The Austrian school of economic the

The Austrian school of economic theory began in the Austrian-Hungarian empire in 1871 with the publication of Principles of Economics by Carl Menger. Two of the best-known Austrian economists were Friedrich Hayek and Ludwig von Mises, both of whom moved from Austria to the USA, as the Austrian school became global. Austrian economic theory is a combination of several elements of method and theory:

1) Axiomatic-deductive reasoning establishes a pure universal economic theory. Economic theory is deduced from premises and elements of human action, such as scarcity, unlimited human desires, economizing behavior, a mental ranking of ends as more or less important, a “time preference” tendency to want things sooner rather than later, and the proposition that much of the future and the beliefs about the current economy are uncertain, not available as organized knowledge, and not knowable in advance.

2) Marginal analysis: Menger along with other economists of the latter 1800s developed a theory of marginal utility, the importance of extra units of goods that help determine market prices.

3) Methodological individualism: economic analysis is ultimately based on the purposeful action of individual persons, in contrast to “holism” which treats an economy as a whole entity that is distinct from its parts.

4) A theory of capital goods based on their particular qualities rather than treating them only as homogenous goods, especially regarding the time duration of investments, and the role of capital goods relative to their final consumption and provision to households.

5) Interpretive understanding: an understanding of human action depends on the interpretations by the observer of human intentions, and therefore the methodology of social science cannot merely copy that of physical science.

6) Subjective values: all values are subjective, based on individual beliefs, interests, and preferences.

The main topics of Austrian theory and historical studies include a) entrepreneurship; b) money and banking; c) the time structure of capital goods; d) the business cycle; e) the dynamics of markets and spontaneous orders; f) critiques of governmental intervention and planning; g) knowledge as decentralized and unknowable to central planners.

Austrian economists have critically analyzed Marxism, Keynesianism, and the excessive neoclassical emphasis on mathematical modeling. With their critique of state socialism and governmental interventions into markets, Austrian economists tend to believe that markets work well. Austrian theory concludes that interventions as taxes, subsidies, mandates, and prohibitions, which interfere with peaceful and honest human action, reduce the productivity of economies and human well-being.

Therefore Austrian economics is identified as a free-market school, although Austrian economics as such has no ideological bias. One could be an Austrian-school interventionist if one believes that governmental intervention has subjective benefits that are greater than the costs.

Austrian economics recognizes land as a factor distinct from labor and capital goods, as land is a non-produced factor of infinite duration. Austrian analyses of land have been collected in the book, The Spatial Market Process, volume 16 (2012) in the book series, Advances in Austrian Economics. My chapter, “An Austrian Theory of Spatial Land,” analyzes the role of land in the Austrian theory of the business cycle. Just as an artificial reduction in interest rates by governmental intervention generates unsustainable investments in buildings, which Austrians call “malinvestments,” cheap credit also induces “malspeculation” in land value. Economic growth gets choked by both interest rates that have risen back up and by unsustainable high prices for land. The Georgist theory of the business cycle, which emphasizes land, and the Austrian theory that emphasizes money, interest, and capital goods, are complimentary, and their integration provides a more complete Austrian theory of economic cycles.

Other chapters in this book analyze real estate market dynamics, the use of knowledge, governmental land-use planning, urban agglomoration (the growth of cities), and spontaneous cities (private alternatives to zoning and master plans).

Austrian economists have been the leading theorists of “free banking,” the replacement of central-banking controls with a free-market setting of interest rates and the money supply, an application of the Austrian critique of central planning.

