El Niño-Southern Oscillation (ENSO)

El Niño-Southern Oscillation (ENSO) effect[edit]
Main article: El Niño-Southern Oscillation

Effects of El Niño on weather of subcontinent
El Niño is a 'warm' ocean current originating along the coast of Peru that replaces the usual 'cold' Peru or Humboldt Current. This warm surface water reaching towards the coast of Peru with El Niño is pushed westwards by the trade winds thereby raising the temperature of the southern Pacific Ocean. A reverse condition is known as La Niña.

Southern Oscillation, a phenomenon first observed by Sir Gilbert Thomas Walker Director-General of Observatories in India, refers to the seesaw relationship of atmospheric pressures between Tahiti and Darwin, Australia.[27] He noticed that when it was high pressure in Tahiti, it was low pressure in Darwin and vice versa.[27] A Southern Oscillation Index (SOI),based on the pressure difference between Tahiti and Darwin, has been formulated by the Bureau of Meteorology (Australia) to measure the strength of the Oscillation.[28] Walker noticed that the quantity of rainfall in the Indian subcontinent was often negligible in the years of high pressure at Darwin (and low pressure at Tahiti). Conversely, low pressure at Darwin bode well for the precipitation quantity in India. Thus he established the relationship of Southern Oscillation with quantities of Monsoon rains in India.[27]

