Rio de Janeiro (/ˈriːoʊ di ʒəˈnɛəro

Rio de Janeiro (/ˈriːoʊ di ʒəˈnɛəroʊ/, /deɪ ʒəˈnɛəroʊ/, /deɪ dʒəˈnɛəroʊ/; Portuguese pronunciation: [ˈʁi.u dʒi ʒɐˈnejɾu],[1] January River), commonly referred to simply as Rio,[2] is the capital city of the State of Rio de Janeiro, the second largest city of Brazil, and the third largest metropolitan area and agglomeration in South America, boasting approximately 6.3 million people within the city proper,[3][4] making it the 6th largest in the Americas, and 26th in the world.[5] Part of the city has been designated as a World Heritage Site, named "Rio de Janeiro: Carioca Landscapes between the Mountain and the Sea", identified by UNESCO on 1 July 2012 in the category Cultural Landscape.[6]
Founded in 1565, by the Portuguese, the city was initially the seat of the Captaincy of Rio de Janeiro, a captaincy of the Portuguese Empire. It later, in 1793, became the capital of the State of Brazil, a State of the Portuguese Empire. In 1808, when the Portuguese Royal Court transferred itself from Portugal to Brazil, Rio de Janeiro became the chosen seat of the court of Queen Maria I of Portugal, who subsequently, in 1815, under the leadership of her son, the Prince Regent, and future King João VI of Portugal, raised Brazil to the dignity of a kingdom, within the United Kingdom of Portugal, Brazil, and Algarves. Rio stayed the capital of the pluricontinental Lusitanian monarchy until 1822, when the War of Brazilian Independence began. It subsequently served as the capital of the independent monarchy, the Empire of Brazil, until 1889, and then the capital of a republican Brazil until 1960.
Rio de Janeiro represents the second largest GDP in the country[7] (and 30th largest in the world in 2008),[8] estimated at about R$343 billion (IBGE/2008) (nearly US$201 billion), and is headquarters to two of Brazil's major companies—Petrobras and Vale, and major oil companies and telephony in Brazil, besides the largest conglomerate of media and communications companies in Latin America, the Globo Organizations. The home of many universities and institutes, it is the second largest center of research and development in Brazil, accounting for 17% of national scientific production—according to 2005 data.[9]
Rio de Janeiro is one of the most visited cities in the southern hemisphere and is known for its natural settings, carnival celebrations, samba, Bossa Nova, balneario beaches[10] such as Barra da Tijuca, Copacabana, Ipanema, and Leblon. Some of the most famous landmarks in addition to the beaches include the giant statue of Christ the Redeemer ("Cristo Redentor") atop Corcovado mountain, named one of the New Seven Wonders of the World; Sugarloaf mountain (Pão de Açúcar) with its cable car; the Sambódromo, a permanent grandstand-lined parade avenue which is used during Carnival; and Maracanã Stadium, one of the world's largest football stadiums.
