The CFS of all of the LAB strains a

The CFS of all of the LAB strains assayed showed antilisteria activity on LM1. By comparison, some strains showed a lower antagonistic effect while others showed none when LAB supernatants were neutralized. These results agree with those recently reported by Aguilar and Klotz (2010). They reported antimicrobial activity of CFS from Lactobacillus species and found a higher inhibitory effect with untreated supernatants, as compared to neutralized supernatants. Similar findings were obtained by Sica et al. (2010), who stated that all CFS from LAB showed antimicrobial activity on L. monocytogenes, and only some supernatants maintained their inhibitory activity after being neutralized with 5 N
sodium hydroxide. The authors explained that the loss of antimicrobial activity after neutralizing the supernatant was due to the fact that the strainswere only capable of producing organic acids. In contrast, Botina et al. (2008) found that the supernatants of 11 LAB did not show antimicrobial activity on L. monocytogenes when tested by the well diffusion method. Also, Mezaini et al. (2009) demonstrated that only 2 LAB supernatants inhibited the growth of the pathogen. In a recent study with lactic bacteria from fish, Marguet et al. (2011) showed that 7 of 74 CFS (9.45%) presented
antilisterial activity. While the percentage found by these authors is very low, our results are in agreement because CFS of some strains maintained their activity on Listeria spp. after being neutralized. In conclusion, the isolation of lactic acid bacteria with antilisterial activity from brewer's grains is promising based on their
capacity to produce antimicrobial compounds and not only organic acids. The production of antimicrobial metabolites by LAB in the substrate would generate an unfavorable environment for the growth of the pathogenic bacterium under study. Further studies
are needed in order to determine the potential efficacy of these bacteria as antilisterial agents.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

CFS ของสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการที่ assayed เห็นกิจกรรม antilisteria ใน LM1 โดยการเปรียบเทียบ บางสายพันธุ์แสดงผลต่อต้านต่ำกว่าในขณะที่อื่น ๆ พบว่าไม่มีเมื่อถูก neutralized supernatants ห้องปฏิบัติการ ผลลัพธ์เหล่านี้ตรงกับรายงานล่าสุด โดย Aguilar และ Klotz (2010) พวกเขารายงานกิจกรรมจุลินทรีย์ของ CFS จากสายพันธุ์แลคโตบาซิลลัส และพบผลลิปกลอสไขสูง ด้วย supernatants ไม่ถูกรักษา เมื่อเทียบกับ neutralized supernatants ผลการวิจัยที่คล้ายคลึงกันได้รับมาโดย Sica et al. (2010), ซึ่งระบุว่า CFS ทั้งหมดจากห้องปฏิบัติการพบว่ากิจกรรมจุลินทรีย์ใน L. monocytogenes และบาง supernatants รักษากิจกรรมของลิปกลอสไขหลังจากถูก neutralized กับ 5 Nโซเดียมไฮดรอกไซด์ ผู้เขียนอธิบายว่า ขาดทุนของกิจกรรมจุลินทรีย์หลังจาก neutralizing supernatant ถูกเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า strainswere เท่านั้นสามารถผลิตกรดอินทรีย์ ในทางตรงกันข้าม Botina et al. (2008) พบว่า supernatants 11 ห้องปฏิบัติการไม่ได้แสดงกิจกรรมจุลินทรีย์ใน L. monocytogenes เมื่อทดสอบ โดยวิธีการแพร่ดี ยัง Mezaini et al. (2009) แสดงว่า 2 LAB supernatants ห้ามการเจริญเติบโตของการศึกษา ในการศึกษาล่าสุดกับแบคทีเรียแล็กติกจากปลา Marguet et al. (2011) พบว่า 7 74 CFS (9.45%) นำเสนอantilisterial กิจกรรมการ ในขณะที่เปอร์เซ็นต์ที่พบเหล่านี้ผู้เขียนจะต่ำมาก ผลของเราจะตกลง เพราะ CFS ของบางสายพันธุ์รักษากิจกรรมของพวกเขาในออลิโอหลังจากถูก neutralized เบียดเบียน การแยกแบคทีเรียกรดแลกติกกับกิจกรรม antilisterial จากธัญพืชของ brewer แจ่มตามของพวกเขากำลังการผลิตในการผลิตสารต้านจุลชีพและกรดอินทรีย์ที่ไม่เท่ากัน การผลิตของ metabolites จุลินทรีย์จากห้องปฏิบัติการในพื้นผิวจะสร้างเป็นสภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอุบัติภายใต้การศึกษา ศึกษาเพิ่มเติมมีความจำเป็นเพื่อกำหนดประสิทธิภาพศักยภาพของแบคทีเรียเหล่านี้เป็นตัวแทน antilisterial

