Countryside I think living in the c

Countryside
I think living in the countryside is far better than living in the city. There are numerous of reasons why living in countryside is the better than the city. The scenery, the streets, the people and the paced are totally different compare to the city.

The first outstanding characteristic about the countryside is that it is beautiful and peaceful. The air is fresh and the surroundings green. This is because the countryside is free from pollution, be it air, land or noise pollution. There no such perfect peaceful view that you can see other than in the countryside.

There are no crowded streets and heavy traffic in the countryside. Thus there are no fumes from cars and smoke from factories buildings to pollute the air. The trees surrounded the countryside help the people from inhaling the polluted air. The freshness smell of plant somehow helps the people of the countryside to have a healthy life.

Furthermore, people in the countryside are more conscious of keeping their surroundings clean and so there is little throwing of rubbish everywhere, only at designated places. This is unlike the cities where if the garbage trucks do not collect the rubbish disposed by household or restaurants, the city will be overflowing with rubbish! This will attract the mosquitoes, fly, rats and wild dogs to pollute their surrounding that will cause them to have diseases like dengue and cholera.

Thirdly, heavy traffic and crowded streets increase the level of noise pollution. The honking of cars in the streets is continuous and the crowds on the roads increase the hub of activity. There are also sound of the machine used in manufacturing factories, loud radio in and out the mall. These add to the noise of the city. Even if one lives in residential areas, one is never far from busy streets.
However, in the countryside, life is slow-paced. There is no need to rush around because there are not too many places to go. Most places are close by and people can walk or cycle. Less vehicle used, so less fumes is released.

The most heart-warming thing about the countryside is the attitude of people. People are friendly and helpful. If there are any happy or festive occasions, everyone pitches in to help. This feeling of cooperation and neighbourliness is what separates the countryside from the city.
In the city, people are too busy to take note of the people around. Some hardly even know their neighbours. So they would not even be bothered about what happens to people around. This is why the crime rate is increasing in the city because bystanders do not rush in to help if a crime is committed on the streets.

The pace of life in the countryside is slow so people have more time to enjoy life as the day goes on. Thus, for me to enjoy the quality of life, I prefer to live in the countryside.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ชนบท ฉันคิดว่า อาศัยอยู่ในชนบทดีกว่าในเมือง มีหลายเหตุผลที่ทำไมใช้ชีวิตในชนบทได้ดีกว่ากว่าเมือง ฉาก ถนน คน และที่ได้จะเปรียบเทียบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงการเมืองลักษณะโดดเด่นแรกเกี่ยวกับชนบทคือมัน สงบ อากาศจะสดและสภาพแวดล้อมสีเขียว เนื่องจากชนบทเป็นอิสระจากมลภาวะ อากาศ ดิน หรือมลภาวะทางเสียง มีดูไม่ดังกล่าวสมบูรณ์แบบเงียบสงบที่คุณสามารถดูค่าอื่นที่ไม่ใช่ในชนบทมีไม่หนาแน่นถนนและจราจรหนักในชนบท ทำ ได้ไม่มีควันจากรถยนต์และควันจากอาคารโรงงานสร้างมลพิษอากาศ ต้นไม้ล้อมรอบช่วยเหลือชนบทคนจากดมอากาศเสีย กลิ่นความสดของพืชอย่างใดช่วยให้ชาวชนบทมีชีวิตที่มีสุขภาพนอกจากนี้ คนในชนบทมีสติทำให้สิ่งแวดล้อมสะอาด และจึงมีน้อยการขว้างปาของ rubbish ทุกที่ ในสถานที่กำหนดเท่านั้น นี้ไม่เหมือนเมืองที่หากรถบรรทุกขยะเก็บขยะขายทิ้งตามครัวเรือนหรือร้านอาหาร เมืองจะถูกเทียบกับกับขยะ นี้จะดึงดูดยุง แมลง หนู และสุนัขป่าของพวกเขาโดยรอบที่สร้างมลพิษจะทำให้พวกเขามีโรคเช่นไข้เลือดออกและอหิวาตกโรคประการ หนักจราจรและถนนแออัดเพิ่มระดับของมลภาวะทางเสียง Honking ดังของรถยนต์ในท้องถนนได้อย่างต่อเนื่อง และฝูงชนบนท้องถนนเพิ่มฮับของกิจกรรม ยังมีเสียงของเครื่องใช้ในโรงงานผลิต เสียงวิทยุ ออกเดอะมอลล์ เหล่านี้เพิ่มเสียงของเมือง แม้ว่าหนึ่งอยู่ในพื้นที่ที่อยู่อาศัย หนึ่งคือใกล้ดีอย่างไรก็ตาม ในชนบท ชีวิตได้ช้า-paced ไม่จำเป็นต้องเร่งรอบเนื่องจากไม่มีสถานมากเกินไปได้ สถานอยู่ข้าง ๆ และคนสามารถเดิน หรือวงจร รถน้อยใช้ เพื่อปล่อยควันน้อยชุมชนชนบท heart-warming มากที่สุดคือ ทัศนคติของคน คนจะ ดี ถ้ามีโอกาสมีความสุข หรือเทศกาลใด ๆ คนลไปในช่วย ความรู้สึกนี้ของความร่วมมือและ neighbourliness เป็นสิ่งแยกจากเมืองชนบทในเมือง คนไม่สามารถที่จะทราบของคนทั่ว บางอย่างไม่ได้รู้เพื่อนบ้านของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาไม่แม้จะใส่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปทั่ว นี่คือเหตุผลที่อัตราอาชญากรรมเพิ่มในเมืองเนื่องจากไม่รีบใน bystanders เพื่อช่วยเป็นความมุ่งมั่นที่อาชญากรรมบนท้องถนนย่างก้าวของชีวิตในชนบทได้ช้าเพื่อให้คนมีเวลามากขึ้นกับชีวิตเป็นวันไป ดังนั้น ฉันเพลิดเพลินไปกับคุณภาพชีวิต ที่ฉันต้องการอาศัยอยู่ในชนบท

