Criminal cooperationOther scholars

Criminal cooperation

Other scholars have used game theory research to understand a characteristic common to many economic crimes: the presence of co-offenders. For example, Bill McCarthy, John Hagan, and Lawrence Cohen argue that like other economic activities, co-offending requires people who recognize that, in some cases, the probability of attaining a desired outcome rises with a cooperative effort. Yet, working cooperatively with others typically involves uncertainty: there are often few if any ways to enforce people's pledges to cooperate, people may benefit from the actions of others and then fail to fulfill their commitments (i.e., they may cheat), and people may take advantage of the actions of others without providing any reciprocity (i.e., they may "free-ride").

Critics note that the neoclassical model offers little insight into the cooperative process. Criminal cooperation is typically more unpredictable than offending alone, and the neoclassical model offers few insights into the process by which people choose actions that have uncertain outcomes. As well, the assumption of instrumental rationality suggests an individual who makes decisions based solely on his or her preferences and is oblivious to those of others; such an individual is an unlikely cooperator. Social dilemma theorists resolve these problems, suggesting that people have both instrumental and "collective rationality." Like instrumental rationality, collective rationality involves cost-benefit analyses aimed at maximizing one's preferences; however, it includes the recognition that in some situations, one's interests may be best met as a result of the decisions and actions of others. Cooperation further requires that people, including offenders, "trust" others to fulfill their obligations.

Experimental research suggests that several conditions promote collective rationality, trust, and cooperation in economic activities. These include the type, history, and strength of the relationship between people; people's fear of reprisals for noncooperation; their beliefs about each other's honesty and cooperativeness; their knowledge other's past cooperation; and their tolerance for risk. Nonexperimental research also suggests that cooperation may be encouraged by mutual need. Consistent with some of these findings, McCarthy et al.'s research on theft among Canadian street youth indicates that need, associations with other offenders, and a willingness to take risks all increase criminal cooperation. Furthermore, offenders who cooperate steal more frequently than do those who steal alone.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความร่วมมือทางอาญานักวิชาการอื่น ๆ ได้ใช้วิจัยทฤษฎีเกมในการเข้าใจลักษณะทั่วไปของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจหลาย: การปรากฏตัวของผู้กระทำผิดร่วมกัน เช่น เก็บเงิน McCarthy จอห์น Hagan และโคเฮ นลอว์เรนซ์เถียงว่า เหมือนกิจกรรมอื่น ๆ ทางเศรษฐกิจ offending ร่วมต้องมีคนที่รู้จักว่า ในบางกรณี การน่าที่บรรลุผลที่ต้องการเพิ่มขึ้น ด้วยความร่วม ยัง ทำงานร่วมกันกับผู้อื่นมักจะเกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอน: มักจะมีน้อยถ้ามีวิธีการละเมิดของผู้ร่วมมือ คนอาจได้รับประโยชน์จากการกระทำของผู้อื่น และจากนั้น ล้มเหลวในการปฏิบัติตามภาระผูกพันของพวกเขา (เช่น พวกเขาอาจโกง), และคนอาจใช้ประโยชน์จากการกระทำของผู้อื่นโดยไม่ออกวีซ่าใด ๆ (เช่น พวกเขาอาจ "ฟรีขี่")นักวิจารณ์หมายเหตุว่า รูปแบบนีโอคลาสสิมีเข้าใจเล็กน้อยในกระบวนการสหกรณ์ ความร่วมมือทางอาญาโดยทั่วไปคาดไม่ถึงมากกว่า offending คนเดียว และแบบนีโอคลาสสิมีกระบวนการที่คนเลือกการกระทำที่มีผลไม่แน่นอนบางลึก เช่น สมมติฐานของเหตุผลเป็นเครื่องมือแนะนำบุคคลที่ทำให้ตัดสินใจในลักษณะของเขา หรือเธอเท่านั้น และเป็น oblivious จะของผู้อื่น บุคคลดังกล่าวเป็นการ cooperator น่า ทฤษฎีคายสังคมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แนะนำว่า คนมีทั้งบรรเลง "รวมเป็นผล" เช่นเครื่องมือเหตุผล เหตุผลรวมเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์สูงสุดของค่า อย่างไรก็ตาม มีการรับรู้ที่ในบางสถานการณ์ ความสนใจของอาจจะดีที่สุดตามเป็นผลมาจากการตัดสินใจและการกระทำของผู้อื่น ความร่วมมือเพิ่มเติมต้องการให้คน รวมทั้งผู้กระทำผิด "เชื่อถือ" ให้ปฏิบัติตามข้อผูกพันของผู้อื่นทดลองวิจัยแสดงให้เห็นว่า หลายเงื่อนไขส่งเสริมเหตุผลรวม เชื่อถือ และความร่วมมือในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เหล่านี้รวมถึงชนิด ประวัติ และความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ระหว่างคน ความกลัวของผู้คนของ reprisals สำหรับ noncooperation ความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของผู้อื่นและ cooperativeness ความรู้อื่น ๆ ของความร่วมมือ ที่ผ่านมา และการยอมรับความเสี่ยง มีระดับการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า อาจจะส่งเสริมความร่วมมือ โดยต้องร่วมกัน สอดคล้องกับผลการวิจัยเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง วิจัย McCarthy et al.ขโมยประเทศแคนาดาถนนแสดงว่า จำเป็น ความสัมพันธ์ของผู้กระทำผิดอื่น ๆ และความกล้าเสี่ยงทั้งหมดเพิ่มความร่วมมือทางอาญา นอกจากนี้ ผู้กระทำผิดที่ให้ความร่วมมือขโมยขึ้นบ่อยครั้งมากกว่าผู้ที่ขโมยคนเดียว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความร่วมมือทางอาญานักวิชาการอื่น ๆ ได้ใช้การวิจัยทฤษฎีเกมที่จะเข้าใจลักษณะทั่วไปอาชญากรรมทางเศรษฐกิจหลายการปรากฏตัวของผู้ร่วมกระทำผิดที่ ยกตัวอย่างเช่นบิลแมคคาร์, จอห์นเฮอแกนและอเรนซ์โคเฮนยืนยันว่าชอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ร่วมกระทำผิดต้องมีคนที่รู้ว่าในบางกรณีน่าจะเป็นของการบรรลุผลที่ต้องการที่เพิ่มขึ้นด้วยความร่วมมือ แต่การทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ มักจะเกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอน: มักจะมีไม่กี่ถ้าวิธีการใดในการบังคับใช้คำมั่นสัญญาของผู้คนจะให้ความร่วมมือคนอาจได้รับประโยชน์จากการกระทำของคนอื่น ๆ และจากนั้นล้มเหลวในการปฏิบัติตามภาระผูกพันของพวกเขา (เช่นพวกเขาอาจจะโกง) และคนอาจ ใช้ประโยชน์จากการกระทำของคนอื่นโดยไม่ต้องให้การแลกเปลี่ยนใด ๆ (เช่นพวกเขาอาจจะ "ฟรีนั่ง"). วิจารณ์ทราบว่ารูปแบบนีโอคลาสสิมีความเข้าใจน้อยลงในกระบวนการสหกรณ์ ความร่วมมือทางอาญาโดยทั่วไปจะคาดเดาไม่ได้มากไปกว่าการกระทำผิดกฎหมายเพียงอย่างเดียวและรูปแบบนีโอคลาสสิเสนอข้อมูลเชิงลึกไม่กี่เข้าสู่กระบวนการโดยที่คนเลือกการกระทำที่มีผลไม่แน่นอน รวมทั้งข้อสันนิษฐานของเครื่องมือเหตุผลที่แสดงให้เห็นบุคคลที่ทำให้การตัดสินใจเพียงลำพังบนพื้นฐานความต้องการของเขาหรือเธอและเป็นลบเลือนไปของผู้คนอื่น ๆ ; บุคคลดังกล่าวเป็น cooperator ไม่น่า ทฤษฎีภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสังคมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าคนที่มีทั้งประโยชน์และ "ความมีเหตุผลรวม." เช่นเดียวกับการใช้เครื่องมือเหตุผลเป็นเหตุเป็นผลรวมที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ต้นทุนผลประโยชน์มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มการตั้งค่าของคน; แต่มันรวมถึงการรับรู้ว่าในบางสถานการณ์ผลประโยชน์ของคน ๆ หนึ่งอาจจะได้พบกับที่ดีที่สุดเป็นผลมาจากการตัดสินใจและการกระทำของคนอื่น ๆ ความร่วมมือต่อไปกำหนดว่าคนรวมทั้งผู้กระทำผิด "ไว้วางใจ" ให้คนอื่นปฏิบัติตามข้อผูกพันของพวกเขา. การวิจัยการทดลองแสดงให้เห็นว่าหลายเงื่อนไขส่งเสริมความมีเหตุผลรวมความไว้วางใจและความร่วมมือในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เหล่านี้รวมถึงชนิดประวัติศาสตร์และความแข็งแรงของความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของพระองค์ ความกลัวของผู้คนของการตอบโต้สำหรับ noncooperation; ความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของแต่ละคนและ cooperativeness; ความรู้เกี่ยวกับความร่วมมืออื่น ๆ ในอดีตของพวกเขา; และความอดทนของพวกเขาสำหรับความเสี่ยง การวิจัย Nonexperimental ยังแสดงให้เห็นว่าความร่วมมืออาจได้รับการสนับสนุนโดยความต้องการร่วมกัน สอดคล้องกับบางส่วนของการค้นพบเหล่านี้แมคคาร์ et al. ของการวิจัยเกี่ยวกับการโจรกรรมในหมู่เยาวชนที่แคนาดาระบุว่าจำเป็น, สมาคมกับผู้กระทำผิดอื่น ๆ และมีความตั้งใจที่จะรับความเสี่ยงเพิ่มความร่วมมือทางอาญาทั้งหมด นอกจากนี้ผู้กระทำผิดที่ให้ความร่วมมือขโมยบ่อยครั้งมากขึ้นกว่าผู้ที่ขโมยเพียงอย่างเดียว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความร่วมมือทางอาญานักวิชาการอื่น ๆ ได้ใช้การวิจัยทฤษฎีเกมที่จะเข้าใจลักษณะทั่วไปกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมาก : การปรากฏตัวของผู้กระทำผิดจำกัด ตัวอย่างเช่นบิล McCarthy , จอห์น ฮาแกน และ ลอว์เรนซ์ โคเฮน โต้เถียงว่า ชอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆต้องมีคนจำ Co รุกรานนั้น ในบางกรณี ความน่าจะเป็นของการบรรลุผลที่ต้องการขึ้นด้วยความพยายามของสหกรณ์ ยังทำงานร่วมกับผู้อื่นมักจะเกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอน : มักจะมีไม่กี่ถ้ามีวิธีที่จะบังคับประชาชนในประเทศร่วมมือ คนอาจได้รับประโยชน์จากการกระทำของผู้อื่นแล้วล้มเหลวที่จะตอบสนองความผูกพันของพวกเขา ( เช่นที่พวกเขาอาจจะโกง ) และคนอาจใช้ประโยชน์จากการกระทำของผู้อื่นโดยไม่ให้อะไรตอบแทน ( เช่น พวกเขาอาจจะ " ขี่ " ฟรี )นักวิจารณ์ทราบว่ารูปแบบต่างๆมีเล็ก ๆน้อย ๆลึกเข้าไปในกระบวนการสหกรณ์ ความร่วมมือทางอาญามักจะคาดเดาไม่ได้มากกว่าขัดใจอยู่คนเดียว และรูปแบบต่างๆ เสนอข้อมูลเชิงลึกบางอย่างในกระบวนการ โดยที่คนเลือกการกระทำที่ได้ผลที่ไม่แน่นอน เช่น สมมุติบรรเลงมากแนะนำบุคคลที่ทำให้การตัดสินใจขึ้นอยู่เพียงผู้เดียวในการตั้งค่าของเขาหรือเธอและลืมของผู้อื่น บุคคลดังกล่าวเป็น cooperator เสียแล้ว ทฤษฎี สถานการณ์สังคม แก้ไขปัญหาเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าผู้คนมีทั้งเพลงบรรเลงและ " collective สติ " อย่างมีเหตุผลและเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อมุ่งที่การตั้งค่า ; แต่มันรวมถึงการยอมรับว่า ในบางสถานการณ์ มีความสนใจอาจจะดีที่สุดได้ผลของการตัดสินใจและการกระทำของผู้อื่น ความร่วมมือต่อไปมีคน รวมทั้งผู้ที่ " คนเชื่อ " เพื่อตอบสนองพันธกรณีของตนงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าหลายเงื่อนไขส่งเสริมรวมเหตุผล ความน่าเชื่อถือ และให้ความร่วมมือในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เหล่านี้รวมถึงประเภท ประวัติศาสตร์ และความแข็งแรงของความสัมพันธ์ระหว่างคน ประชาชนกลัวการแก้แค้นสำหรับ noncooperation ; ความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับแต่ละอื่น ๆ ของความซื่อสัตย์ และ cooperativeness ; ความรู้อื่น ๆที่ผ่านมา ความร่วมมือ และความอดทนของพวกเขาสำหรับความเสี่ยง การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า nonexperimental ความร่วมมืออาจจะส่งเสริมโดยต้องการซึ่งกันและกัน สอดคล้องกับการค้นพบเหล่านี้ McCarthy et al . การวิจัยเกี่ยวกับการโจรกรรมในหมู่เยาวชนถนนแคนาดา ระบุว่า ต้องการ สมาคมกับผู้อื่น และยินดีที่จะรับความเสี่ยงเพิ่มอาชญากรทุกความร่วมมือ นอกจากนี้ ผู้ที่ให้ความร่วมมือ ขโมยบ่อยกว่าผู้ที่ขโมยคนเดียว