชนเพียงที่ บริษัท ของขนาดและขอบเขตของโคคา - โคล่า อาจทำพลาดในระดับใหม่ของโค้กที่ผลิตในปี 1985 แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ได้รับเที่ยงตรง ( แม้ว่าบิต redfaced ) เรื่อง พลาดตลอดตำนานเกิดขึ้นที่นิวโค้กก็ไม่มีอะไรที่เป็นใบปลิวโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ยิ่งใหญ่ คนปฏิเสธที่จะเชื่อการตัดสินใจใด ๆที่ colossally หายนะ ( และในที่สุดที่ colossally บังเอิญ ) จะได้ผลเพียงว่าความผิดพลาดของมนุษย์มาก

แต่มันเป็น มันเป็นตรรกะมาก - แน่นอน , เหมาะสม - ผิดเพื่อให้

ต้นทศวรรษ 1980 พบโค้ก teetering ในขอบของการแพ้สงครามโค้กกับเป๊บซี่ สิบห้าปีก่อนหน้านี้เห็นโคคาโคล่าของส่วนแบ่งการตลาดยังคงแบนในขณะที่เป๊ปซี่ยังคงปีนขึ้นไป เป๊ปซี่ชนะในซุปเปอร์มาร์เก็ต ( ที่ผู้ซื้อมีบังเหียนฟรีเพื่อเลือกเครื่องดื่ม ) ,และมันเป็นเพียงของโค้กว่างมากขึ้นในตลาดเฉพาะ ( เช่นโซดา ตู้หยอดเหรียญและอาหารจานด่วนร้าน ) ที่ถูกเก็บเป็นเลขข้างหน้าของเป๊ปซี่ . ( โค้กส่วนแบ่งการตลาดได้หดตัวมานานหลายทศวรรษ จาก 60% หลังสงครามโลกครั้งที่สองภายใต้ 24% ในปี 1983 )

โค้ก ส่วนแบ่งการตลาด ปัญหาถูก exacerbated โดยเทียบความสำเร็จของชนิดอื่น ๆของน้ำอัดลมรวมถึงบางส่วน manfactured โดยโคคาโคล่าเป๊ปซี่ และตัวเอง ยิ่งผู้บริโภคดื่มอาหาร ส้ม หรือคาเฟอีนเครื่องดื่มฟรี น้อยกว่าน้ำตาลโค้กดื่มมีขาย . พายก็เล็กลง นี้การแบ่งส่วนตลาดน่าจะมีผลต่อโค้กและเป๊ปซี่ พอๆกัน แต่โค้กต้องต่อสู้เพื่อยึดส่วนแบ่งของ แม้จะมีการแข่งขันเป๊ปซี่ดึงดูดลูกค้าใหม่สงสัยเกี่ยวกับมันไม่มี คนชอบรสชาติของสิ่งที่เด็กผู้ชายในสีน้ำเงินมีขาย

เพิ่มปัญหาการแบ่งส่วนโคคา โคล่าก็หนีความเด็กของตัวเอง , ไดเอ็ทโค้ก แทนที่จะแทนที่น้ำตาลในโค้กสูตรที่มีสารให้ความหวานเทียมและจากนั้นพยายามที่จะนำรสชาติของเครื่องดื่มใหม่กลับมาให้มากขึ้นอย่างใกล้ชิดคล้ายเดิมบริษัทสูตรไดเอทโค้กวิธีอื่น ๆ รสใหม่ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นหนึ่งที่นุ่มนวลและกัดน้อยลง แต่ก็ยังเป็นโคล่า คนชอบมัน

เปิดตัวในปี 1982 ไดเอ็ทโค้กยิงขึ้นชาร์ตเป็น uncontested # 4 เครื่องดื่มในอเมริกา ( ที่มีแค่ โค้ก เป๊ปซี่ และ 7 สายล่วงหน้า ) โดยการสิ้นสุดของปี 1983และโดยปี 1984 มันสบายตั้งอยู่ในจุดที่# 3 นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความเร็วใน ascendency เป๊ปซี่มากกว่าโค้ก เพราะยิ่งดื่มไดเอทโค้กมีขนาดเล็กลงสระน้ำของน้ำตาลโค้กดื่ม