The 2016 Summer Olympics and the Paralympics will take place in Rio de Janeiro, which will mark the first time a South American or a Portuguese-speaking nation hosts the event. It will be the third time the Olympics will be held in a Southern Hemisphere city.[11] On 12 August 2012, at the 2012 Summer Olympics closing ceremony, Mayor Eduardo Paes received the Olympic Flag, via Jacques Rogge, from London Mayor Boris Johnson. Rio's Maracanã Stadium, which held the final of the 1950 FIFA World Cup, will host the final match of the 2014 FIFA World Cup.[12] Rio de Janeiro also hosted the World Youth Day in 2013.[13]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ริโอเดอจาเนโร (RI / ːoʊ di ʒənɛəroʊ / / deɪʒənɛəroʊ / / deɪdʒənɛəroʊ /; โปรตุเกส [ʁi.udʒiʒɐnejɾu], [1] มกราคมแม่น้ำ) โดยปกติจะเรียกง่าย ๆ ว่า rio, [2] คือ เมืองหลวงของรัฐริโอเดอจาเนโรเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศบราซิลและเขตปริมณฑลที่สามที่ใหญ่ที่สุดและการรวมตัวกันในทวีปอเมริกาใต้, โม้ประมาณ 63 ล้านคนภายในเมืองที่เหมาะสม, [3] [4] ทำให้มันเป็นที่ 6 ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาและในโลก 26. [5] เป็นส่วนหนึ่งของเมืองที่ได้รับการกำหนดให้เป็นมรดกโลกชื่อ "ริโอเดอจาเนโร :. ภูมิทัศน์ Carioca ระหว่างภูเขาและทะเล "ระบุยูเนสโกเมื่อ 1 กรกฎาคม 2012 ในภูมิทัศน์วัฒนธรรมหมวดหมู่ [6]
ก่อตั้งขึ้นในปี 1565 โดยชาวโปรตุเกส,เมืองเป็นคนแรกที่นั่งของหัวหน้าของ Rio de Janeiro, หัวหน้าของจักรวรรดิโปรตุเกส ในภายหลังใน 1793, กลายเป็นเมืองหลวงของรัฐของบราซิลสถานะของจักรวรรดิโปรตุเกส ใน 1808 เมื่อราชสำนักโปรตุเกสโอนตัวเองจากโปรตุเกสไปยังบราซิล, Rio de Janeiro กลายเป็นที่นั่งได้รับการแต่งตั้งจากศาลของสมเด็จพระราชินีมาเรียฉันโปรตุเกสซึ่งต่อมาใน 1815,ภายใต้การนำของบุตรชายของเจ้าชายผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของเธอและอนาคตกษัตริย์João vi จากโปรตุเกสยกบราซิลเพื่อศักดิ์ศรีของราชอาณาจักรภายในสหราชอาณาจักรของโปรตุเกสบราซิลและ Algarves rio เป็นเมืองหลวงของสถ​​าบันพระมหากษัตริย์ pluricontinental Lusitanian จนกระทั่ง 1822 เมื่อสงครามอิสรภาพของบราซิลที่จะเริ่มต้น มันก็ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของพระมหากษัตริย์ที่เป็นอิสระ,อาณาจักรของประเทศบราซิล, 1889 จนกระทั่งแล้วเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐบราซิล 1960 จนกระทั่ง.
Rio de Janeiro แสดง GDP ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศ [7] (และ 30 ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2008) [8] ประมาณ เกี่ยวกับ r $ 343,000,000,000 (ibge/2008) (เกือบเรา $ 201,000,000,000) และเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่สองของประเทศบราซิลที่สำคัญของ บริษัท Petrobras และหุบเขาและ บริษัท น้ำมันรายใหญ่และระบบโทรศัพท์ในประเทศบราซิลนอกเหนือจากกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของสื่อและ บริษัท สื่อสารในละตินอเมริกาองค์กร globo บ้านของหลายมหาวิทยาลัยและสถาบันเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของการวิจัยและพัฒนาในประเทศบราซิลบัญชีสำหรับ 17% ของวิทยาศาสตร์แห่งชาติการผลิตตามข้อมูล 2005. [9]