The Austrian critique of governmental intervention includes the proposition that taxes on wages, investment returns, entrepreneurial profits, and produced goods, all distort market prices and profits as signals for efficient investment, production, and consumption. The policy consequence is that public goods are better provided by markets, such as with voluntary private communities, or from non-distorting sources of public revenue, namely pollution levies and land rent.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรงเรียนออสเตรียของทฤษฎีเศรษฐกิจเริ่มในจักรวรรดิออสเตรียฮังการีในปี 1871 มีการเผยแพร่หลักการของเศรษฐศาสตร์โดย Carl Menger สองนักเศรษฐศาสตร์ที่ออสเตรียรู้จักได้ Friedrich Hayek และลุดวิก von Mises ทั้งสองคนย้ายจากออสเตรียไปสหรัฐอเมริกา เป็นโรงเรียนออสเตรียเป็นสากล ทฤษฎีเศรษฐกิจออสเตรียเป็นการรวมกันขององค์ประกอบต่าง ๆ ของทฤษฎีและวิธีการ:1) เหตุผล Axiomatic-พลาดสร้างทฤษฎีเศรษฐกิจสากลที่บริสุทธิ์ ทฤษฎีเศรษฐกิจมี deduced จากสถานและองค์ประกอบของการกระทำของมนุษย์ ขาดแคลน ไม่จำกัดความ โลภของมนุษย์ economizing ลักษณะการทำงาน การจัดอันดับทางจิตของสิ้นสุดเป็นสิ่งสำคัญมากหรือน้อย แนวโน้มที่ "การตั้งค่าเวลา" จะต้องการสิ่งที่เร็ว กว่าในภาย หลัง และเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับเศรษฐกิจปัจจุบันและอนาคตที่ไม่แน่นอน ไม่ได้เป็นความรู้ที่จัด และ knowable ไม่ล่วงหน้า2) วิเคราะห์กำไร: Menger พร้อมกับนักเศรษฐศาสตร์อื่น ๆ 19 หลังพัฒนาทฤษฎีอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม ความสำคัญของหน่วยพิเศษของสินค้าที่กำหนดราคาตลาด3) วิธีปัจเจก: วิเคราะห์เศรษฐกิจสุดตามการดำเนินการของแต่ละบุคคล เด็ดเดี่ยวในการ "holism" ซึ่งถือว่าเศรษฐกิจเป็นเอนทิตีทั้งหมดที่แตกต่างจากส่วนของ การ4)ทฤษฎีของสินค้าประเภททุนที่อิงการเฉพาะคุณภาพมากกว่ารักษาพวกเขาเท่านั้นที่เป็นเนื้อเดียวกันสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับระยะเวลาการลงทุน และบทบาทของสินค้าประเภททุนที่สัมพันธ์กับการบริโภคขั้นสุดท้ายและจัดครัวเรือน5) สื่อความหมายเข้าใจ: ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในการกระทำของมนุษย์ในการตีความโดยผู้สังเกตการณ์ของความตั้งใจของมนุษย์ และดังนั้น ระเบียบวิธีของสังคมศาสตร์ไม่เพียงสำเนาของวิทยาศาสตร์6) ค่าเรื่อง: ตามแต่ละความเชื่อ ความสนใจ และความเป็นอัตนัย ค่าทั้งหมดรวมหัวข้อหลักของการศึกษาประวัติศาสตร์และทฤษฎีออสเตรียเป็น) ผู้ประกอบการ ข) เงินและการธนาคาร ค)โครงสร้างเวลาของสินค้าทุน d) วงจรธุรกิจ จ) เปลี่ยนแปลงของตลาดและธรรมชาติสั่ง f) critiques