5 Conclusions and Discussion In thi

5 Conclusions and Discussion
In this study we aim to analyze the efficiency of publicly traded banks for the period 2006-2012. To fulfill this goal we have used the specialized CAMELS ratios. According to the findings of the study, the best scores of the total of the banks happened in the period 2006-2009. In particular, 2007 is considered the best year graduated. From the analysis of profitability ratios (ROE, ROA) and liquidity (L1, L2) of the above period shows increased profitability and liquidity of banks, which is mainly due to the expansion of their activity in housing and consumer credit, as well as to their international activity which during the same period was very strongly developed. The capital adequacy of the banks is displayed enhanced in the same period and the quality of their loan portfolio is considered satisfactory. The contribution of banks to address the economic crisis in their participation to PSI affected adversely their profitability. On the basis of our findings, the period 2009-2012 was the worst in their grading. In particular, the year 2012 turned out for the banks the worst year. The banks recorded losses (before-taxes) of approximately 38 billion euro during 2012. These losses had a serious impact on equity funds. The ratio analysis reveals that the banks have been weakened in capital adequacy while both their profitability and liquidity have been seriously damaged. One major problem for the banks during this period is the splash of loans overdue for more than 90 days. The performance of the banks in relation to the treatment of market risk is notable. From the low values of the ratio throughout our analysis we can see that the banks were not highly exposured to market risks. Besides, the index administration also seems to keep graduated at low levels even during the crisis, which is mainly due to the efforts made by banks for rational management and cost reduction

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

5 สรุปและอภิปราย ในการศึกษานี้ เรามุ่งมั่นในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของมหาชนธนาคารสำหรับงวด 2006-2012 เพื่อตอบสนองเป้าหมายนี้ เราได้ใช้อูฐอัตราพิเศษ ตามผลการวิจัยของการศึกษา คะแนนที่ดีที่สุดของผลรวมของธนาคารที่เกิดขึ้นในช่วง 2006-2009 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2007 เป็นปีที่ดีที่สุดที่จบศึกษา จากการวิเคราะห์การทำกำไร อัตรา (ROE, ROA) และสภาพคล่อง (L1, L2) ข้างต้นงวดแสดงเพิ่มกำไรและสภาพคล่องของธนาคาร ซึ่งเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากการขยายตัวของกิจกรรม ในการอยู่อาศัยและสินเชื่อผู้บริโภค รวม ทั้งกิจกรรมนานาชาติซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันได้พัฒนาอย่างมาก แสดงเงินกองทุนของธนาคารเพิ่มขึ้นในรอบระยะเวลาเดียวกัน และคุณภาพของผลงานของพวกเขายืมถือว่าน่าพอใจ สัดส่วนของธนาคารเพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจในปีที่ร่วมกับ PSI มีผลกระทบผลกำไรของพวกเขา บนพื้นฐานของผลการวิจัยของเรา งวด 2009-2012 คือ เลวร้ายที่สุดในการจัดเกรดของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปี 2555 เปิดออกสำหรับธนาคารปีเลวร้ายที่สุด ธนาคารบันทึกขาดทุน (ก่อนภาษี) ประมาณ 38 ล้านยูโรในช่วง 2012 เสียมีผลกระทบร้ายแรงในกองทุนรวม การวิเคราะห์อัตราส่วนเผยว่า ธนาคารได้ลดลงในเงินกองทุนในขณะที่ทั้งการทำกำไรและสภาพคล่องได้อย่างจริงจังเสียหาย ปัญหาสำคัญหนึ่งสำหรับธนาคารในช่วงเวลานี้คือ สาดยืมเกินกำหนดมากกว่า 90 วัน ประสิทธิภาพของธนาคารเกี่ยวกับการรักษาความเสี่ยงด้านตลาดโดดเด่น จากค่าต่ำสุดของตลอดการวิเคราะห์ของเรา เราสามารถดูว่า ธนาคารไม่ได้ exposured การตลาดความเสี่ยงสูง การดูแลดัชนียังดูเหมือนว่าจะ ให้จบในระดับต่ำแม้ในช่วงวิกฤต ซึ่งเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากความพยายามที่จะทำให้ธนาคารมีเหตุผลและการลดต้นทุน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