ริโอเดอจาเนโรเป็นหนึ่งในเมืองที่เข้าชมมากที่สุดในซีกโลกใต้และเป็นที่รู้จักกันสำหรับการตั้งค่าตามธรรมชาติของมันฉลองเทศกาล Samba, Bossa Nova, หาด Balneario [10] เช่น Barra da Tijuca, Copacabana, Ipanema และ leblon บางส่วนของสถ​​านที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดนอกเหนือไปจากชายหาดรวมถึงรูปปั้นยักษ์ของพระเยซูคริสต์พระผู้ไถ่ ("คริสโต Redentor") บนยอดภูเขา Corcovado,ชื่อเป็นหนึ่งในใหม่ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก; Sugarloaf Mountain (Pão de Açúcar) กับสายเคเบิลที่รถของตนsambódromo, ถาวรถนนขบวนแห่อัฒจรรย์เรียงรายซึ่งถูกนำมาใช้ในช่วงเทศกาลและสนามกีฬาMaracanãหนึ่งของโลกที่ใหญ่ที่สุดของสนามฟุตบอล
. 2016 โอลิมปิกฤดูร้อนและพาราลิมปิจะเกิดขึ้นใน Rio de Janeiro,ซึ่งจะทำเครื่องหมายเป็นครั้งแรกที่อเมริกาใต้หรือประเทศที่พูดภาษาโปรตุเกสเป็นเจ้าภาพจัดงาน มันจะเป็นครั้งที่สามการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะจัดขึ้นในเมืองซีกโลกใต้. [11] ที่ 12 สิงหาคม 2012, ที่ 2012 ฤดูร้อนพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก, นายกเทศมนตรี Eduardo Paes ได้รับธงโอลิมปิกผ่านฌาคส์ Rogge, จากกรุงลอนดอนบอริสจอห์นสันนายกเทศมนตรี . สนามMaracanãริโอ,ซึ่งถือเป็นครั้งสุดท้ายของปี 1950 FIFA World Cup จะเป็นเจ้าภาพในนัดสุดท้ายของ 2014 FIFA World Cup. [12] Rio de Janeiro ยังเป็นเจ้าภาพในวันเยาวชนโลกในปี 2013. [13]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ริโอเดอจาเนโร (/ ˈriːoʊ di ʒəˈnɛəroʊ /, /deɪ ʒəˈnɛəroʊ /, /deɪ dʒəˈnɛəroʊ /; โปรตุเกสออกเสียง: [ˈʁi.u dʒi ʒɐˈnejɾu], แม่น้ำ [1] มกราคม), โดยทั่วไปเรียกเพียงว่าริโอ, [2] เป็นเมืองหลวงของรัฐริโอเดอจาเนโร ประเทศใหญ่เป็นอันดับสองเมืองของ บราซิล และปริมณฑลมากที่สุดสาม และ agglomeration ในอเมริกาใต้ ห้องประมาณ 63 ล้านคนภายในเมืองเหมาะสม, [3] [4] ทำให้ 6 ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา และ 26 ในโลก[5] ส่วนหนึ่งของเมืองถูกกำหนดเป็นมรดกโลก ชื่อ "ริโอเดอจาเนโร: คาริโอคาภูมิประเทศระหว่างภูเขาและทะเล", โดยองค์การยูเนสโกในวันที่ 1 2555 กรกฎาคมประเภทภูมิทัศน์วัฒนธรรม[6]
จอร์เจีย 1565 โดยโปรตุเกส เมืองแรกนั่ง Captaincy ริโอเดอจาเนโร captaincy ของจักรวรรดิโปรตุเกส มันต่อมา ใน 1793 เป็นเมืองหลวงของรัฐของบราซิล รัฐจักรวรรดิโปรตุเกส ใน 1808 เมื่อโปรตุเกสรอยัลคอร์ทโอนเองจากโปรตุเกสบราซิล ริโอเดอจาเนโรได้กลายเป็นนั่งท่านของศาลของสมเด็จพระราชินีมาเรียพระโปรตุเกส ที่มา ใน 1815 ภายใต้การนำของลูกชาย เจ้าชายรีเจนท์ และอนาคต King João VI ของโปรตุเกส ยกประเทศบราซิลเพื่อศักดิ์ศรีของราชอาณาจักร ในสหราชอาณาจักรโปรตุเกส บราซิล และ Algarves ริโออยู่เมืองหลวงของ pluricontinental Lusitanian พระมหากษัตริย์จนถึง 1822 เมื่อเริ่มเป็นสงครามของบราซิลอิสระ ในเวลาต่อมานั้นได้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของพระมหากษัตริย์ที่เป็นอิสระ จักรวรรดิบราซิล จนกระทั่งจาก 1889 และเมืองหลวงของบราซิลพลจนถึง 1960.
จีดีพีใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศ [7] (และ 30 ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2551), แสดงถึงริโอเดอจาเนโร [8] ประเมินที่เกี่ยวกับ R$ 343 ล้าน (IBGE/2008) พัน (เกือบล้านเหรียญสหรัฐฯ 201), และมีสำนักงานใหญ่บริษัทสำคัญของบราซิลสอง — Petrobras และเวลและบริษัทน้ำมันใหญ่และโทรศัพท์ในบราซิล นอกจากหินกรวดมนที่ใหญ่ที่สุดของสื่อและการสื่อสารบริษัทในสหรัฐอเมริกา Globo องค์กร บ้านของมหาวิทยาลัยและสถาบันต่าง ๆ เป็นศูนย์กลางใหญ่เป็นอันดับสองของการวิจัยและพัฒนาในประเทศบราซิล บัญชี 17% ของการผลิตทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติซึ่งตามข้อมูล 2005[9]
ริโอเดอจาเนโรเป็นหนึ่งในเมืองที่สุดในซีกโลกใต้ และเป็นที่รู้จักกันสำหรับการตั้งค่าธรรมชาติ ฉลองคาร์นิวัล samba เดเอนโบสซาโนวา ชายหาด balneario [10] เช่นบาร์ราดา Tijuca อพาร์ อีพาเนมา และ Leblon บางสถานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดนอกจากชายหาดมีรูปปั้นยักษ์ของคริสต์มหาไถ่ ("Cristo Redentor") บนยอดภูเขา Corcovado ชื่อหนึ่งของใหม่เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ภูเขา sugarloaf (Pão de Açúcar) กับของเคเบิลคาร์ Sambódromo อเวนิวแห่เรียง grandstand ถาวรซึ่งจะใช้ในระหว่างงานฉลอง และสนาม กีฬา Maracanã หนึ่งของโลกที่ใหญ่ที่สุดฟุตบอลลักษณะน่าตื่นเต้น
โอลิมปิกฤดูร้อน 2016 และพาราลิมปิกจะเกิดขึ้นในริโอเดอจาเนโร ซึ่งจะทำเครื่องหมายเป็นครั้งแรกที่อเมริกาใต้หรือประเทศที่พูดภาษาโปรตุเกสเป็นเหตุการณ์ มันจะเป็นครั้งที่สามที่โอลิมปิกจะจัดขึ้นในเมืองซีกโลกใต้[11] ในวันที่ 12 2555 สิงหาคม ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ปิดพิธี Paes พงษ์ศิรินายกเทศมนตรีได้รับธงโอลิมปิค ผ่าน Jacques Rogge จากนายกเทศมนตรีลอนดอนบอริสจอห์นสัน อจา Maracanã สนามกีฬา ซึ่งจัดขึ้นสุดท้ายของฟุตบอลโลก 1950 ฟีฟ่า จะจัดแข่งขันสุดท้ายของปี 2014 ฟีฟ่าเวิลด์คัพ[12] ริโอเดอจาเนโรยังโฮสต์วันเยาวชนโลกในปี 2013[13]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

Rio de Janeiro (/ ˈriːoʊ di ʒəˈnɛəroʊ // deɪ ʒəˈnɛəroʊ / dʒəˈnɛəroʊ deɪ //การออกเสียง ภาษา โปรตุเกส[ ˈʁi . ʒɐˈnejɾu dʒi u ]:[ 1 ]มกราคม River )อ้างถึงโดยทั่วไปเป็นเพียง Rio [ 2 ]คือเมืองหลวงของรัฐที่ของ Rio de Janeiro เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบราซิลและที่สามรวมกันเข้าเป็นก้อนและมีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้โดดเด่นไปด้วยประมาณ 6 .3 ล้านคนในเมืองที่เหมาะสม,[ 3 ],[ 4 ]ทำให้เป็นที่ 6 มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา,และ 26 ในโลก.[ 5 ]เป็นส่วนหนึ่งของเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสถานที่ทางมรดกโลก,ชื่อ" Rio de Janeiro :ท่าเต้นแบบคาริโอคา ทัศนียภาพ ระหว่าง ภูเขา และทะเล",ระบุโดยองค์การยูเนสโกในวันที่ 1 กรกฎาคม 2012 ใน ประเภท ทางวัฒนธรรม ทัศนียภาพ .[ 6 ]
ก่อตั้งขึ้นใน 1565 ,ที่โปรตุเกส,เมืองได้ในครั้งแรกที่นั่งของการเป็นหัวหน้าของ Rio de Janeiro การเป็นหัวหน้าของโปรตุเกสที่ Empire ข้อมูลนี้ใน ภายหลัง ใน 1793 ได้กลายมาเป็นทุนของรัฐที่มีทีมชาติบราซิลของรัฐของจักรวรรดิที่โปรตุเกส ใน 1808 เมื่อ,โปรตุเกส, Royal Court ที่จะพาท่านไปส่งโดยตรงจากโปรตุเกสไปบราซิล Rio de Janeiro กลายเป็นที่นั่งเลือกของศาลที่ของพระราชินีมาเรียของโปรตุเกสซึ่งต่อมาในค.ศ. 1815 ไปจนถึงภายใต้ ความเป็นผู้นำของบุตรชายของนาง Prince ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กษัตริย์โจเอา VI ในอนาคตของทีมชาติโปรตุเกสบราซิลขึ้นเพื่อศักดิ์ศรีของประเทศไทยที่อยู่ ภายใน สหราชอาณาจักรของทีมชาติโปรตุเกสและบราซิล algarves Rio อยู่เมืองหลวงของกษัตริย์ lusitanian pluricontinental จนกว่า 1822 เมื่อสงครามของบราซิลเริ่มความเป็นอิสระ โรงแรมจัดให้บริการใน ภายหลัง ว่าเป็นเงินทุนหมุนเวียนของราชาธิปไตยโดยอิสระที่ Empire ของบราซิล,จนกว่าปี 1889 ,และเงินทุนของพรรครีพับลิกันบราซิลจนกว่าจะถึงปี 1960 .
