Terraforming Mars. Scientists belie

Terraforming Mars. Scientists believe we will one day colonize Mars by first drastically changing it. By the middle of this millenium, the Red Planet will hopefully have turned from a cold, dead world into a lush, Eden-like paradise.
The project will likely be initiated in the early 22nd century. From the outset, it will face major hurdles. Aside from the sheer scale of geo-engineering an entire world, there will be political, social and cultural issues too. Giant solar mirrors may be placed in orbit.
Measuring tens of kilometres across, these will reflect and focus the Sun's rays onto the poles. Other projects will include the seeding of artificial extremophile bacteria. These will begin converting CO2 into oxygen. Vast swarms of nanobots are introduced, accelerating this process and offering a greater degree of control, since they are fully programmable. They also help to produce nitrogen, as well as regulating the overall composition of the atmosphere.

A series of enormous "heat factories" are constructed. These belch out huge amounts of CO2 - which is converted by the bacteria and nanobots - but also has the effect of raising air pressure.

To increase the volume of water on Mars, comets and ice-rich asteroids are manoeuvred into orbit. These are made to slowly burn up as they descend, without impacting the ground and causing damage.
This still leaves the problem of Mars' lack of a magnetosphere, which exposes the surface to harsh ultraviolet radiation. Giant superconducting rings are placed around the latitude lines - focusing mainly on the equator - and buried deep below ground. These are thousands of miles in length and take many decades to construct, but are sufficient to create an artificial magnetic field.
All this may sound like a science fiction story, but I guess all great endeavors start out that way. Our destiny lies above us...

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Terraforming Mars นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เราจะหนึ่งวัน colonize อังคาร โดยแรกอย่างรวดเร็วเปลี่ยนแปลง โดยตรงกลางของมิลเลนเนียมนี้ ดาวเคราะห์สีแดงจะหวังได้เปลี่ยนจากโลกเย็น ตายเขียวชอุ่ม Eden เหมือนสวรรค์โครงการจะมีแนวโน้มจะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 22 ก่อน จากมือ มันจะเผชิญอุปสรรคสำคัญ นอกเหนือจากแท้จริงขนาดแก้ววิศวกรรมศาสตร์มีทั้งโลก จะมีการเมือง สังคม และวัฒนธรรมออกไป กระจกยักษ์แสงอาทิตย์อาจจะอยู่ในวงโคจรวัดสิบกิโลเมตรข้าม เหล่านี้จะสะท้อน และโฟกัสรังสีของดวงอาทิตย์บนเสา โครงการอื่น ๆ จะรวมถึงการปลูกของแบคทีเรีย extremophile ประดิษฐ์ เหล่านี้จะเริ่มแปลง CO2 เป็นออกซิเจน Swarms ใหญ่ของ nanobots มีการแนะนำ เร่งขึ้นกระบวนการนี้ และเสนอตัวมากกว่าควบคุม เนื่องจากโปรแกรมทั้งหมด นอกจากนี้พวกเขายังช่วยในการผลิตไนโตรเจน ตลอดจนควบคุมองค์ประกอบโดยรวมของบรรยากาศชุดของมหาศาล "ความร้อนโรงงาน" ถูกสร้างขึ้น เหล่านี้ belch ออกจำนวนมากของ CO2 - ซึ่งจะถูกแปลง โดยแบคทีเรียและ nanobots - แต่ยัง มีผลเพิ่มความดันอากาศการเพิ่มปริมาตรของน้ำบนดาวอังคาร ดาวหางและดาวเคราะห์น้อยที่อุดมไปด้วยน้ำแข็งที่ manoeuvred ในวงโคจร เหล่านี้จะช้าเขียนขึ้น ตามที่พวกเขามา ไม่ มีผลกระทบต่อดิน และก่อให้เกิดความเสียหายThis still leaves the problem of Mars' lack of a magnetosphere, which exposes the surface to harsh ultraviolet radiation. Giant superconducting rings are placed around the latitude lines - focusing mainly on the equator - and buried deep below ground. These are thousands of miles in length and take many decades to construct, but are sufficient to create an artificial magnetic field.All this may sound like a science fiction story, but I guess all great endeavors start out that way. Our destiny lies above us...

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พื้นผิวดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเราจะตั้งรกรากวันหนึ่งดาวอังคารเป็นครั้งแรกโดยการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยช่วงกลางของสหัสวรรษนี้, ดาวเคราะห์สีแดงหวังว่าจะได้หันกลับมาจากความหนาวเย็นในโลกตายเป็นเขียวชอุ่มสวรรค์ Eden เหมือน.
โครงการมีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 22 จากเริ่มแรกก็จะต้องเผชิญกับอุปสรรคที่สำคัญ นอกเหนือจากขนาดที่แท้จริงของทางภูมิศาสตร์วิศวกรรมทั้งโลกจะมีการเมืองประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรมที่มากเกินไป กระจกพลังงานแสงอาทิตย์ยักษ์อาจจะอยู่ในวงโคจร.
วัดหลายสิบกิโลเมตรข้ามเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นและมุ่งเน้นรังสีของดวงอาทิตย์บนเสา โครงการอื่น ๆ จะรวมถึงการเพาะเชื้อแบคทีเรีย extremophile เทียม เหล่านี้จะเริ่มต้นการแปลง CO2 เป็นก๊าซออกซิเจน ฝูงใหญ่ของ nanobots จะนำเร่งกระบวนการนี้และนำเสนอระดับสูงของการควบคุมเนื่องจากพวกเขามีโปรแกรมอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังช่วยในการผลิตไนโตรเจนเช่นเดียวกับการควบคุมองค์ประกอบโดยรวมของบรรยากาศ. ชุดมหาศาล "โรงงานร้อน" เป็นที่สร้าง เหล่านี้เรอออกจำนวนมากของ CO2 - ซึ่งจะถูกแปลงจากเชื้อแบคทีเรียและ nanobots - การ. แต่ยังมีผลกระทบจากการเพิ่มความดันอากาศในการเพิ่มปริมาณของน้ำบนดาวอังคารดาวหางและดาวเคราะห์น้อยที่อุดมไปด้วยน้ำแข็งจะย้ายเข้าสู่วงโคจร เหล่านี้จะทำช้าเผาไหม้ขึ้นขณะที่พวกเขาลงมาโดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นดินและทำให้เกิดความเสียหาย. นี้ยังคงทิ้งปัญหาการขาดดาวอังคารของสนามแม่เหล็กซึ่งหมายความว่าพื้นผิวที่รังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง แหวนยิ่งยวดยักษ์จะอยู่รอบ ๆ เส้นละติจูด - เน้นบนเส้นศูนย์สูตร - และฝังลึกลงไปใต้พื้นดิน เหล่านี้เป็นหลายพันไมล์ในความยาวและใช้เวลาหลายสิบปีที่จะสร้าง แต่มีเพียงพอที่จะสร้างสนามแม่เหล็กเทียม. ทั้งหมดนี้อาจจะเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ผมคิดว่าความพยายามที่ดีเริ่มต้นด้วยวิธีการที่ โชคชะตาของเราอยู่เหนือเรา ...