A Christmas tree is a decorated tre

A Christmas tree is a decorated tree, usually an evergreen conifer such as spruce, pine, or fir or an artificial tree of similar appearance, associated with the celebration of Christmas.

The custom of the Christmas tree developed in early modern Germany (where it is today called Weihnachtsbaum or Christbaum or "Tannenbaum") with predecessors that can be traced to the 16th and possibly 15th century, in which devout Christians brought decorated trees into their homes.[1][2] It acquired popularity beyond Germany during the second half of the 19th century, at first among the upper classes.[3]

The tree was traditionally decorated with edibles such as apples, nuts, or other foods. In the 18th century, it began to be illuminated by candles which were ultimately replaced by Christmas lights after the advent of electrification. Today, there are a wide variety of traditional ornaments, such as garland, tinsel, and candy canes. An angel or star might be placed at the top of the tree to represent the archangel Gabriel or the Star of Bethlehem from the Nativity.[4][5]

The Christmas tree has also been known as the "Yule-tree", especially in discussions of its folkloric origins.[

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คริสต์มาสเป็นต้นไม้ตกแต่ง มักจะมีสนเอเวอร์กรีนเช่น spruce สน หรือเฟอร์ หรือต้นไม้การประดิษฐ์ของลักษณะคล้ายกัน การเกี่ยวข้องกับคริสต์มาสการคริสต์มาสที่พัฒนาขึ้นในเยอรมนีสมัยก่อน (ที่ปัจจุบันเรียกว่า Weihnachtsbaum หรือ Christbaum หรือ "Tannenbaum") กับรุ่นก่อนที่สามารถติดตามวันที่ 16 และอาจรวมถึงศตวรรษที่ 15 คริสเตียนที่เคร่งศาสนานำมา ตกแต่งต้นไม้ในบ้านของพวกเขา [1] [2] จะได้รับความนิยมนอกเหนือจากเยอรมนีในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ผ่านมา ที่แรกในหมู่ชนชั้นสูง [3]ต้นไม้ถูกแกะตกแต่ง ด้วย edibles เช่นแอปเปิ้ล ถั่ว หรืออาหารอื่น ๆ ในศตวรรษที่ 18 มันเริ่มที่จะสามารถส่องสว่าง ด้วยเทียนที่มาสุดแทนไฟคริสต์มาสหลังจากถือกำเนิดไฟฟ้า วันนี้ มีความหลากหลายของเครื่องประดับโบราณ มาลัย ดิ้น และอ้อยขนม มีเทวดาหรือดาวอาจวางไว้ที่ด้านบนของแผนภูมิเพื่อแสดงอาร์ค Gabriel หรือของ Bethlehem ดาวจากประสูติ [4] [5]ต้นคริสต์มาสมีการรู้จักเป็น "เทศกาลคริสต์มาสต้น" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสนทนาของกำเนิด folkloric [

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ต้นไม้คริสต์มาสเป็นต้นไม้ตกแต่งมักจะต้นสนป่าดิบเช่นโก้สนหรือเฟอร์หรือต้นไม้เทียมลักษณะคล้ายกันที่เกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลองคริสมาสต์. ที่กำหนดเองของต้นคริสมาสต์ที่พัฒนาขึ้นในประเทศเยอรมนีสมัยก่อน (ที่มันเป็น วันนี้เรียกว่า Weihnachtsbaum หรือ Christbaum หรือ "Tannenbaum") กับรุ่นก่อนที่จะโยงไปถึงศตวรรษที่ 16 และ 15 เป็นไปได้ในการที่คริสเตียนศรัทธานำต้นไม้ได้รับการตกแต่งในบ้านของพวกเขา. [1] [2] มันได้รับความนิยมเกินเยอรมนีในช่วงครึ่งปีที่สอง ของศตวรรษที่ 19 ที่แรกในหมู่ชนชั้นสูง. [3] ต้นไม้ได้รับการตกแต่งแบบดั้งเดิมที่มีการกินแอปเปิ้ลเช่นถั่วหรืออาหารอื่น ๆ ในศตวรรษที่ 18 ก็เริ่มที่จะสว่างไสวไปด้วยแสงเทียนที่ถูกแทนที่ที่สุดโดยไฟคริสต์มาสหลังจากการถือกำเนิดของกระแสไฟฟ้า วันนี้มีความหลากหลายของเครื่องประดับแบบดั้งเดิมเช่นพวงมาลัย, ดิ้นและขนมหวาน ทูตสวรรค์หรือดาวอาจจะอยู่ที่ด้านบนของต้นไม้ที่จะเป็นตัวแทนของกาเบรียลสวรรค์หรือสตาร์ของเบ ธ เลเฮจากพระเยซูค. [4] [5] ต้นไม้คริสต์มาสนอกจากนี้ยังได้รับการเรียกว่า "เทศกาลคริสต์มาสต้นไม้" โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน การอภิปรายของต้นกำเนิดของ folkloric. [

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ต้นไม้คริสต์มาสตกแต่งต้นไม้จำพวกสนมักจะเป็นป่าดงดิบ เช่น ต้นสน , สน , หรือเฟอร์หรือต้นไม้เทียม ลักษณะที่คล้ายกันที่เกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส

ประเพณีของต้นคริสต์มาสสมัยใหม่ที่พัฒนาในประเทศเยอรมัน ( ที่มันเป็นในวันนี้เรียกว่า weihnachtsbaum หรือ christbaum หรือ " แทนเนินเบาม์ " ) กับรุ่นที่สามารถโยงไปถึงศตวรรษที่ 16 และอาจจะในที่ศรัทธาคริสเตียนนำมาตกแต่งต้นไม้ในบ้าน [ 1 ] [ 2 ] มันได้รับความนิยมจากเยอรมนีในช่วงครึ่งที่สองของศตวรรษที่ 19 ,ครั้งแรกในหมู่ชนชั้นสูง [ 3 ]

ต้นไม้ถูกผ้าตกแต่งด้วยของกิน เช่น แอปเปิ้ล ถั่ว หรืออาหารอื่น ๆ . ในศตวรรษที่ 18 ก็เริ่มจะสว่างไสวด้วยเทียนซึ่งในที่สุดแทนที่ด้วยไฟคริสต์มาสหลังจากที่แอดเวนต์ของไฟฟ้า . วันนี้มีความหลากหลายของเครื่องประดับแบบดั้งเดิมเช่นพวงมาลัย , ดิ้น , และลูกอมไม้เท้านางฟ้า หรือ ดาวจะถูกวางไว้ที่ด้านบนของต้นไม้ที่เป็นตัวแทนของทูตสวรรค์กาเบรียล หรือดาวแห่งเบธเลเฮมจากการประสูติของพระเยซู [ 4 ] [ 5 ]

คริสต์มาสยังถูกเรียกว่า " เทศกาลต้นไม้ " โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอภิปรายของต้นกำเนิดของ folkloric [
.