5 สรุปผลการวิจัยและการสนทนา
ในการศึกษานี้เรามุ่งมั่นในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของธนาคารซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลา 2006-2012 เพื่อตอบสนองเป้าหมายนี้เราได้ใช้อัตราส่วนอูฐเฉพาะ ตามผลการวิจัยของการศึกษาที่คะแนนที่ดีที่สุดจากทั้งหมดของธนาคารที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 2006-2009 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2007 ถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดจบการศึกษา จากการวิเคราะห์อัตราส่วนการทำกำไร (ROE, ROA) และสภาพคล่อง (L1, L2) ของการแสดงระยะเวลาดังกล่าวข้างต้นที่เพิ่มขึ้นในการทำกำไรและสภาพคล่องของธนาคารซึ่งเป็นสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของกิจกรรมของพวกเขาในที่อยู่อาศัยและสินเชื่อผู้บริโภคเช่นเดียวกับ กิจกรรมระหว่างประเทศของตนซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันได้รับการพัฒนาอย่างมาก ความเพียงพอของเงินทุนของธนาคารจะมีการแสดงที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันและคุณภาพของสินเชื่อของพวกเขาถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ผลงานของธนาคารเพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจในการมีส่วนร่วมของพวกเขาเพื่อ PSI ส่งผลกระทบต่อกำไรของพวกเขา บนพื้นฐานของการค้นพบของเราระยะเวลา 2009-2012 ที่เลวร้ายที่สุดในการจัดลำดับของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2012 เปิดออกสำหรับธนาคารในปีที่เลวร้ายที่สุด ธนาคารขาดทุน (ก่อนภาษี) ประมาณ€ 38000000000 ในช่วง 2012 สูญเสียเหล่านี้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเงินทุน การวิเคราะห์อัตราส่วนเปิดเผยว่าธนาคารได้รับการลดลงในขณะที่เพียงพอของเงินกองทุนทั้งในการทำกำไรและสภาพคล่องของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างจริงจัง ปัญหาหนึ่งที่สำคัญสำหรับธนาคารในช่วงเวลานี้คือการสาดของเงินให้สินเชื่อค้างชำระเกิน 90 วัน ผลการดำเนินงานของธนาคารในส่วนที่เกี่ยวกับการรักษาความเสี่ยงตลาดเป็นเรื่องน่าทึ่ง จากค่าต่ำของอัตราส่วนตลอดการวิเคราะห์ของเราเราจะเห็นว่าธนาคารไม่ได้เปิดรับความเสี่ยงสูงในการตลาด นอกจากนี้การบริหารดัชนียังดูเหมือนว่าจะให้จบการศึกษาในระดับต่ำแม้ในช่วงวิกฤติที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากความพยายามที่ทำโดยธนาคารเพื่อการจัดการที่มีเหตุผลและลดค่าใช้จ่าย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

5 สรุปและอภิปรายในการศึกษานี้เรามุ่งที่จะวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการซื้อขายแก่สาธารณชนธนาคารสำหรับงวด 2006-2012 . เพื่อตอบสนองเป้าหมายนี้เราได้ใช้เฉพาะอูฐอัตราส่วน ตามผลการศึกษาคะแนนที่ดีที่สุดของทั้งหมดของธนาคารที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสตรอเบอรี่ชีสเค้ก . โดยเฉพาะปี 2550 ถือว่าดีที่สุดปีจบการศึกษา จากการวิเคราะห์อัตราส่วน ( ROA ROE ) และสภาพคล่อง ( L1 , L2 ) ของระยะเวลาข้างต้นแสดงให้เห็นเพิ่มกำไรและสภาพคล่องของธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่เนื่องจากการขยายตัวของกิจกรรมของพวกเขาในที่อยู่อาศัยและสินเชื่อผู้บริโภค ตลอดจนกิจกรรมของนานาชาติ ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันก็มีการพัฒนา ทุนที่เพียงพอของธนาคารแสดงเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันและคุณภาพของบริษัทถือว่าน่าพอใจ บทบาทของธนาคารเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจในการมีส่วนร่วมของ PSI ส่งผลกำไรของพวกเขา บนพื้นฐานของผลของเรา ระยะเวลาราชการเป็นที่เลวร้ายที่สุดในคะแนน โดยเฉพาะปี 2012 ออกมาให้ธนาคารในปีที่เลวร้ายที่สุด ธนาคารบันทึกการสูญเสีย ( ก่อนภาษี ) ประมาณ 38 พันล้านยูโรใน 2012 ความสูญเสียเหล่านี้มีผลกระทบร้ายแรงในกองทุนตราสารทุน การวิเคราะห์พบว่า ธนาคารมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินทุนลดลงในขณะทั้งกำไรและสภาพคล่องได้รับความเสียหายอย่างจริงจัง หนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับธนาคารในช่วงระยะเวลานี้สาดของเงินกู้ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน ประสิทธิภาพของธนาคารในด้านการรักษาและความเสี่ยงตลาดคือเด่น จากค่าต่ำของอัตราส่วนตลอดการวิเคราะห์ของเรา เราจะเห็นได้ว่า ธนาคารไม่ขอ exposured ความเสี่ยงตลาด นอกจากนี้ ดัชนีการบริหารยังดูเหมือนว่าจะให้จบในระดับต่ำ แม้ในช่วงวิกฤต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะความพยายามทำโดยธนาคารจัดการเชือด และการลดต้นทุน