The “spikegram” in the middle of th

The “spikegram” in the middle of the slide shows the reflection coefficients at the interfaces between rock types.
If we could input and output “spikes” the seismogram would look just like the reflection coefficient series…..great!!
However due to the filtering effect of the Earth the seismic pulse is band limited* and we get our seismogram. Resolution is reduced using our seismic pulse.


*Bandwidth etc. A spike has infinite band width, that is it contains an infinite range of frequencies. The Earth absorbs high frequencies preferentially which causes the seismic wavelet to broaden. What we see is a band limited (usually approx 10-60Hz) wavelet representing the interfaces between rocks.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

"Spikegram" ตรงกลางของภาพนิ่งแสดงสัมประสิทธิ์การสะท้อนที่อินเทอร์เฟซระหว่างชนิดหิน ถ้าเราสามารถป้อนข้อมูล และผลลัพธ์ "ขวาก" seismogram จะมองเพียงแค่ชอบชุดค่าสัมประสิทธิ์สะท้อน...ยอดเยี่ยม!!อย่างไรก็ ตามเนื่องจากผลของโลกกรอง สถานการณ์แผ่นดินไหวเป็นวงจำกัด * และเราได้รับเรา seismogram ความละเอียดจะลดลงใช้ชีพจรของเราแผ่นดินไหว* แบนด์ฯลฯ ขัดขวางมีอนันต์วงกว้าง ที่ไม่ประกอบด้วยสิ้นสุดของความถี่ โลกดูดซับความถี่สูงขึ้นก่อนซึ่งเป็นสาเหตุเดียวแผ่นดินไหวเพื่อขยาย สิ่งที่เราเห็นคือ วงจำกัด (ปกติประมาณ 10-60Hz) เดียวแทนอินเทอร์เฟซระหว่างหิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

"การ spikegram" ในช่วงกลางของภาพนิ่งที่แสดงให้เห็นค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนในการเชื่อมต่อระหว่างประเภทหิน.
ถ้าเราสามารถเข้าและส่งออก "แหลม" seismogram จะมีลักษณะเช่นเดียวกับชุดค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อน ... ..great !!
อย่างไรก็ตามเนื่องจากการ ผลการกรองของโลกชีพจรแผ่นดินไหวเป็นวง จำกัด * และเราได้รับ seismogram ของเรา มติที่จะลดลงโดยใช้การเต้นของชีพจรแผ่นดินไหวของเรา.


* แบนด์วิดธ์ ฯลฯ ขัดขวางได้วงกว้างที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั่นคือมันมีช่วงที่ไม่มีที่สิ้นสุดของความถี่ โลกดูดซับเสียงที่มีความถี่สูงพิเศษซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เวฟคลื่นไหวสะเทือนที่จะขยาย สิ่งที่เราเห็นเป็นวง จำกัด (ปกติประมาณ 10-60Hz) เวฟเป็นตัวแทนของการเชื่อมต่อระหว่างหิน