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชนบทผมคิดว่าการที่อาศัยอยู่ในชนบทจะดีกว่าอาศัยอยู่ในเมือง มีหลายเหตุผลที่อาศัยอยู่ในชนบทเป็นเมืองที่ดีกว่าที่มี ทิวทัศน์ถนนคนเดินและมีความแตกต่างเมื่อเทียบกับเมือง. ลักษณะที่โดดเด่นแรกที่เกี่ยวกับชนบทก็คือว่ามันมีความสวยงามและเงียบสงบ อากาศมีความสดใหม่และสภาพแวดล้อมสีเขียว เพราะนี่คือชนบทเป็นอิสระจากมลพิษทางอากาศไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือเสียงมลพิษ มีมุมมองที่สมบูรณ์แบบที่เงียบสงบไม่มีเช่นที่คุณสามารถดูอื่น ๆ กว่าในชนบท. ไม่มีถนนแออัดและการจราจรหนาแน่นในชนบทที่มี จึงมีควันจากรถยนต์และควันจากอาคารโรงงานก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ต้นไม้ล้อมรอบชนบทที่ช่วยให้ผู้คนจากการสูดดมอากาศเสีย กลิ่นความสดของพืชอย่างใดจะช่วยให้ผู้คนในชนบทจะมีชีวิตที่มีสุขภาพ. นอกจากนี้ผู้คนในชนบทมีสติมากขึ้นของการรักษาสภาพแวดล้อมของพวกเขาที่สะอาดและเพื่อให้มีการขว้างปาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของขยะทุกที่เพียงในสถานที่ที่กำหนด นี้จะแตกต่างเมืองซึ่งถ้ารถบรรทุกขยะจะไม่เก็บขยะทิ้งจากครัวเรือนหรือร้านอาหารในเมืองจะล้นไปด้วยขยะ! นี้จะดึงดูดยุงบินหนูและสุนัขป่าก่อให้เกิดมลพิษโดยรอบของพวกเขาที่จะทำให้พวกเขามีโรคเช่นโรคไข้เลือดออกและอหิวาตกโรค. ประการที่สามการจราจรหนาแน่นและถนนที่แออัดเพิ่มระดับของมลพิษทางเสียง แตรรถในถนนอย่างต่อเนื่องและฝูงชนบนถนนเพิ่มเป็นศูนย์กลางของกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีเสียงของเครื่องที่ใช้ในโรงงานผลิตวิทยุดังทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้า เหล่านี้เพิ่มเสียงของเมือง แม้ว่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนึ่งคือไม่ไกลจากถนนที่วุ่นวาย. อย่างไรก็ตามในชนบทชีวิตเดินช้า มีความจำเป็นที่จะวิ่งไปรอบ ๆ เพราะมีไม่มากเกินไปสถานที่ที่จะไปไม่เป็น สถานที่ส่วนใหญ่อยู่ใกล้และผู้คนสามารถเดินหรือขี่จักรยาน รถน้อยใช้น้อยเพื่อให้ควันจะถูกปล่อยออก. สิ่งที่หัวใจอบอุ่นมากที่สุดเกี่ยวกับชนบทคือทัศนคติของผู้คน คนมีความเป็นมิตรและเป็นประโยชน์ หากมีโอกาสมีความสุขหรือเทศกาลโหมโรงทุกคนในที่จะช่วยให้ ความรู้สึกของความร่วมมือและเพื่อนบ้านนี้เป็นสิ่งที่แยกจากชนบทเมือง. ในเมืองที่ผู้คนมีความยุ่งเกินไปที่จะรับทราบของคนรอบข้าง บางคนแทบจะไม่ได้รู้ว่าเพื่อนบ้านของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้รับการใส่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้คนรอบข้าง นี่คือเหตุผลที่อัตราการเกิดอาชญากรรมจะเพิ่มขึ้นในเมืองเพราะเหตุการณ์ไม่รีบเร่งในการที่จะช่วยถ้าอาชญากรรมมีความมุ่งมั่นบนท้องถนน. ก้าวของการใช้ชีวิตในชนบทจะทำงานช้าลงเพื่อให้ผู้คนมีเวลามากขึ้นที่จะสนุกกับชีวิตเป็นวันที่ไปใน . ดังนั้นสำหรับผมที่จะเพลิดเพลินไปกับคุณภาพของชีวิตที่ฉันชอบที่จะอาศัยอยู่ในชนบท