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

CFS ทั้งหมดของสายพันธุ์ LAB assayed แสดงให้เห็นว่ากิจกรรม LM1 antilisteria โดยเปรียบเทียบบางสายพันธุ์พบว่ามีผลกระทบเป็นศัตรูที่ต่ำกว่าในขณะที่คนอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่าไม่มีเมื่อ supernatants LAB ถูกเป็นกลาง ผลลัพธ์เหล่านี้ผู้ที่เห็นด้วยกับรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยอากีลาร์และ Klotz (2010) พวกเขาได้รายงานฤทธิ์ต้านจุลชีพของ CFS จากสายพันธุ์แลคโตบาซิลลัสและพบว่าผลการยับยั้งที่สูงขึ้นกับ supernatants ได้รับการรักษาเมื่อเทียบกับ supernatants เป็นกลาง การค้นพบที่คล้ายกันที่ได้จากสิก้าและคณะ (2010) ที่ระบุไว้ว่า CFS จาก LAB มีฤทธิ์ต้านจุลชีพใน L. monocytogenes และมีเพียงบางส่วนที่ยังคง supernatants ยับยั้งของพวกเขาหลังจากที่ถูกเป็นกลางกับ 5 N
โซดาไฟ ผู้เขียนอธิบายว่าการสูญเสียของฤทธิ์ต้านจุลชีพหลังจาก neutralizing ใสเป็นผลมาจากความจริงที่ว่า strainswere เท่านั้นที่มีความสามารถในการผลิตกรดอินทรีย์ ในทางตรงกันข้าม Botina และคณะ (2008) พบว่า supernatants 11 LAB ไม่ได้แสดงฤทธิ์ต้านจุลชีพใน L. monocytogenes เมื่อทดสอบด้วยวิธีการแพร่กระจายได้ดี นอกจากนี้ Mezaini และคณะ (2009) แสดงให้เห็นว่ามีเพียง 2 supernatants LAB ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ในการศึกษาล่าสุดที่มีเชื้อแบคทีเรียแลคติกจากปลา Marguet และคณะ (2011) แสดงให้เห็นว่า 7 จาก 74 CFS (9.45%) นำเสนอ
กิจกรรม antilisterial ในขณะที่ร้อยละพบโดยนักเขียนเหล่านี้อยู่ในระดับต่ำมากผลของเราอยู่ในข้อตกลงเพราะ CFS ของบางสายพันธุ์ยังคงกิจกรรมของพวกเขาใน Listeria spp หลังจากที่ถูกเป็นกลาง โดยสรุปการแยกของแบคทีเรียกรดแลคติกที่มีกิจกรรม antilisterial จากธัญพืชของผู้ผลิตเบียร์มีแนวโน้มของพวกเขาขึ้นอยู่กับ
ความสามารถในการผลิตสารต้านจุลชีพและไม่เพียง แต่กรดอินทรีย์ การผลิตของสารต้านจุลชีพโดย LAB ในพื้นผิวที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคภายใต้การศึกษา การศึกษาเพิ่มเติม
มีความจำเป็นในการที่จะตรวจสอบการรับรู้ความสามารถที่มีศักยภาพของแบคทีเรียเหล่านี้เป็นตัวแทน antilisterial

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โฆษณาทั้งหมดของห้องปฏิบัติการ พบกิจกรรม antilisteria ซีรั่มสายพันธุ์ใน lm1 . โดยการเปรียบเทียบ , บางสายพันธุ์ พบต่ำกว่าปฏิปักษ์ผลขณะที่คนอื่นพบไม่มีแล็บ supernatants เมื่อถูกตรวจสอบแล้ว ผลลัพธ์เหล่านี้เห็นด้วยกับผู้ที่เพิ่งรายงานโดย Aguilar กับคล็อตส์ ( 2010 )พวกเขารายงานฤทธิ์ต้านจุลชีพของโฆษณาจากแลคโตบาซิลลัสสายพันธุ์ และพบว่าสูงกว่าผลดิบ supernatants , เมื่อเทียบกับปกติ supernatants . ผลที่คล้ายกันได้รับจากกา et al . ( 2010 ) ที่ระบุว่า โฆษณาทั้งหมดจากห้องปฏิบัติการพบว่าฤทธิ์ต้านจุลชีพใน monocytogenes ลิตร ,และเพียง supernatants บางอย่างรักษากิจกรรมการยับยั้งของพวกเขาหลังจากที่ถูกดับลงด้วย 5 N
โซเดียม ไฮดรอกไซด์ ผู้เขียนอธิบายว่า การสูญเสียฤทธิ์ต้านจุลชีพหลังจาก neutralizing สูงเนื่องจากความจริงที่ว่าคือเพียงสามารถผลิตกรดอินทรีย์ ในทางตรงกันข้าม botina et al .( 2551 ) พบว่า supernatants 11 แล็บไม่แสดงฤทธิ์ต้านจุลชีพต่อลิตร monocytogenes เมื่อทดสอบโดยดีกระจายวิธีการ นอกจากนี้ mezaini et al . ( 2009 ) พบว่า มีเพียง 2 ห้อง supernatants ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ในการศึกษาล่าสุดโดยแบคทีเรียแลคติกจากปลา marguet et al . ( 2011 ) พบว่า 7 จาก 74 CFS ( 9.45 บาท ) นำเสนอกิจกรรม antilisterial
.ในขณะที่ร้อยละที่พบโดยผู้เขียนเหล่านี้จะต่ำมากผลของเราจะอยู่ในข้อตกลง เพราะโฆษณาบางสายพันธุ์ที่ดูแลกิจกรรมของ Listeria spp . หลังจากการตรวจสอบแล้ว สรุป การคัดแยกแบคทีเรียกรดแลคติกที่มี antilisterial นำกิจกรรมจากธัญพืชมีแนวโน้มตามศักยภาพในการผลิตสารต้านจุลชีพ
และไม่เพียง แต่กรดอินทรีย์การผลิตสารต้านจุลชีพจากแล็บในพื้นผิวจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แบคทีเรียภายใต้การศึกษา
มีการศึกษาเพิ่มเติมที่จำเป็นในการตรวจสอบประสิทธิภาพ ศักยภาพของแบคทีเรียเหล่านี้เป็น antilisterial ตัวแทน