ของการแทรกแซงของรัฐและการวางแผน กรัม) ความรู้เป็นแบบกระจายศูนย์ และ unknowable การวางแผนส่วนกลางนักเศรษฐศาสตร์ที่ออสเตรียมีวิเคราะห์ถึงลัทธิมากซ์ Keynesianism และนีโอคลาสสิเน้นมากเกินไปสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ด้วยการวิจารณ์ของรัฐสังคมนิยมรัฐแทรกแซงตลาด เศรษฐศาสตร์ออสเตรียมักจะ เชื่อว่า ตลาดได้ ทฤษฎีออสเตรียสรุปว่า แทรกแซง เป็นภาษี เงินอุดหนุน เอกสาร ข้อ ห้าม ซึ่งขัดขวางการกระทำของมนุษย์อันเงียบสงบ และมีความซื่อสัตย์ ลดผลผลิตของประเทศและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ดังนั้น เศรษฐศาสตร์ออสเตรียจะถูกระบุเป็นโรงเรียนตลาดฟรี เศรษฐศาสตร์ออสเตรียเช่นมีอคติไม่มีอุดมการณ์ หนึ่งอาจจะเป็น interventionist ออสเตรียโรงเรียนถ้าหนึ่งเชื่อว่า การแทรกแซงรัฐบาลมีเรื่องผลประโยชน์ที่มากกว่าต้นทุนเศรษฐศาสตร์ออสเตรียรู้จักที่ดินเป็นปัจจัยแตกต่างจากแรงงานและสินค้าทุน ที่ดินเป็น ปัจจัยไม่ใช่ผลิตระยะเวลาสิ้นสุด การวิเคราะห์ดินแดนออสเตรียได้รวบรวมเสียงหนังสือ Spatial ตลาดกระบวนการ 16 (2012) ในชุดหนังสือ ความก้าวหน้าในออสเตรียเศรษฐศาสตร์ บทของฉัน "การออสเตรียทฤษฎีเชิงพื้นที่ที่ดิน วิเคราะห์บทบาทในทฤษฎีวงจรธุรกิจออสเตรีย เช่นเดียวกับการลดอัตราดอกเบี้ยโดยการแทรกแซงรัฐบาลประดิษฐ์สร้างไม่เงินลงทุนในอาคาร ที่ออสเตรียเรียก "malinvestments" เครดิตราคาประหยัดก่อให้เกิด "malspeculation" ในมูลค่าของที่ดินยัง เศรษฐกิจได้รับสำลัก โดยทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีขึ้นสำรอง และราคาไม่สูงสำหรับที่ดิน ทฤษฎี Georgist วงจรธุรกิจ ที่เน้นที่ดิน และทฤษฎีออสเตรียที่เน้นเงิน ดอกเบี้ย และ สินค้าประเภททุน ฟรี และรวมพวกเขาให้ทฤษฎีแห่งออสเตรียของเศรษฐกิจบทอื่น ๆ ในหนังสือเล่มนี้วิเคราะห์ dynamics ตลาดอสังหาริมทรัพย์ การใช้ความรู้ การวางแผน เมือง agglomoration (การเติบโตของเมือง), และเมืองที่เกิดขึ้นเอง (ส่วนตัวเลือกการจัดโซนและแผนหลัก) ใช้ที่ดินรัฐนักเศรษฐศาสตร์ที่ออสเตรียได้รับทฤษฎีชั้นนำ "ฟรีธนาคาร การแทนที่ธนาคารกลางควบคุม ด้วยการตั้งค่าฟรีตลาดอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงิน โปรแกรมทางการออสเตรียวิจารณ์การวางแผนส่วนกลางคำวิจารณ์ออสเตรียของรัฐบาลแทรกแซงรวมโจทย์ที่ภาษีบนกำไรผู้ประกอบการ ผลตอบแทน ค่าจ้าง และผลิตสินค้า ทั้งหมดทำให้ราคาตลาดและกำไรเป็นสัญญาณสำหรับการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ การผลิต และการใช้ ผลนโยบายคือ สินค้าสาธารณะดีโดยตลาด เช่น ด้วยความสมัครใจส่วนชุมชน หรือไม่บิดเบือนแหล่งรายได้สาธารณะ คือมลพิษ levies และที่ดินให้เช่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ออสเตรียโรงเรียนของทฤษฎีทางเศรษฐกิจเริ่มต้นขึ้นในจักรวรรดิออสเตรียฮังการีในปี 