Theories of successful aging. Theor

Theories of successful aging. Theories of successful aging include the following:


The disengagement theory states that as people age, their withdrawal from society is normal and desirable as it relieves them of responsibilities and roles that have become difficult. This process also opens up opportunities for younger people; society benefits as more‐energetic young people fill the VACATED positions.

The activity theory contends that activity is necessary to maintain a “life of quality,” that is, that one must “use it or lose it” no matter what one's age and that people who remain active in all respects—physically, mentally, and socially—adjust better to the aging process. Proponents of this theory believe that activities of earlier years should be maintained as long as possible.

Ageism. Ageism may be defined as the prejudice or discrimination that occurs on the basis of age. Although it can be used against people of all ages, older people are most frequently its target and it may often result in forced retirement. Stereotyping of the elderly is also an aspect of ageism, as seen in such a statement as “He drives like a little old lady.”

Physical changes. People typically reach the peak of their physical strength and endurance during their twenties and then gradually decline. In later adulthood, a variety of physiological changes may occur, including some degree of atrophy of the brain and a decrease in the rate of neural processes. The respiratory and circulatory systems are less efficient, and changes in the gastrointestinal tract may lead to increased constipation. Bone mass diminishes, especially among women, leading to bone density disorders such as osteoporosis. Muscles become weaker unless exercise programs are followed. The skin dries and becomes less flexible. Hair loss occurs in both sexes. There is also decreased sensitivity in all of the sensory modalities, including olfaction, taste, touch, hearing, and vision.

Cognitive changes. The study of cognitive changes in the older population is complex. Response speeds (neural and motor) have been reported to decline; some researchers believe that age‐related decrease in working memory is the crucial factor underlying poorer performance by the elderly on cognitive tasks.


Intellectual changes in late adulthood do not always result in reduction of ability. While fluid intelligence (the ability to see and to use patterns and relationships to solve problems) does decline in later years, crystallized intelligence (the ability to use accumulated information to solve problems and make decisions) has been shown to rise slightly over the entire life span. K. Warner Schaie and Sherry Willis reported that a decline in cognitive performance could be reversed in 40% to 60% of elderly people who were given remedial training.

Dementias are usually responsible for cognitive defects seen in older people. These disorders, however, occur only in about 15% of people over 65. The leading cause of dementia in the United States is Alzheimer's disease, a progressive, eventually fatal disease that begins with confusion and memory lapses and ends with the loss of ability to care for oneself.

Retirement. Retirement at age 65 is the conventional choice for many people, although some work until much later. People have been found to be happier in retirement if they are not forced to retire before they are ready and if they have enough income to maintain an adequate living standard. Chronic health problems such as arthritis, rheumatism, and hypertension increasingly interfere with the quality of life of most individuals as they age.

Widowhood. Women tend to marry men older than they are and, on average, live 5 to 7 years longer than men. One study found ten times as many widows as widowers. Widowhood is particularly stressful if the death of the spouse occurs early in life; close support of friends, particularly other widows, can be very helpful.

Death and dying. Death and dying has been studied extensively by Elisabeth Kübler‐Ross, who suggested that terminally ill patients display the following five basic reactions.


Denial, an attempt to deny the reality and to isolate oneself from the event, is frequently the first reaction.

Anger frequently follows, as the person envies the living and asks, “Why should I be the one to die?”

Bargaining may occur; the person pleads to God or others for more time.

As the end nears, recognition that death is inevitable and that separation from family will occur leads to feelings of exhaustion, futility, and deep depression.

Acceptance often follows if death is not sudden, and the person finds peace with the inevitable.

People who are dying are sometimes placed in a hospice, a hospital for the terminally ill that attempts to maintain a good quality of life for the patient and the family during the final days. In a predictable pattern after a loved one's death, initial shock is followed by grief, followed by apathy and depression, which may continue for weeks. Support groups and counseling can help in successfully working through this process.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีของความสำเร็จ ทฤษฎีของความสำเร็จมีดังนี้:ทฤษฎี disengagement ระบุว่า เป็นคนอายุ ถอนตนจากสังคมเป็นปกติ และต้องรักษาอาการนั้นความรับผิดชอบและบทบาทที่ได้ยาก กระบวนการนี้ยังเปิดโอกาสสำหรับคนอายุน้อย ผลประโยชน์ของสังคมเป็นคนหนุ่มสาว more‐energetic กรอกตำแหน่ง by savernet" style="border: none !important; display: inline-block !important; text-indent: 0px !important; float: none !important; font-weight: bold !important; height: auto !important; margin: 0px !important; min-height: 0px !important; min-width: 0px !important; padding: 0px !important; text-transform: uppercase !important; text-decoration: underline !important; vertical-align: baseline !important; width: auto !important; background: transparent !important;">VACATEDทฤษฎีกิจกรรม contends ที่ กิจกรรมจำเป็นต้องรักษานั่นคือ "ชีวิตคุณภาพ หนึ่งต้อง"ใช้ หรือสูญเสีย"ไม่เรื่องใดหนึ่งของอายุและคนที่ที่ยังคงใช้งานอยู่ทุกประการ — ร่างกาย จิตใจ และสังคม — ปรับการริ้วรอยดีขึ้น Proponents ของทฤษฎีนี้เชื่อว่า กิจกรรมของปีก่อนหน้านี้ควรจะรักษานานที่สุดAgeism Ageism อาจจะเป็นอคติการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นตามอายุ แม้ว่าจะสามารถใช้กับคนทุกเพศทุกวัย คนเก่าอยู่บ่อยที่สุดของเป้าหมาย และอาจจะส่งผลบังคับเกษียณ ทัศนคติทั่วไปต่อผู้สูงอายุเป็นข้อมูลด้าน ageism เห็นในคำสั่งเป็น "เขาไดรฟ์เช่นผู้หญิงอายุน้อย"การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ คนทั่วไปถึงจุดสูงสุดของแรงกายและความอดทนระหว่างยี่ของพวกเขาของพวกเขาแล้ว ค่อย ๆ ลดลง ในวัยผู้ใหญ่ได้ในภายหลัง ความหลากหลายของการเปลี่ยนแปลงสรีรวิทยาอาจเกิดขึ้น รวมถึงบางส่วนของการฝ่อของสมองและลดลงในอัตราของกระบวนการประสาท ระบบทางเดินหายใจ และระบบไหลเวียนโลหิตมีประสิทธิภาพน้อยลง และการเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาจทำให้ท้องผูกเพิ่มขึ้น กระดูกมวลค่อย ๆ หายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิง นำไปสู่กระดูกความหนาแน่นผิดปกติเช่นโรคกระดูกพรุน กล้ามเนื้อจะแข็งแกร่งเว้นแต่ถูกตามโปรแกรมการออกกำลังกาย ผิวแห้ง และจะมีความยืดหยุ่นน้อย ผมร่วงเกิดขึ้นในทั้งสองเพศ นอกจากนี้ยังมีความไวลดลงทั้ง modalities การรับความรู้สึก olfaction รส สัมผัส ได้ยิน และวิสัยทัศน์รับรู้การเปลี่ยนแปลง การศึกษาการรับรู้การเปลี่ยนแปลงในประชากรสูงอายุมีความซับซ้อน ความเร็วในการตอบสนอง (ประสาท และมอเตอร์) รายงานการลดลง นักวิจัยบางเชื่อว่า age‐related ลดลงในหน่วยความจำทำงานปัจจัยสำคัญต้นย่อมหมายถึงประสิทธิภาพ โดยผู้สูงอายุรับรู้งานเปลี่ยนแปลงทางปัญญาวุฒิสายไม่เสมอส่งผลให้ลดความสามารถในการ ในขณะที่ปัญญาของเหลว (สามารถดู และใช้รูปแบบและความสัมพันธ์เพื่อแก้ปัญหา) ลดลงในปีต่อมา ได้รับการแสดงปัญญาที่ตกผลึก (ความสามารถในการใช้ข้อมูลสะสมเพื่อแก้ปัญหา และการตัดสินใจ) กับการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยช่วงชีวิตทั้งหมด คุณ Schaie วอร์เนอร์และเชอร์รี่ Willis รายงานว่า ปฏิเสธรับรู้ประสิทธิภาพอาจสามารถย้อนกลับไปใน 40% ถึง 60% ของผู้สูงอายุที่ได้รับการฝึกอบรมโครงการDementias มักจะชอบรับรู้ข้อบกพร่องที่เห็นได้ในคนสูงอายุได้ โรคเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เกิดขึ้นในประมาณ 15% ของคนกว่า 65 เท่านั้น สาเหตุโรคสมองเสื่อมในสหรัฐอเมริกาเป็นโรคอัลไซเมอร์ โรคร้ายแรงในที่สุด ก้าวหน้าที่เริ่มต้น ด้วยความสับสนและหน่วยความจำ lapses และจบ ด้วยการสูญเสียความสามารถในการดูแลตนเองเกษียณอายุ เกษียณที่อายุ 65 เป็นตัวเลือกธรรมดาสำหรับหลาย ๆ คน แม้ว่าบางงานจนมากในภายหลัง พบคนให้มีความสุขในการเกษียณอายุ ถ้าพวกเขาถูกบังคับให้ออกก่อนที่จะพร้อม และ ถ้าพวกเขามีรายได้เพียงพอเพื่อรักษามาตรฐานการอยู่อาศัยอย่างเพียงพอ ปัญหาสุขภาพเรื้อรังเช่นข้ออักเสบ rheumatism และความดันโลหิตสูงรบกวนคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่มากขึ้น ตามอายุWidowhood ผู้หญิงมักจะ แต่งงานกับคนเก่า กว่าพวกเขาจะ เฉลี่ย สด 5-7 ปีนานกว่าผู้ชาย การศึกษาหนึ่งพบสิบครั้งเป็นหลายแม่หม้ายเป็น widowers Widowhood จะเครียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการตายของคู่สมรสเกิดขึ้นในช่วงชีวิต สนับสนุนใกล้ชิดเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอื่น ๆ แม่หม้าย ได้ประโยชน์มากความตายและการตาย ความตายและการตายมีการศึกษาอย่างกว้างขวาง โดยเอลิซาเบธ Kübler‐Ross ผู้แนะนำว่า ผู้ป่วยป่วยพฤติกรรมแสดงปฏิกิริยาพื้นฐานห้าต่อไปนี้ปฏิเสธ ความพยายามที่ จะปฏิเสธความเป็นจริง และ จะแยกตัวจากเหตุการณ์ มักเป็นปฏิกิริยาแรกความโกรธบ่อยตาม เป็นผู้อิจฉาทุกชีวิต และ ถาม "ทำไมฉันควรจะได้ตาย"ต่อรองราคาอาจเกิดขึ้น บุคคล pleads กับพระเจ้าหรือผู้อื่นในเวลาเป็นสิ้นสุดใกล้ การรับรู้ที่ความตายหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ ที่จะเกิดขึ้นจากครอบครัวนำไปสู่ความรู้สึกผ่าน อุดมคติ และภาวะซึมเศร้าลึกยอมรับมักจะดังต่อไปนี้ถ้าตายไม่ฉับพลัน และบุคคลพบกับที่หลีกเลี่ยงไม่ได้บางครั้งถูกคนจะตายใน hospice โรงพยาบาลการป่วยพฤติกรรมที่พยายามรักษาคุณภาพชีวิตดีสำหรับผู้ป่วยและครอบครัวในช่วงวันสุดท้าย ในรูปแบบที่ได้หลังจากที่รักของตาย เริ่มต้นไล่ตาม ด้วยความเศร้าโศก ตาม ด้วย apathy และภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจต่อสัปดาห์ กลุ่มสนับสนุนและให้คำปรึกษาสามารถช่วยในการทำงานผ่านขั้นตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีของริ้วรอยที่ประสบความสำเร็จ ทฤษฎีของริ้วรอยที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ : ทฤษฎีหลุดพ้นที่เป็นคนอายุถอนตัวจากสังคมเป็นเรื่องปกติและเป็นที่น่าพอใจเท่าที่จะบรรเทาพวกเขาจากความรับผิดชอบและบทบาทที่ได้กลายเป็นเรื่องยาก กระบวนการนี้ยังเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาว; ผลประโยชน์ของสังคมเป็นคนหนุ่มสาวมากขึ้นพลังเติมตำแหน่งว่าง. กิจกรรมทฤษฎีเชื่อว่ากิจกรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษา "ชีวิตที่มีคุณภาพ" นั่นคือหนึ่งต้อง "ใช้มันหรือเสียมัน" ไม่ว่าสิ่งที่อายุของคนและว่า คนที่ยังคงใช้งานในทุกประการ-ทางร่างกายจิตใจและสังคมที่ดีกว่าที่จะปรับกระบวนการชรา ผู้เสนอทฤษฎีนี้เชื่อว่ากิจกรรมของปีก่อนหน้านี้ควรได้รับการรักษาเป็นเวลานานที่สุด. Ageism ageism อาจจะกำหนดเป็นอคติหรือการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของอายุ แม้ว่าจะสามารถนำมาใช้กับคนทุกเพศทุกวัยผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่บ่อยเป้าหมายและมันมักจะอาจส่งผลให้การเกษียณอายุบังคับ เวสต์ของผู้สูงอายุยังเป็นลักษณะของ ageism เท่าที่เห็นในคำสั่งดังกล่าวว่า "เขาขับรถเหมือนหญิงชราร่างเล็ก." การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ คนมักจะถึงจุดสูงสุดของความแข็งแรงทางกายภาพของพวกเขาและความอดทนในช่วงกลางของพวกเขาแล้วค่อยๆลดลง ในวัยต่อมาความหลากหลายของการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาอาจเกิดขึ้นรวมถึงในระดับหนึ่งของการฝ่อของสมองและการลดลงของอัตราการกระบวนการของระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจและการไหลเวียนโลหิตที่มีประสิทธิภาพน้อยลงและการเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหารอาจนำไปสู่อาการท้องผูกที่เพิ่มขึ้น มวลกระดูกลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิงที่นำไปสู่ความผิดปกติของความหนาแน่นของกระดูกเช่นโรคกระดูกพรุน กล้ามเนื้ออ่อนแอลงเว้นแต่โปรแกรมการออกกำลังกายมีการปฏิบัติตาม ผิวแห้งและจะกลายเป็นความยืดหยุ่นน้อยลง ผมร่วงที่เกิดขึ้นในทั้งสองเพศ นอกจากนี้ยังมีความไวลดลงในทุกประสาทสัมผัสรังสีรวมทั้งกลิ่นรสสัมผัสการได้ยินและวิสัยทัศน์. การเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้ การศึกษาการเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้ในประชากรที่มีอายุมากกว่าที่มีความซับซ้อน ความเร็วในการตอบสนอง (ประสาทและมอเตอร์) ได้รับรายงานว่าจะลดลง; นักวิจัยบางคนเชื่อว่าการลดลงที่เกี่ยวข้องกับอายุในหน่วยความจำในการทำงานเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐานที่ด้อยประสิทธิภาพโดยผู้สูงอายุในงานองค์ความรู้. การเปลี่ยนแปลงทางปัญญาในวัยปลายไม่เคยมีผลในการลดลงของความสามารถ ในขณะที่หน่วยสืบราชการลับของเหลว (ความสามารถในการมองเห็นและการใช้รูปแบบและความสัมพันธ์ในการแก้ปัญหา) จะลดลงในปีต่อมาปัญญาตกผลึก (ความสามารถในการใช้ข้อมูลที่สะสมในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ) ได้รับการแสดงที่จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงชีวิตทั้งหมด ระยะ วอร์เนอร์เค Schaie และเชอร์รี่วิลลิสรายงานว่าการลดลงในการปฏิบัติงานองค์ความรู้อาจจะมีการกลับรายการใน 40% ถึง 60% ของผู้สูงอายุที่ได้รับการฝึกอบรมแก้ไข. dementias มักจะมีความรับผิดชอบในการองค์ความรู้ข้อบกพร่องที่เห็นในผู้สูงอายุ ความผิดปกติเหล่านี้ แต่เกิดขึ้นเฉพาะในประมาณ 15% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 สาเหตุของภาวะสมองเสื่อมในสหรัฐอเมริกาเป็นโรคอัลไซเมก้าวหน้าโรคร้ายแรงในที่สุดที่เริ่มต้นด้วยความสับสนและนาคหน่วยความจำและจบลงด้วยการสูญเสียความสามารถในการ ดูแลตัวเอง. เกษียณอายุ วัยเกษียณที่อายุ 65 เป็นทางเลือกที่ธรรมดาสำหรับคนจำนวนมากแม้ว่าจะทำงานบางอย่างจนกระทั่งต่อมา คนที่ได้รับพบว่ามีความสุขในวัยเกษียณถ้าพวกเขาไม่ได้บังคับให้ออกไปก่อนที่พวกเขามีความพร้อมและถ้าพวกเขามีรายได้เพียงพอที่จะรักษามาตรฐานความเป็นอยู่อย่างพอเพียง ปัญหาสุขภาพเรื้อรังเช่นโรคไขข้ออักเสบและความดันโลหิตสูงมากขึ้นยุ่งเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ที่พวกเขาอายุ. ม่าย ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่มีอายุมากกว่าที่พวกเขาและโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ถึง 7 ปีนานกว่าผู้ชาย ผลการศึกษาพบสิบครั้งเป็นแม่ม่ายมากที่สุดเท่าที่หม้าย ม่ายเครียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการตายของคู่สมรสที่เกิดขึ้นในช่วงต้นชีวิต; การสนับสนุนอย่างใกล้ชิดของเพื่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ม่ายอื่น ๆ จะมีประโยชน์มาก. ตายและตาย ความตายและตายได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางโดยอลิซาเบKübler-รอสส์ที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ป่วยที่ป่วยหนักแสดงปฏิกิริยาต่อไปนี้ห้าขั้นพื้นฐาน. ปฏิเสธความพยายามที่จะปฏิเสธความเป็นจริงและการที่จะแยกตัวเองจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบ่อยปฏิกิริยาแรก. ความโกรธบ่อย ต่อไปนี้เป็นคนที่อิจฉานั่งเล่นและถามว่า "ทำไมฉันควรจะเป็นหนึ่งที่จะตายได้หรือไม่" การเจรจาต่อรองอาจเกิดขึ้น; คนขอร้องให้กับพระเจ้าหรือคนอื่น ๆ สำหรับเวลามากขึ้น. ในฐานะที่เป็นจุดสิ้นสุดตอนจบได้รับการยอมรับว่าการตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงและการแยกจากครอบครัวที่จะเกิดขึ้นจะนำไปสู่ความรู้สึกของความอ่อนเพลียไม่ได้ผลและภาวะซึมเศร้าลึก. ยอมรับมักจะดังต่อไปนี้ถ้าตายไม่ได้เป็นอย่างฉับพลันและ คนที่พบความสงบสุขกับสิ่งที่หลีกเลี่ยง. คนที่กำลังจะตายจะถูกวางไว้ในบางครั้งที่บ้านพักรับรอง, โรงพยาบาลป่วยหนักที่พยายามที่จะรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้ป่วยและครอบครัวในช่วงวันสุดท้าย ในรูปแบบคาดการณ์หลังจากการตายของรักหนึ่งของช็อตเริ่มต้นตามด้วยความเศร้าโศกตามด้วยความไม่แยแสและภาวะซึมเศร้าซึ่งอาจดำเนินต่อสัปดาห์ กลุ่มสนับสนุนและให้คำปรึกษาสามารถช่วยในการประสบความสำเร็จในการทำงานผ่านกระบวนการนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีของริ้วรอยที่ประสบความสำเร็จ ทฤษฎีของริ้วรอยที่ประสบความสำเร็จรวมถึงต่อไปนี้ :