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชนบท
ผมว่าอยู่บ้านนอกดีกว่าอยู่ในเมือง มีหลายเหตุผลที่อาศัยอยู่ในชนบท คือ ดีกว่าในเมือง ทัศนียภาพถนน ผู้คนและสภาพจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเมื่อเปรียบเทียบกับเมือง

แรกที่โดดเด่นของชนบทที่สวยงามและเงียบสงบอากาศสดชื่นและสภาพแวดล้อมสีเขียว นี้เป็นเพราะชนบทปลอดจากมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็นอากาศ ดิน หรือมลพิษทางเสียง ที่นั่นไม่มีสงบสมบูรณ์แบบมุมมองที่คุณสามารถดูมากกว่าในชนบท

ไม่มีถนนที่แออัด และการจราจรหนาแน่น ในชนบท จึงไม่มีควันพิษจากรถยนต์ ควันจากอาคารโรงงานที่จะก่อให้เกิดมลพิษในอากาศต้นไม้ล้อมรอบด้วยชนบทช่วยผู้คนจากการสูดดมอากาศมลพิษ ความสดใหม่ของกลิ่นพืชอย่างใดช่วยประชาชนในชนบทให้มีชีวิตที่มีสุขภาพดี .

นอกจากนี้ คนในชนบทมีจิตสำนึกของการรักษาสภาพแวดล้อมที่สะอาดและมีเพียงเล็กน้อยโยนขยะทุกที่ เฉพาะในเขตที่นี้จะแตกต่างจากเมืองที่ถ้ารถขยะไม่เก็บขยะที่ทิ้งตามร้านอาหาร ครัวเรือน หรือ เมืองจะเต็มไปด้วยขยะ นี้จะดึงดูดยุง แมลงวัน หนู หมาป่า ก่อให้เกิดมลพิษรอบของพวกเขาที่ทำให้พวกเขาได้เช่นโรคไข้เลือดออกและโรคอหิวาต์

มีการจราจรหนาแน่น และถนนที่แออัดเพิ่มระดับของมลพิษทางเสียงการบีบแตรรถในถนนเป็นอย่างต่อเนื่องและฝูงชนบนถนนเพิ่มเป็นศูนย์กลางของกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีเสียงของเครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ดังวิทยุในและนอกห้างสรรพสินค้า เหล่านี้เพิ่มเสียงของเมือง แม้หากอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อยู่อาศัย หนึ่งคือ ไม่ ไกล จาก ถนนว่าง
แต่ในชนบท ชีวิตช้า paced .ไม่ต้องรีบๆ เพราะมีหลายที่ที่จะไป สถานที่ส่วนใหญ่จะปิด โดยประชาชนสามารถเดินหรือรอบ รถใช้น้อย ดังนั้นน้อยควันออก

หัวใจที่สุดร้อนเรื่องชนบท คือ ทัศนคติของคน ผู้คนที่เป็นมิตรและเป็นประโยชน์ ถ้ามีโอกาส หรือ เทศกาลความสุข ทุกคนช่วยกันเพื่อช่วยความรู้สึกของความเป็นมิตร และความร่วมมือนี้เป็นสิ่งที่แยกชนบทจากเมือง .
ในเมือง คนยุ่งเกินไปที่จะใช้เวลาทราบของคนที่อยู่รอบๆ บางคนแทบจะไม่รู้จักเพื่อนบ้าน ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่รอบๆนี่คือเหตุผลที่อัตราการเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นในเมือง เพราะชีวิตไม่เร่งรีบที่จะช่วยถ้า อาชญากรรมเกิดขึ้นบนถนน

ก้าวของชีวิตในชนบท คือ ช้า เพื่อให้ประชาชนมีเวลามากขึ้นเพลิดเพลินไปกับชีวิตเป็นวันไปบน ดังนั้นสำหรับฉันที่จะเพลิดเพลินกับคุณภาพของชีวิต ฉันชอบที่จะอาศัยอยู่ในชนบท