whether the institutions that were

whether the institutions that were adopted would favour the exploitation or the accumulation of existing resources. They also show that institutions appear to be fairly persistent over time, which implies that settler mortality can be considered as a valid instrument variable for present institutions. My empirical result, which is based on the MRW data on output per working-age person in 1985 as the dependent variable, points to a large positive effect of a variation in institutional quality on the level of development, as in the study by Acemoglu et al. (2001).8 My point estimate of 0.71 implies that a one unit increase in the measure of institutional quality is associated with a 0.71 per cent difference in output per worker. What this means in quantitative terms can be seen by comparing two countries, say Chile and Nigeria, where the difference in the measure of institutional quality is 2.3. So my point estimate predicts a 1.6 log-difference between the log GDPs (per working-age person) of the two countries, or approximately a 4-fold difference (e1.6 − 1) in output per working-age person. In the data used, output per working-age person actually differs by a factor of 4.7 between Chile and Nigeria. This result suggests that the international variation in output per worker can be explained by international differences in a broad concept of technology conditional on a constant capital–output ratio.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ว่าสถาบันที่ถูกนำมาใช้จะโปรดปรานเอารัดเอาเปรียบหรือสะสมของทรัพยากรที่มีอยู่ พวกเขายังแสดงว่า สถาบันจะ มุมานะค่อนข้างบ่อย ๆ ซึ่งหมายความว่า ตาย settler จะถือว่าเป็นตัวแปรเครื่องมือที่ใช้ในปัจจุบันสถาบัน ฉันประจักษ์ผล ซึ่งยึดตามข้อมูล MRW ในแต่ละคนทำงานอายุในปี 1985 เป็นขึ้นอยู่กับตัวแปร จุดผลดีต่อขนาดใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงในระดับของการพัฒนา สถาบันคุณภาพเป็นในการศึกษาโดย Acemoglu et al. (2001) .8 ของฉันประมาณ 0.71 จุดหมายความว่า เพิ่มหนึ่งหน่วยในการวัดคุณภาพสถาบันเกี่ยวข้องกับความแตกต่างร้อยละ 0.71 ผลลัพธ์ต่อผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งหมายความว่า ในเงื่อนไขเชิงปริมาณมองเห็น โดยการเปรียบเทียบสองประเทศ ชิลีและไนจีเรีย 2.3 ความแตกต่างในการวัดคุณภาพสถาบันพูด เพื่อ ประเมินจุดของฉันทำนาย 1.6 ล็อกความแตกต่างระหว่างล็อก GDPs (ต่อคนทำงานอายุ) ของทั้งสองประเทศ หรือประมาณ 4-fold ผลต่าง (e1.6 − 1) ในแต่ละคนทำงานอายุ ข้อมูลการใช้ แต่ละคนทำงานอายุจริงต่าง โดยตัวของ 4.7 ระหว่างชิลีและประเทศไนจีเรีย ผลลัพธ์นี้แนะนำว่า สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงประเทศในผลลัพธ์ต่อผู้ปฏิบัติงาน โดยความแตกต่างระหว่างประเทศในแนวกว้างของเทคโนโลยีแบบมีเงื่อนไขในอัตราทุน – ผลผลิตคง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไม่ว่าจะเป็นสถาบันที่ถูกนำมาใช้จะสนับสนุนการใช้ประโยชน์หรือการสะสมของทรัพยากรที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าสถาบันที่ดูเหมือนจะเป็นธรรมถาวรในช่วงเวลาซึ่งแสดงให้เห็นว่าการตายไม้ตายถือได้ว่าเป็นตัวแปรที่ใช้ในการที่ถูกต้องสำหรับสถาบันการศึกษาในปัจจุบัน ผลการทดลองของเราซึ่งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ MRW ในการส่งออกต่อคนวัยทำงานในปี 1985 เป็นตัวแปรชี้ไปที่ผลบวกที่มีขนาดใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงในคุณภาพของสถ​​าบันในระดับของการพัฒนาในขณะที่การศึกษาโดย Acemoglu และ อัล (2001) ประมาณการ 0.8 จุดของฉันของ 0.71 แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วยในการวัดคุณภาพของสถ​​าบันที่เกี่ยวข้องกับความแตกต่างที่ร้อยละ 0.71 ในการส่งออกต่อผู้ปฏิบัติงาน สิ่งนี้หมายความว่าในแง่เชิงปริมาณที่สามารถมองเห็นโดยการเปรียบเทียบทั้งสองประเทศพูดชิลีและไนจีเรียที่แตกต่างในการชี้วัดคุณภาพของสถ​​าบันคือ 2.3 ดังนั้นประมาณการคาดการณ์จุดของฉันเข้าสู่ระบบ 1.6 ความแตกต่างระหว่าง GDPs ล็อก (ต่อคนวัยทำงาน) ของทั้งสองประเทศหรือประมาณ 4 ความแตกต่างเท่า (e1.6 - 1) ในการส่งออกต่อคนวัยทำงาน ในข้อมูลที่ใช้ในการส่งออกต่อคนวัยทำงานจริงจะแตกต่างกันโดยปัจจัยที่ 4.7 ระหว่างชิลีและประเทศไนจีเรีย ผลที่ได้นี้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงระหว่างประเทศในการส่งออกต่อผู้ปฏิบัติงานสามารถอธิบายได้ด้วยความแตกต่างระหว่างประเทศในแนวคิดกว้างของเทคโนโลยีเงื่อนไขในอัตราส่วนทุนออกมาคงที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไม่ว่าจะเป็นสถาบันที่ถูกประกาศใช้ จะสนับสนุนการใช้ประโยชน์หรือการสะสมของทรัพยากรที่มีอยู่ พวกเขายังแสดงให้เห็นว่า สถาบันที่ปรากฏจะค่อนข้างถาวรตลอดเวลา ซึ่งแสดงถึงการตายของผู้อพยพที่ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ถูกต้องสำหรับตัวแปร ปัจจุบันสถาบัน ผลของฉันซึ่งจะขึ้นอยู่กับ mrw ข้อมูลผลผลิตต่อวัยทำงานบุคคลในปี 1985 เป็นตัวแปรตาม , จุดที่ผลเป็นบวกใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงในระดับของการพัฒนาคุณภาพของสถาบัน เช่น การศึกษา โดย acemoglu et al . ( 2001 ) 8 ประเด็นประมาณ 0.71 หมายความว่าหนึ่งหน่วยเพิ่มขึ้นในการวัดคุณภาพของสถาบันที่เกี่ยวข้องกับ 0ร้อยละ 71 ต่อความแตกต่างในผลลัพธ์ต่อกรรมกร สิ่งนี้หมายความว่าในแง่ปริมาณ สามารถมองเห็นได้โดยการเปรียบเทียบสองประเทศ กล่าวว่า ชิลี และไนจีเรีย ซึ่งความแตกต่างในการวัดคุณภาพของสถาบันคือ 2.3 ดังนั้น คาดว่าประเด็นคาดการณ์ความแตกต่างระหว่าง 1.6 เข้าสู่ระบบเข้าสู่ระบบ GDPS ( ต่ออายุงานบุคคล ) ของทั้งสองประเทศ หรือประมาณ 4 เท่า ความแตกต่าง ( E16 − 1 ) ผลผลิตต่อการทำงานในยุคนั้น ในการใช้ข้อมูลผลผลิตต่อวัยทำงานบุคคลจริงแตกต่างกัน โดยปัจจัยของราคาน้ำมันระหว่างชิลีและไนจีเรีย ผลที่ได้นี้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงผลผลิตต่อแรงงาน ระหว่างประเทศ สามารถอธิบายได้โดยความแตกต่างระหว่างประเทศในแนวคิดของเทคโนโลยีเงื่อนไขทุนคงที่และเอาท์พุทอัตราส่วน