1871 กับการพิมพ์ของหลักการเศรษฐศาสตร์โดยคาร์ล Menger สองที่ดีที่สุดที่รู้จักกันนักเศรษฐศาสตร์ออสเตรียฟรีดริชเยคและลุดวิกฟอนคะเนทั้งสองคนย้ายจากออสเตรียไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นโรงเรียนออสเตรียกลายเป็นระดับโลก ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ออสเตรียคือการรวมกันขององค์ประกอบหลายอย่างของวิธีการและทฤษฎี: 1) ซึ่งเป็นจริง-นิรนัยเหตุผลกำหนดทฤษฎีเศรษฐศาสตร์บริสุทธิ์สากล ทฤษฎีทางเศรษฐกิจจะอนุมานได้จากสถานที่และองค์ประกอบของการกระทำของมนุษย์เช่นการขาดแคลนความปรารถนาของมนุษย์ไม่ จำกัด พฤติกรรมประหยัด, การจัดอันดับที่จิตของปลายเป็นมากหรือน้อยกว่าที่สำคัญเวลา "การตั้งค่า" แนวโน้มที่จะต้องการสิ่งที่เร็วกว่าเดิมและ . เรื่องที่มากของอนาคตและความเชื่อเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนไม่สามารถใช้เป็นความรู้การจัดระเบียบและไม่ knowable ล่วงหน้า2) การวิเคราะห์ Marginal: Menger พร้อมกับนักเศรษฐศาสตร์อื่น ๆ ของปี 1800 หลังการพัฒนาทฤษฎีของยูทิลิตี้ให้ . ความสำคัญของหน่วยพิเศษของสินค้าที่ช่วยในการกำหนดราคาในตลาด3) ปัจเจกระเบียบวิธีการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่ในท้ายที่สุดการกระทำที่เด็ดเดี่ยวของแต่ละบุคคลในทางตรงกันข้ามกับ "ทฤษฎีความศักดิ์สิทธิ์" ซึ่งถือว่าเศรษฐกิจเป็นนิติบุคคลทั้งที่แตกต่างจากชิ้นส่วนของมัน . 4) ทฤษฎีของสินค้าทุนขึ้นอยู่กับคุณสมบัติเฉพาะของพวกเขามากกว่าการรักษาพวกเขาเท่านั้นสินค้าเป็นเนื้อเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับระยะเวลาของการลงทุนและบทบาทของสินค้าทุนเทียบกับการบริโภคขั้นสุดท้ายของพวกเขาและการจัดหาเพื่อครัวเรือน. 5) เข้าใจแปล : ความเข้าใจในการกระทำของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการตีความโดยผู้สังเกตการณ์ของความตั้งใจของมนุษย์และดังนั้นวิธีการของวิทยาศาสตร์ทางสังคมไม่สามารถเพียงแค่คัดลอกของวิทยาศาสตร์ทางกายภาพ. 6) ค่าอัตนัย: ค่าทั้งหมดที่มีวิสัยขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคลสนใจและ . การตั้งค่าหัวข้อหลักของทฤษฎีออสเตรียและการศึกษาประวัติศาสตร์ ได้แก่ ) ผู้ประกอบการ; ข) เงินและการธนาคาร; c) โครงสร้างเวลาสินค้าทุน; D) วงจรธุรกิจ; จ) การเปลี่ยนแปลงของตลาดและคำสั่งซื้อที่เกิดขึ้นเอง; ฉ) การวิพากษ์วิจารณ์จากการแทรกแซงของภาครัฐและการวางแผน g) ความรู้เป็นการกระจายอำนาจและการหยั่งรู้การวางแผนกลาง. นักเศรษฐศาสตร์ออสเตรียมีการวิเคราะห์วิกฤตมาร์กซ์ Keynesianism และเน้นนีโอคลาสสิมากเกินไปในการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ กับคำวิจารณ์ของพวกเขาในรัฐสังคมนิยมและการแทรกแซงของรัฐบาลในตลาดนักเศรษฐศาสตร์ออสเตรียมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าตลาดทำงานได้ดี ทฤษฎีออสเตรียสรุปว่าการแทรกแซงภาษีอุดหนุนเอกสารและลักษณะต้องห้ามซึ่งยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์ที่เงียบสงบและมีความซื่อสัตย์ลดการผลิตของเศรษฐกิจและความอยู่ดีของมนุษย์. the ดังนั้นเศรษฐศาสตร์ออสเตรียถูกระบุว่าเป็นโรงเรียนตลาดเสรีแม้ว่าเศรษฐศาสตร์ออสเตรีย เช่นไม่มีอคติอุดมการณ์ หนึ่งอาจจะเป็นออสเตรียโรงเรียนแทรกแซงหากหนึ่งเชื่อว่าการแทรกแซงของภาครัฐที่มีประโยชน์อัตนัยที่มากกว่าค่าใช้จ่าย. เศรษฐศาสตร์ออสเตรียตระหนักถึงที่ดินดังกล่าวเป็นปัจจัยที่แตกต่างจากแรงงานและทุนสินค้าเป็นดินแดนเป็นปัจจัยที่ไม่ใช่การผลิตของระยะเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุด วิเคราะห์ออสเตรียที่ดินได้รับการรวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้กระบวนการตลาดเชิงพื้นที่ปริมาณ 16 (2012) ในหนังสือชุดความก้าวหน้าในเศรษฐศาสตร์ออสเตรีย บทของฉัน "ทฤษฎีออสเตรียเชิงพื้นที่ที่ดิน" วิเคราะห์บทบาทของที่ดินในทฤษฎีออสเตรียของวงจรธุรกิจ เช่นเดียวกับการลดเทียมในอัตราดอกเบี้ยจากการแทรกแซงของรัฐบาลสร้างการลงทุนที่ไม่ยั่งยืนในอาคารซึ่งออสเตรียเรียกว่า "malinvestments" บัตรเครดิตราคาถูกนอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการ "malspeculation" ในมูลค่าที่ดิน การเติบโตทางเศรษฐกิจได้รับการสำลักโดยทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นกลับขึ้นและราคาสูงไม่ยั่งยืนสำหรับที่ดิน ทฤษฎี Georgist ของวงจรธุรกิจที่เน้นที่ดินและทฤษฎีออสเตรียที่เน้นเงินดอกเบี้ยและสินค้าทุนฟรีและบูรณาการของพวกเขายังมีทฤษฎีออสเตรียสมบูรณ์มากขึ้นของวงจรเศรษฐกิจ. บทอื่น ๆ ในหนังสือเล่มนี้วิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงของตลาด, การใช้ความรู้การวางแผนของรัฐบาลการใช้ที่ดินในเมือง agglomoration (การเจริญเติบโตของเมือง) และเมืองที่เกิดขึ้นเอง (ทางเลือกส่วนตัวถึงการแบ่งเขตและแผนหลัก). นักเศรษฐศาสตร์ออสเตรียได้รับทฤษฎีชั้นนำของ "ธนาคารฟรี" ที่มี ทดแทนการควบคุมกลางธนาคารมีการตั้งค่าที่ตลาดเสรีของอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงิน, แอพลิเคชันของการวิจารณ์ของออสเตรียวางแผนจากส่วนกลาง. วิจารณ์ออสเตรียจากการแทรกแซงของภาครัฐรวมถึงโจทย์ที่ภาษีค่าจ้างผลตอบแทนการลงทุนกำไรผู้ประกอบการ และสินค้าที่ผลิตทั้งหมดบิดเบือนราคาในตลาดและผลกำไรเป็นสัญญาณสำหรับการลงทุนที่มีประสิทธิภาพการผลิตและการบริโภค