Rio de Janeiro แทนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองในประเทศ( GDP )ที่ประเทศ[ 7 ](และ 30 มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกใน 2008 ),[ 8 ]โดยประมาณที่เกี่ยวกับ R $ 343 พันล้านดอลลาร์( ibge / 2008 )(ดอลลาร์สหรัฐฯ 201 , 000 ล้านบาท)และมีสำนักงานใหญ่ในสองของบราซิลที่สำคัญบริษัท - ปโตรบราและหุบเขาและที่สำคัญบริษัทน้ำมันและระบบโทรศัพท์ในประเทศบราซิล,นอกจากการชุมนุมมีขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทและการสื่อสารสื่อในละตินอเมริกา Globo Network องค์กร. โฮมเพจของสถาบันและมหาวิทยาลัยหลายแห่งเป็นศูนย์กลางที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับของการวิจัยและพัฒนาในบราซิลคิดเป็นสัดส่วน 17% ของการผลิตทางด้านวิทยาศาสตร์แห่งชาติ - ตามถึง 2005 ข้อมูล[ 9 ]
Rio de Janeiro เป็นหนึ่งในเมืองที่เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดในซีกโลกใต้ระหว่างขั้วโลกใต้และเป็นที่รู้จักกันในชื่อสำหรับการจัดงานฉลองเทศกาลรื่นเริงการตั้งค่าตามธรรมชาติของมันแซมบ้า Bossa โนสปาชายหาด[ 10 ]เช่นบริเวณ Barra da Tijuca Copacabana , Ipanema และ Leblon ได้ สถานที่อันโดดเด่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในรวมถึงชายหาดต่างๆที่บางส่วนรวมถึง Statue of ขนาดใหญ่ของพระเยซูคริสต์ที่พระมหาไถ่(" Dumas (ชื่อเดียวกัน)เป็นคน redentor ")ที่ด้านบนสุดของ ภูเขา Corcovadoมีชื่อเสียงในด้านของหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ใหม่ของโลกที่ Sugarloaf Corporate Center Mountain ( pão de açúcar )พร้อมด้วยรถเคเบิลที่ sambódromo Avenue ขบวนพาเหรดอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่เรียงรายไปด้วยต้นไม้อย่างถาวรซึ่งจะใช้ในระหว่างการเล่นสนุกสนาน Maracanã เสมอมาและสนามกีฬาหนึ่งในสนามฟุตบอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก.
2016 ,ฤดูร้อนที่โอลิมปิกและพาราลิมปิกที่จะมีขึ้นใน Rio de Janeiroซึ่งจะทำเครื่องหมายในครั้งแรกที่อเมริกาใต้หรือประเทศโปรตุเกส - สื่อสารด้วยเหตุการณ์โฮสต์แบบปรับเปลี่ยนได้ มันจะเป็นครั้งที่สามที่แข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในซีกโลกทางตอนใต้ที่เมือง.[ 11 ]ในวันที่ 12 สิงหาคม 2012 ที่โอลิมปิกฤดูร้อน 2012 พิธีปิดที่นายกเทศมนตรี Eduardo VII paes ได้รับธงกีฬาโอลิมปิกที่ผ่านชา rogge จาก London นายกเทศมนตรีสิ้นสุดลง Johnson Maracanã เสมอมาสนามกีฬาของ Rioซึ่งครั้งสุดท้ายของปี 1950 FIFA World Cup ที่จะจัดตรงกับวันสุดท้ายของ .2014 FIFA World Cup .[ 12 ]ที่ Rio de Janeiro นอกจากนั้นยังเป็น เจ้าภาพ จัดงานวันเยาวชนโลกที่ในปี 2013 .[ 13 ]