Over the past few years different c

Over the past few years different clinical trials have demonstrated conflicting results related to the glucose lowering effects of cinnamon.4,26 Current guidelines for the treatment of diabetes recommend maintaining normal or near normal glycaemia at an HbA1c level of

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผ่านมา ไม่กี่ปีต่างทดลองได้แสดงให้เห็นผลความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับกลูโคสที่ลดผลกระทบของ cinnamon.4,26 ปัจจุบันแนวทางในการรักษาโรคเบาหวานแนะนำที่รักษาปกติ หรือ ใกล้ปกติ glycaemia ที่ระดับ HbA1c ของ < .27,28 7% นี้แสดงให้เห็นว่า ในดีควบคุมผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (HbA1c ของ < 7%) ผลการดื่ม HbA1c อาจจะต่ำได้ อาจเป็นเหตุผลที่ทำไมครอว์ฟอร์ด (2009) 25 และ Akilen et al ศึกษา 26 แสดงให้เห็นการสำคัญลด HbA1c ในกลุ่มอบเชย เป็นพื้นฐานของ HbA1c คือประมาณmore than 8.2% (Fig. 3). Other RCTs2,4,5 did not demonstrated a significant reduction in HbA1c in the cinnamon group, as their baseline HbA1c was well controlled and ranged approximately from 6.8 to 7.1% (Fig. 3). Therefore,we suspect that it ismost likely that the therapeutic dose of cinnamon may depend upon the subjects’ baseline HbA1c rather than there being a significant dose-dependent effect (Fig. 3). In contrast, studies conducted with pre diabetes men and women8 reported an 8.4%reduction in FPGin subjects with mean baseline FPG of 6.46mmol/l and treated with 10 g of cinnamon. This illustrates that even higher cinnamon doses may bring about a significant reduction in blood glucose (P < 0.01) in subjects with lower baseline FPG, and suggests a possible relationship between baseline FPG or HbA1c, dose of cinnamon and % reduction in glycaemic levels which might be tested in future studies. However, our main question is the tolerability and compliance of high dose of cinnamon along with anti diabetic medication and these needs to be studied further. Furthermore, the effects of cinnamon on blood glucose levels differ by population (ethnicity), their habitual diet, BMI, baseline glucose levels and dose of cinnamon,4 and further studies are necessary to address these facts. Cinnamon also reported to delay gastric emptying,20 this may reduce postprandial glucose (PPG) and HbA1c levels in type 2 diabeticผู้ป่วย มันได้เกิดว่า ที่ปริมาณบาง อบเชยสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ว่ามีผลการรักษาที่ยั่งยืนเมื่อความต้านทานต่ออินซูลินและความไวแสง กับสัญญาการปรับปรุง พยาธิสรีรวิทยาของโรคเบาหวานต้องการตรวจสอบระยะยาว หากมีความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพอบเชยและพื้นฐานระดับฟพีหรือ HbA1c หรือจำกัดในอินซูลินถูกดูดซึมกลูโคสอบเชยใช้เซลลูลาร์ มันอาจจะตั้งสมมติฐานว่า ผลประโยชน์ต้าน hyperglycaemic ผ่าน emptying20 ในกระเพาะอาหารที่ล่าช้า และลดการดูดซึมกลูโคสในวิชา กับระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือน้อย กว่าความต้านทานต่ออินซูลิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการทดลองทางคลินิกที่แตกต่างกันได้แสดงให้เห็นผลที่ขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลในการลดผลกระทบของแนวทางปฏิบัติในปัจจุบัน cinnamon.4,26 สำหรับการรักษาโรคเบาหวานแนะนำการบำรุงรักษาตามปกติหรือใกล้ glycaemia ปกติในระดับ HbA1c ของ <7% .27,28 นี้แสดงให้เห็นว่าในประเภทที่ 2 ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมได้ดี (HbA1c ของ <7%) ผลกระทบของอบเชยในระดับ HbA1c อาจจะเป็นขั้นต่ำ นี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมครอว์ฟ (2009) 25 และ Akilen et al, 26 การศึกษาแสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระดับ HbA1c ในกลุ่มอบเชยเป็น HbA1c พื้นฐานของพวกเขาอยู่ที่ประมาณ
