This study investigated the role of

This study investigated the role of generative strategies and working memory capacity on word problem solving accuracy in children with math difficulties (MD). Within classrooms, children in Grade 3 with MD (n = 69) were randomly assigned to one of three treatment conditions: paraphrase question propositions (Restate), paraphrase relevant propositions (Relevant), and paraphrase all propositions (Complete), or to an untreated control. An additional control group included children without MD (n = 22). Mixed regression modeling showed that generative strategies significantly improved posttest scores for children with MD compared with the control condition, but outcomes were related to the type of dependent measures. The Relevant and Complete treatment conditions improved problem-solving accuracy, the Complete condition improved problem component identification, and the Restate and Relevant conditions improved operation span performance when compared with the control conditions. Only the Relevant and Complete generative learning treatments allowed children with MD to catch up to children without MD, but the results were moderated by working memory capacity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษานี้ตรวจสอบบทบาทของกลยุทธ์ส่วนและทำงานหน่วยความจำความจุคำความถูกต้องแก้ปัญหาในเด็กที่มีปัญหาทางคณิตศาสตร์ (MD) ภายในห้องเรียน เด็กเกรด 3 กับ MD (n = 69) สุ่มกำหนดสามรักษาเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง: ถอดข้อเสนอคำถาม (ต้อง Restate), ถอดข้อเสนอเกี่ยวข้อง (เกี่ยวข้อง), และถอดข้อเสนอทั้งหมด (Complete), หรือตัวควบคุมที่ไม่ได้รับการ กลุ่มควบคุมการรวมเด็ก โดย MD (n = 22) สร้างโมเดลการถดถอยแบบผสมพบว่า กลยุทธ์ส่วนมากปรุง posttest คะแนนสำหรับเด็กกับ MD ที่เปรียบเทียบกับเงื่อนไขควบคุม แต่ผลที่เกี่ยวข้องกับประเภทของมาตรการขึ้น ความเกี่ยวข้องและสมบูรณ์รักษาเงื่อนไขปรับปรุงแก้ปัญหาถูกต้อง ปัญหาคอมโพเนนต์รหัสปรับปรุงสภาพสมบูรณ์ และต้อง Restate และเกี่ยวข้องเงื่อนไขปรับปรุงการดำเนินการขยายประสิทธิภาพเมื่อเปรียบเทียบกับเงื่อนไขควบคุม เฉพาะที่เกี่ยวข้องเสร็จสมบูรณ์ส่วนเรียนรักษาและอนุญาตให้เด็กกับ MD จะจับขึ้นกับเด็กโดย MD แต่ผลได้มีควบคุม โดยการทำงานความจุหน่วยความจำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษานี้เป็นการศึกษาบทบาทของกลยุทธ์การกำเนิดและการทำงานความจุหน่วยความจำในการแก้ปัญหาคำความถูกต้องในเด็กที่มีปัญหาทางคณิตศาสตร์ (MD) ภายในห้องเรียนเด็กในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กับเอ็ม (n = 69) ถูกสุ่มให้ได้หนึ่งในสามของเงื่อนไขการรักษา: ถอดความข้อเสนอคำถาม (ย้ำ) ถอดความข้อเสนอที่เกี่ยวข้อง (ที่เกี่ยวข้อง) และถอดความข้อเสนอทั้งหมด (สมบูรณ์) หรือไปสู่​​การได้รับการรักษา ควบคุม. กลุ่มควบคุมเพิ่มเติมรวมถึงเด็กที่ไม่มี MD (n = 22) การสร้างแบบจำลองการถดถอยผสมแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์การกำเนิดที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคะแนนหลังเรียนสำหรับเด็กที่มี MD เมื่อเทียบกับสภาพการควบคุม แต่ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับประเภทของมาตรการขึ้นอยู่กับ ที่เกี่ยวข้องและมีความสมบูรณ์เงื่อนไขรักษาที่ดีขึ้นในการแก้ปัญหาความถูกต้องอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นส่วนประกอบบัตรประจำตัวปัญหาที่สมบูรณ์และย้ำและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานช่วงเมื่อเทียบกับสภาพการควบคุม เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการกำเนิดและการเรียนรู้ที่สมบูรณ์การรักษาได้รับอนุญาตให้เด็กที่มี MD ที่จะจับขึ้นกับเด็กโดยไม่ต้อง MD แต่ผลที่ได้รับการตรวจสอบโดยหน่วยความจำทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษานี้เป็นการศึกษาบทบาทของกลยุทธ์และความสามารถเข้าทำงานในโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ในเด็กที่มีปัญหาความถูกต้อง ( MD ) ภายในห้องเรียน เด็ก ป. 3 กับ MD ( n = 69 ) มีวัตถุประสงค์เพื่อหนึ่งสามเงื่อนไข : ข้อเสนอการถอดความถาม ( ย้ำ ) ถอดความข้อเสนอที่เกี่ยวข้อง ( เกี่ยวข้อง ) , และถอดความทุกเรื่อง ( สมบูรณ์ ) หรือ การควบคุมที่ไม่ได้คุณภาพ กลุ่มควบคุมเพิ่มเติมรวมเด็กโดย MD ( N = 22 ) แบบจำลองการถดถอยพบว่ากลยุทธ์รังสรรค์เพิ่มขึ้นหลังเรียนสำหรับเด็กที่มี MD เมื่อเทียบกับเงื่อนไขการควบคุม แต่ผลมีความสัมพันธ์กับประเภทของมาตรการที่ขึ้นอยู่กับ ที่เกี่ยวข้อง และเงื่อนไขการรักษาปรับปรุงการแก้ปัญหา ความถูกต้อง สมบูรณ์ขึ้น ส่วนเงื่อนไขการระบุปัญหา และย้ำอีกที และที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานช่วงเงื่อนไขเมื่อเปรียบเทียบกับเงื่อนไขที่ควบคุม เพียงที่เกี่ยวข้องและการอนุญาตให้เด็กเข้าเรียนให้กับ MD เพื่อจับเด็กโดย MD แต่ผลลัพธ์ก็มีความจุหน่วยความจำทำงาน