ผู้นำทฤษฎีระบุว่า เป็นคนอายุ การถอนเงินจากสังคมเป็นปกติ และคุณลักษณะที่เป็นบรรเทาพวกเขา ความรับผิดชอบ และบทบาทที่ได้กลายเป็นยาก กระบวนการนี้ยังเปิดโอกาสให้คนน้องสังคมได้รับประโยชน์เป็น‐เพิ่มเติมพลังคนหนุ่มสาวเติมถอนตำแหน่ง

ทฤษฎีการระบุกิจกรรมที่จำเป็นเพื่อรักษาชีวิต " คุณภาพ " ซึ่งก็คือหนึ่งที่ต้อง " ใช้มันหรือเสียมัน " ไม่ว่าสิ่งที่อายุและผู้ที่ยังคงใช้งานในทุกด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมดีขึ้นปรับกระบวนการชราผู้เสนอทฤษฎีนี้เชื่อว่ากิจกรรมของปีก่อนหน้านี้ที่ควรรักษาไว้ให้นานที่สุด

ageism . ageism อาจจะหมายถึงอคติหรือการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของอายุ แม้ว่ามันจะสามารถใช้ได้กับคนทุกวัย ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักเป้าหมาย และอาจส่งผลให้บ่อยครั้งในบังคับให้เกษียณstereotyping ของผู้สูงอายุยังเป็นลักษณะของ ageism ที่เห็นเช่นข้อความเป็น " เขาขับรถเหมือนเมียน้อย "

การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ . คนเรามักจะถึงจุดสูงสุดของความแข็งแรงทางกายภาพและความทนทานในระหว่างอายุยี่สิบกว่าๆ แล้วค่อย ๆ ลดลง ในภายหลัง adulthood , ความหลากหลายของการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา อาจเกิดขึ้นได้รวมทั้งบางส่วนของการเสื่อมของสมอง และลดอัตราของกระบวนการประสาท ระบบการหายใจและการไหลเวียนโลหิตมีประสิทธิภาพน้อยลง และการเปลี่ยนแปลงในทางเดินอาหารอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอาการท้องผูก มวลกระดูกลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิง ทำให้เกิดความผิดปกติของความหนาแน่นของกระดูก เช่น กระดูกพรุน กล้ามเนื้ออ่อนแอลง นอกจากการออกกำลังกาย มีการปฏิบัติตามผิวหนังแห้งและกลายเป็นความยืดหยุ่นน้อยลง การสูญเสียเส้นผมที่เกิดขึ้นในทั้งสองเพศ มีความไวในการลดลงของ modalities และ , รวมทั้งกลิ่น รส สัมผัส มองเห็น ได้ยิน และ

การรับรู้การเปลี่ยนแปลง ศึกษาการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ในประชากรสูงอายุ เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ความเร็วในการตอบสนอง ( ประสาท และมอเตอร์ ) มีรายงานว่าได้ปฏิเสธนักวิจัยบางคนเชื่อว่าอายุที่เกี่ยวข้องกับการลดลง‐ทำงานเป็นปัจจัยสําคัญถึงประสิทธิภาพยากจนโดยผู้สูงอายุในงานรับรู้


