This study investigated the efficac

This study investigated the efficacy of Glomus mosseae and thyme and peppermint oils in controlling
bacterial wilt disease (BW) of tomato caused by Ralstonia solanacearum under in vitro conditions and
under greenhouse and field conditions. In an in vitro study, we tested nine plant oils against
R. solanacearum, and the results demonstrate that only caraway, thyme, peppermint and marjoram oils
inhibited the growth of the BW pathogen with differing degrees, thyme oil caused the highest reduction
of the growth of the pathogen followed by peppermint and the lowest was caraway and marjoram. We
evaluated the effect of thyme and peppermint under greenhouse and field conditions. Under greenhouse
conditions, the thyme treatment exhibited the highest disease reduction percentage followed by the
thyme þ peppermint treatment, while G. mosseae caused the least disease reduction percentage. Under
field experiments, thyme oil treatment exhibited the highest ability to reduce the disease by 94.8 and
97.1% in the 2011 and 2012 growing seasons, respectively, followed by the treatment of thyme
oil þ peppermint oil with the reduction of 89.5 and 82.4%, respectively. G. mosseae exhibited the lowest
percentage of disease reduction; however, it caused a greater yield increase percentage during both of
the tested seasons.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษานี้เป็นการศึกษาประสิทธิภาพของ Glomus mosseae
และโหระพาสะระแหน่และน้ำมันในการควบคุมโรคเหี่ยวจากเชื้อแบคทีเรีย(BW) ของมะเขือเทศที่เกิดจากเชื้อ Ralstonia solanacearum
ภายใต้เงื่อนไขในหลอดทดลองและภายใต้เรือนกระจกและสภาพสนาม ในการศึกษาในหลอดทดลองเราได้ทดสอบเก้าน้ำมันพืชกับอาร์
solanacearum
และผลที่แสดงให้เห็นว่ามีเพียงยี่หร่าโหระพาสะระแหน่และน้ำมันมินท์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคBW
มีองศาที่แตกต่างกันน้ำมันโหระพาที่เกิดจากการลดลงที่สูงที่สุดของการเจริญเติบโตของเชื้อโรคตามด้วยสะระแหน่และต่ำสุดคือยี่หร่าและมินท์ เราประเมินผลกระทบของโหระพาและสะระแหน่ภายใต้เรือนกระจกและสภาพสนาม
ภายใต้เรือนกระจกเงื่อนไขการรักษาโหระพาแสดงโรคร้อยละลดสูงสุดตามด้วยโหระพาสะระแหน่þการรักษาในขณะที่จีmosseae โรคที่เกิดจากการลดลงร้อยละน้อย ภายใต้การทดลองภาคสนามรักษาน้ำมันโหระพาแสดงความสามารถสูงสุดในการลดการเกิดโรคโดย 94.8 และ 97.1% ในปี 2011 และ 2012 ฤดูกาลที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับตามด้วยการรักษาโหระพาน้ำมันþน้ำมันสะระแหน่กับการลด89.5 และ 82.4% ตามลำดับ . G. mosseae แสดงต่ำสุดร้อยละของการลดโรค แต่มันเกิดจากการเพิ่มขึ้นร้อยละผลผลิตมากขึ้นระหว่างทั้งสองฤดูกาลที่ผ่านการทดสอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาประสิทธิภาพของน้ำมันโหระพาและสะระแหน่และ Glomus mosseae
แบคทีเรียในการควบคุมโรคเหี่ยว ( BW ) ของมะเขือเทศที่เกิดจากเชื้อในหลอดทดลองและ ralstonia ภายใต้สภาวะเรือนกระจกและสนาม
ภายใต้เงื่อนไข ในการศึกษาในหลอดทดลอง เราทดสอบเก้าน้ำมันพืชกับ
R . solanacearum และผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นว่า เพียง ยี่หร่า , โหระพา , สะระแหน่และออริกาโนน้ำมัน
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่มีองศาต่างกัน BW , น้ำมันโหระพาทำให้เกิดสูงสุดลด
ของการเจริญเติบโตของเชื้อโรคตามมาด้วยเปปเปอร์มินท์ และน้อยที่สุด คือ ยี่หร่า และต้นมาเจอแรม . เราประเมินผล
ของโหระพาและสะระแหน่ภายใต้เรือนกระจกและสภาพสนาม . ภายใต้สภาวะเรือนกระจก
,การรักษาโดยการลดโรคโหระพาสูงสุดร้อยละตามด้วย
þสะระแหน่โหระพารักษาในขณะที่กรัม mosseae เกิดจากโรคลดลงอย่างน้อยร้อยละ ภายใต้การทดลอง
สนาม , น้ำมันโหระพามีความสามารถสูงสุดในการลดโรค โดย 94.8 และ
97.1 เปอร์เซ็นต์ใน 2011 และ 2012 ฤดูปลูก ตามลำดับ ตามด้วยการรักษาของโหระพา
น้ำมันสะระแหน่ น้ำมันกับþลดลงและลดลง 82.4 ตามลำดับ กรัม mosseae มีเปอร์เซ็นต์ต่ำสุด
ลดโรค อย่างไรก็ตาม มันทำให้มากขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละระหว่างทั้งสอง
ทดสอบฤดู