ผลที่ตามมาก็คือว่านโยบายสินค้าสาธารณะจะได้รับบริการที่ดีขึ้นโดยตลาดเช่นกับชุมชนภาคเอกชนโดยสมัครใจหรือจากแหล่งที่ไม่ใช่บิดเบือนของรายได้ของประชาชนคือครัวเรือนมลพิษและการเช่าที่ดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรงเรียนออสเตรียของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เริ่มขึ้นในอาณาจักรฮังการีออสเตรียใน 2414 ด้วยสิ่งพิมพ์ของหลักเศรษฐศาสตร์โดยคาร์ล เมนเกอร์ . สองของนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของออสเตรีย ฟรีดริช เยก ลุดวิก ฟอน และทั้งของผู้ที่ย้ายจากออสเตรียไปยังสหรัฐอเมริกา ในฐานะโรงเรียนออสเตรียกลายเป็นระดับโลก ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ออสเตรียคือการรวมกันขององค์ประกอบหลายทฤษฎีและวิธีการ :1 ) สัจพจน์นิรนัยสร้างบริสุทธิ์สากลเศรษฐกิจทฤษฎี ทฤษฎีทางเศรษฐกิจที่ได้จากสถานที่และองค์ประกอบของการกระทำของมนุษย์ เช่น ขาดแคลน , ไม่ จำกัด ของมนุษย์ ปรารถนา หาทางประหยัดการจัดอันดับจิตจบลงเป็นมากขึ้น หรือสำคัญน้อยกว่า " เวลาที่ต้องการ " แนวโน้มที่จะต้องการมันเร็วแทนที่จะในภายหลัง และข้อเสนอที่มากของอนาคต และความเชื่อเกี่ยวกับเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่แน่นอน , ไม่สามารถจัดความรู้ และไม่ใช่ที่เรียนรู้ได้ล่วงหน้า2 ) การวิเคราะห์ต้นทุน : เมนเจอร์พร้อมกับนักเศรษฐศาสตร์อื่นๆ ของ 1800 หลังพัฒนาทฤษฎีของคนชายขอบ สาธารณูปโภค ความสําคัญของหน่วยพิเศษของสินค้าที่ช่วยกำหนดราคาของตลาด3 ) ในด้านการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ : ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับการกระทำเด็ดเดี่ยวของบุคคลในทางตรงกันข้ามกับ " holism " ซึ่งถือว่าเป็นนิติบุคคลทั้งเศรษฐกิจที่แตกต่างจากส่วนของ4 ) ทฤษฎีของสินค้าทุน ตามคุณสมบัติเฉพาะของพวกเขามากกว่าการรักษาพวกเขาเป็นเพียงสินค้า homogenous , โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับระยะเวลาของการลงทุน และบทบาทของสินค้าทุนที่สัมพันธ์กับการบริโภคขั้นสุดท้ายของพวกเขา และให้กับครัวเรือน5 ) ความเข้าใจแปล : ความเข้าใจเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการตีความ โดยสังเกตจากความตั้งใจของมนุษย์ ดังนั้น วิธีการของวิทยาศาสตร์สังคมไม่สามารถเพียงแค่คัดลอกที่วิทยาศาสตร์ทางกายภาพ6 ) คุณค่าอัตนัย : ค่าทั้งหมดเป็น อัตนัย ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ความสนใจ และการตั้งค่าหัวข้อหลักของทฤษฎีของออสเตรียและการศึกษาประวัติศาสตร์รวมถึง ) ผู้ประกอบการ ; B ) เงินและการธนาคาร ; C ) เวลาโครงสร้างสินค้าทุน ; D ) วงจรธุรกิจ ; E ) พลวัตของตลาดและการสั่งซื้อตามธรรมชาติ ; F ) วิพากษ์วิจารณ์การแทรกแซงของรัฐบาลและแผน ; G ) ความรู้เป็นแบบกระจายอำนาจและไม่อาจเข้าใจถึงกลาง นักวางแผน .นักเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรียได้ประมวล วิเคราะห์ มาร์ก keynesianism และมากเกินไปต่างๆเน้นการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ . กับบทวิจารณ์ของรัฐสังคมนิยมและการแทรกแซงของรัฐในตลาด นักเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรียมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าตลาดได้ดี ทฤษฎีชาวออสเตรียพบว่า การแทรกแซงเป็นภาษี , เงินอุดหนุน , เอกสาร และ ข้อห้าม ซึ่งรบกวน เงียบสงบ และการกระทำของมนุษย์เที่ยงตรง ลดผลผลิตของประเทศและความเป็นอยู่ของมนุษย์ดังนั้น ออสเตรีย เศรษฐศาสตร์จะระบุว่าเป็นโรงเรียนที่ตลาดเสรี แต่เศรษฐศาสตร์ออสเตรีย เช่น ไม่มีลัทธิอคติ . หนึ่งอาจเป็น interventionist โรงเรียนออสเตรียถ้าเชื่อว่าการแทรกแซงของรัฐได้ผลประโยชน์ส่วนตัวที่มากกว่าต้นทุนเศรษฐศาสตร์ออสเตรียจำที่ดินเป็นปัจจัยแตกต่างจากแรงงานและทุน เช่น ที่ดินเป็นสินค้า ไม่ผลิตปัจจัยของอนันต์ ระยะเวลา ออสเตรียและที่ดินได้รับการรวบรวมไว้ในหนังสือ ตลาดเชิงกระบวนการ 16 เล่ม ( 2012 ) ในหนังสือชุด ความก้าวหน้าในทางเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรีย บทของฉัน " ทฤษฎีชาวออสเตรียของพื้นที่ที่ดิน " วิเคราะห์บทบาทของที่ดินในทฤษฎีชาวออสเตรียของวัฏจักรธุรกิจ แค่เป็นเทียมลดอัตราดอกเบี้ย โดยการแทรกแซงของรัฐสร้างการลงทุนที่ยั่งยืนในอาคาร ซึ่งชาวออสเตรีย เรียก " malinvestments " สินเชื่อราคาถูกยังก่อให้เกิด " malspeculation " ในมูลค่าที่ดิน การเติบโตทางเศรษฐกิจสำลักทั้งอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นกลับขึ้นและราคาสูงไม่ยั่งยืน แผ่นดิน ทฤษฎีแนวจอร์จของวัฏจักรธุรกิจ ซึ่งเน้นแลนด์ และออสเตรีย ทฤษฎีที่เน้นเงิน , ดอกเบี้ย , และสินค้าทุนฟรีและบูรณาการของพวกเขามีทฤษฎีชาวออสเตรียที่สมบูรณ์มากขึ้นของวัฏจักรเศรษฐกิจบทอื่น ๆ ในหนังสือเล่มนี้วิเคราะห์พลวัตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ การใช้ความรู้ การใช้ที่ดินรัฐ เมือง agglomoration ( การเมือง ) และเมืองเอง ( ทางเลือกส่วนบุคคลเพื่อเสนอแผนหลัก )นักเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรีย ได้นำทฤษฎีของ " ธนาคารฟรี " การเปลี่ยนการควบคุมธนาคารกลางที่มีการตั้งค่าตลาดเสรีของอัตราดอกเบี้ย และการจัดหาเงิน มีการวิจารณ์ ออสเตรีย วางแผนส่วนกลางบทวิจารณ์ของการแทรกแซงของรัฐบาลออสเตรีย รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับภาษีค่าจ้าง ผลตอบแทนการลงทุน กำไรของผู้ประกอบการ และผลิตสินค้า ทั้งบิดเบือนราคาตลาด และผลกำไรเป็นสัญญาณสำหรับการลงทุน การผลิต และการบริโภค ผลพวงนโยบายคือ สินค้าสาธารณะที่ดีให้กับตลาด เช่น ชุมชนส่วนบุคคลโดยสมัครใจ หรือ ไม่บิดเบือนจากแหล่งรายได้ของประชาชน คือ pollutio