กว่า 8.2% (รูปที่. 3) RCTs2,4,5 อื่น ๆ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระดับ HbA1c ในกลุ่มอบเชยเป็น HbA1c พื้นฐานของพวกเขาถูกควบคุมอย่างดีและอยู่ในช่วงประมาณ 6.8-7.1% (รูปที่. 3) ดังนั้นเราจึงสงสัยว่ามัน ismost ไปได้ว่ายารักษาโรคของอบเชยอาจขึ้นอยู่กับระดับ HbA1c พื้นฐานวิชามากกว่าการมีผลขึ้นอยู่กับปริมาณที่มีนัยสำคัญ (รูปที่. 3) ในทางตรงกันข้ามการศึกษาดำเนินการกับคนที่เป็นโรคเบาหวานก่อนและ women8 รายงานการลดลง 8.4% ในวิชาที่มีค่าเฉลี่ย FPGin พื้นฐานของ FPG 6.46mmol / ลิตรและรับการรักษาด้วย 10 กรัมอบเชย นี้แสดงให้เห็นว่าปริมาณอบเชยสูงขึ้นอาจนำมาซึ่งการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระดับน้ำตาลในเลือด (p <0.01) ในวิชาที่มีต่ำกว่าพื้นฐาน FPG และแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้ระหว่าง FPG พื้นฐานหรือ HbA1c, ปริมาณของอบเชยและ% ลดระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งอาจ ได้รับการทดสอบในการศึกษาในอนาคต แต่คำถามหลักของเราคือความทนต่อยาและการปฏิบัติของปริมาณสูงของอบเชยพร้อมกับยาป้องกันโรคเบาหวานและความต้องการเหล่านี้ต้องมีการศึกษาต่อไป นอกจากนี้ผลกระทบของอบเชยกับระดับน้ำตาลในเลือดที่แตกต่างกันโดยประชากร (เชื้อชาติ) อาหารเป็นนิสัยของพวกเขาดัชนีมวลกายระดับน้ำตาลในพื้นฐานและปริมาณของอบเชย, 4 และการศึกษาต่อไปเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อรับมือกับข้อเท็จจริงเหล่านี้ อบเชยยังมีรายงานที่จะชะลอการล้างกระเพาะอาหาร 20 นี้อาจจะช่วยลดระดับน้ำตาลในภายหลังตอนกลางวัน (PPG) และระดับ HbA1c ในเบาหวานชนิดที่ 2
ผู้ป่วย มันได้โผล่ออกมาว่าที่ยาบางอย่างอบเชยสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ไม่ว่าจะมีผลการรักษาที่ยั่งยืนบนความต้านทานต่ออินซูลินและความไวกับสัญญาว่าจะปรับปรุงพยาธิสรีรวิทยาของโรคเบาหวานต้องสอบสวนในระยะยาวต่อไป หากมีความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถของอบเชยและพื้นฐาน FPG หรือระดับ HbA1c หรือถ้าโทรศัพท์มือถืออบเชยเปิดใช้งานการดูดซึมกลูโคสมีข้อ จำกัด ในการปรากฏตัวของอินซูลินก็อาจจะตั้งสมมติฐานว่าประโยชน์ต่อต้าน hyperglycaemic ผ่านล่าช้า emptying20 ในกระเพาะอาหารและลดการดูดซึมกลูโคสใน วิชาที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าหรือน้อยกว่าความต้านทานต่ออินซูลิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา การทดลองทางคลินิกได้แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันที่เกี่ยวข้องกับกลูโคส ลดผลของอบเชย 4,26 แนวทางในปัจจุบันเพื่อการรักษาโรคเบาหวานแนะนำการรักษาปกติหรือใกล้ปกติในระดับ glycaemia ตาลของ < 7% 27,28 นี้ชี้ให้เห็นว่าในดีควบคุม ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ( 1 ) ของ < 7 % ) ผลของการใช้ยาอาจจะเชยในน้อยที่สุด นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำไม ครอว์ฟอร์ด ( 2009 ) และ akilen et al , 26 การศึกษาแสดงให้เห็นในผลลดลงในกลุ่มมัสมั่น เป็นฐานพัฒนาประมาณมากกว่าร้อยละ 8.2 ( รูปที่ 3 ) rcts2,4,5 อื่นที่ไม่ได้แสดงในผลลดลงในกลุ่มมัสมั่น เป็นฐานพัฒนาได้ดีควบคุม และมีค่าประมาณจาก 6.8 ถึง 7.1% ( รูปที่ 3 ) ดังนั้นเราจึงสงสัยว่ามัน ismost มีแนวโน้มว่าปริมาณการรักษาของอบเชยอาจขึ้นอยู่กับวิชาพื้นฐาน พัฒนามากกว่า มีรายงานผล ( รูปที่ 3 ) ในทางตรงกันข้าม การศึกษามีโรคเบาหวานก่อนชายและ women8 รายงาน 8.4 % ลด fpgin วิชาที่มีค่าเฉลี่ยพื้นฐานของ 6.46mmol/l กระตุ้นและรักษาด้วย 10 กรัม อบเชย นี้แสดงให้เห็นว่าปริมาณอบเชยสูงขึ้นอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ( P < 0.01 ) ในระดับล่าง ( FPG และชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้ระหว่างพื้นฐาน FPG หรือตาล ปริมาณของอบเชยและการลดระดับ ไกลซีมิก ซึ่งอาจจะมีการทดสอบในการศึกษาในอนาคต อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของเราคือความทนทานและสอดคล้องของปริมาณสูงของอบเชยพร้อมกับเบาหวานต่อต้านยา และความต้องการเหล่านี้ต้องศึกษาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผลของอบเชยในระดับน้ำตาลในเลือดแตกต่างกัน โดยประชากร ( ชาติพันธุ์ ) , นิสัยอาหาร ค่าพื้นฐานของระดับกลูโคสและปริมาณ อบเชย , 4 และศึกษาเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่อยู่ ข้อเท็จจริงเหล่านี้ อบเชยยังมีรายงานการล้างกระเพาะอาหาร 20 นี้อาจลดระดับกลูโคสหลังอาหาร ( PPG ) และตาลในเบาหวานชนิดที่ 2ผู้ป่วย มันมีข่าวออกมาว่า ในขนาดบาง อบเชยสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ไม่ว่าจะมีการต้านทานอินซูลินและยั่งยืนมีผลต่อความไว กับสัญญาว่าจะปรับปรุงพยาธิสรีรวิทยาของโรคเบาหวานต้องสืบสวนต่อไปในระยะยาว ถ้าไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพและออกฤทธิ์ ( 1 ) อบเชยระดับเซลล์กระตุ้นการดูดซึมกลูโคส อบเชย หรือถ้าจะถูก จำกัด ในการปรากฏตัวของอินซูลินอาจจะตั้งสมมติฐานว่าประโยชน์ต่อต้าน hyperglycaemic ผ่านกระเพาะอาหาร emptying20 ล่าช้า และลดการดูดซึมกลูโคสในวิชาที่มีลดระดับน้ำตาลในเลือด หรืออินซูลินน้อยลง