ทางปัญญา การเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยผู้ใหญ่ไม่ผลเสมอในการลดลงของความสามารถ ในขณะที่หน่วยสืบราชการลับของเหลว ( ความสามารถในการมองเห็นและใช้รูปแบบและความสัมพันธ์ที่จะแก้ปัญหา ) จะลดลงใน ปีต่อมาตกผลึกข่าวกรอง ( ความสามารถในการใช้ข้อมูลที่สะสมเพื่อแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ) ได้แสดงการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกว่าช่วงชีวิตทั้งหมด K . วอร์เนอร์ schaie และเชอร์รี่ วิลลิสรายงานว่าลดลงในประสิทธิภาพการรับรู้สามารถย้อนกลับได้ใน 40 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้สูงอายุที่ได้รับการซ่อมเสริม .

dementias มักจะรับผิดชอบรับรู้ข้อบกพร่องที่เห็นในผู้สูงอายุ ความผิดปกติเหล่านี้ แต่เกิดขึ้นเพียงประมาณ 15 % ของคนมากกว่า 65 . สาเหตุของภาวะสมองเสื่อมในสหรัฐอเมริกาคือโรค ก้าวหน้า ในที่สุดโรคร้ายแรงที่เริ่มต้นด้วยความสับสนเลอะเลือน และจบลงด้วยการสูญเสียความสามารถในการดูแลตนเอง

ตอนเกษียณเกษียณที่อายุ 65 เป็นทางเลือกทั่วไปสำหรับหลายคน แต่บางงานนั้น คนได้รับการพบเพื่อมีความสุขในวัยเกษียณ ถ้าพวกเขาจะไม่บังคับให้ออกจากงานก่อนที่พวกเขาพร้อมและถ้าพวกเขาจะมีรายได้เพียงพอที่จะรักษามาตรฐานการใช้ชีวิตที่พอเพียง ปัญหาสุขภาพเรื้อรังเช่นโรคไขข้อ , โรคไขข้อ ,และความดันโลหิตสูงมากขึ้นรบกวนคุณภาพชีวิตของบุคคลส่วนใหญ่ ตามอายุ

ม่าย . ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่อายุมากกว่าพวกเขาและโดยเฉลี่ยมากกว่าผู้ชายอยู่ 5 ถึง 7 ปี หนึ่งการศึกษาพบว่าหลายสิบเท่า เป็นพ่อหม้ายแม่หม้าย . ม่ายเครียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการตายของคู่สมรสเกิดขึ้นในช่วงต้นชีวิต ; ปิดการสนับสนุนของเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะอื่น ๆได้ประโยชน์มาก

ความตายและการตาย ความตายและการตายได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง โดยเอลิซาเบธ K ü bler ‐รอส แนะนำให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายแสดงห้าปฏิกิริยาพื้นฐานดังต่อไปนี้


การปฏิเสธความพยายามที่จะปฏิเสธความจริงและเพื่อแยกตนเองจากเหตุการณ์บ่อย ปฏิกิริยาแรก

โกรธบ่อย ดังนี้ เป็นคนที่น่าอิจฉาอยู่และถามว่า" ทำไมฉันต้องเป็นคนเดียวที่ตาย "

ต่อรองอาจเกิดขึ้น บุคคลที่ อ้อนวอนพระเจ้า หรืออื่น ๆสำหรับเวลามากขึ้น

จบไปเมื่อรับรู้ว่าตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการแยกจากครอบครัวจะเกิดขึ้นนำไปสู่ความรู้สึกเหนื่อยอ่อน ไร้ประโยชน์ และลึก depression .

ยอมรับมักจะตามมา ถ้าตายไม่ได้กระทันหัน และคนที่พบ สันติภาพกับหลีกเลี่ยงไม่ได้ .

คนที่กำลังจะตาย บางทีก็อยู่ในโรงพยาบาล โรงพยาบาลเพราะป่วยหนักที่พยายามที่จะรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยและครอบครัวในวันสุดท้าย ในรูปแบบที่คาดเดาได้ หลังจากรักหนึ่งตาย เบื้องต้น ก็คือ ตามด้วยความเศร้าโศก ตามมาด้วยอารมณ์และภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจดำเนินการต่อสัปดาห์กลุ่มสนับสนุนและให้คำปรึกษาสามารถช่วยได้ทำงานผ่านกระบวนการนี้