Ultimately, it was realized that the Southern Oscillation is just the corresponding atmospheric component of the El Niño/La Niña effect (which happens in the Ocean).[27] Therefore, in the context of the Monsoon, the two cumulatively came to be known as the ENSO. The ENSO is known to have a pronounced effect on the strength of SW Monsoon over India with the Monsoon being weak (causing droughts in India) during the El Niño years whereas La Niña years had particularly good Monsoon strength over India.[27]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลสั่นใต้ซันโตเอลนิโญ (ENSO) [แก้ไข]บทความหลัก: สั่นเอลซันโตนิโญภาคใต้ผลของซันโตเอลนิโญอากาศของอนุทวีปซันโตเอลนิโญเป็นมหาสมุทร 'อบอุ่น' ปัจจุบันมาตามชายฝั่งของเปรูที่แทนที่ 'เย็น' เปรูปกติหรือฮุมปัจจุบัน น้ำผิวดินนี้อบอุ่นเข้าถึงสู่ชายฝั่งประเทศเปรูกับซันโตเอลนิโญเป็นผลัก westwards โดยลมค้าจึงเพิ่มอุณหภูมิของมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ เงื่อนไขกลับเรียกว่า La Niñaภาคใต้สั่น ปรากฏการณ์ที่สังเกตโดย Sir Gilbert Thomas วอล์คเกอร์อธิบดีของ Observatories ในอินเดีย ก่อน ถึงกระดานหกความสัมพันธ์ของความดันอากาศระหว่างตาฮิติและดาร์วิน ออสเตรเลีย [27] เขาสังเกตเห็นว่า เมื่อความดันสูงในตาฮิติ เป็นความดันต่ำ ในดาร์วิน และในทางกลับกัน [27] ภาคใต้สั่นดัชนี (ซอย), ขึ้นอยู่กับผลต่างความดันระหว่างตาฮิติและดาร์วิน ได้ถูกกำหนด โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยา (ออสเตรเลีย) เพื่อวัดความแข็งแรงของการสั่น [28] Walker พบว่า ปริมาณน้ำฝนในอนุทวีปอินเดียมักจะมีระยะในปีมีความดันสูงที่ดาร์วิน (และความดันที่ตาฮิติต่ำ) ในทางกลับกัน ความดันต่ำที่ดาร์วินเป็นลางดีสำหรับปริมาณฝนในอินเดีย ดังนั้น เขาก่อตั้งความสัมพันธ์สั่นใต้มีปริมาณของมรสุมฝนตกในประเทศอินเดีย [27]ในที่สุด มันถูกรู้ว่าสั่นใต้เพียงตรงบรรยากาศส่วนประกอบของผลซันโตเอลนิ โญ/La Niña (ซึ่งเกิดขึ้นในมหาสมุทร) [27] ดังนั้น ในบริบทของมรสุม สอง cumulatively มาว่า ENSO ENSO ทราบว่ามีผลออกเสียงความแรงของลมมรสุม SW ไปอินเดียด้วยมรสุมกำลังอ่อน (droughts ทำในอินเดีย) ระหว่างปีซันโตเอลนิโญในขณะที่ La Niña ปีได้ยิ่งดีมรสุมแรงทั่วอินเดีย [27]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เอลนีโญ-ใต้ความผันผวน (ENSO) ผล [แก้ไข]
บทความหลัก: เอลนีโญ-ใต้ความผันผวนผลของเอลนีโญกับสภาพอากาศของทวีปเอลนีโญเป็นมหาสมุทร'อุ่น' ที่มีต้นกำเนิดในปัจจุบันตามแนวชายฝั่งของเปรูที่มาแทนที่ปกติ 'เย็น' เปรูหรือฮัมปัจจุบัน นี้น้ำผิวดินที่อบอุ่นถึงไปยังชายฝั่งของเปรูกับเอลนีโญจะถูกผลักไปทางตะวันตกโดยตะเภาจึงเพิ่มอุณหภูมิของมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ สภาพกลับเป็นที่รู้จักกัน La Niña. ภาคใต้ความผันผวนปรากฏการณ์ครั้งแรกที่สังเกตโดยเซอร์กิลเบิร์โทมัสวอล์คเกอร์ผู้อำนวยการหอสังเกตการณ์ในอินเดียหมายถึงความสัมพันธ์ที่แกว่งไปแกว่งมาจากแรงกดดันของบรรยากาศระหว่างตาฮิติและดาร์วินออสเตรเลีย. [27] เขาสังเกตเห็นว่า เมื่อมันเป็นความดันสูงในตาฮิติมันเป็นความดันต่ำในดาร์วินและในทางกลับกัน. [27] A Index ใต้ความผันผวน (ซอย) บนพื้นฐานของความแตกต่างระหว่างความดันตาฮิติและดาร์วินได้รับการกำหนดโดยสำนักอุตุนิยมวิทยา (ออสเตรเลีย) การวัดความแข็งแรงของความผันผวนที่. [28] วอล์คเกอร์พบว่าปริมาณน้ำฝนในอนุทวีปอินเดียมักจะเล็กน้อยในปีที่ผ่านมาจากความดันสูงในดาร์วิน (และแรงดันต่ำที่ตาฮิติ) ตรงกันข้ามความดันต่ำที่ดาร์วินเป็นลางดีสำหรับปริมาณการตกตะกอนในประเทศอินเดีย ดังนั้นเขาจึงสร้างความสัมพันธ์ของภาคใต้ความผันผวนที่มีปริมาณฝนมรสุมในอินเดีย. [27] ในท้ายที่สุดมันก็รู้ว่าใต้ความผันผวนเป็นเพียงองค์ประกอบบรรยากาศที่สอดคล้องกันของเอลนีโญ / ลานีญามีผล (ซึ่งเกิดขึ้นในมหาสมุทร) [27] ดังนั้นในบริบทของมรสุมทั้งสองสะสมมาเป็นที่รู้จักในฐานะ ENSO ENSO เป็นที่รู้จักกันจะมีผลเด่นชัดกับความแรงของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้อินเดียกับมรสุมเป็นอ่อนแอ (ก่อให้เกิดภัยแล้งในอินเดีย) ในช่วงปีที่ผ่านมาขณะที่เอลนีโญลานีญาปีมีความแข็งแรงมรสุมที่ดีโดยเฉพาะอินเดีย. [27]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แฟรงก์ ซินาตรา ( ปรากฏการณ์ ) ผล [ แก้ไข ]
บทความหลัก : แฟรงก์ ซินาตรา

ผลของ El Ni á o สภาพอากาศของประเทศ
เอล ni á n คือ ' อบอุ่น ' กระแสน้ำมหาสมุทรเกิดขึ้นตามแนวชายฝั่งของเปรูที่แทนปกติ ' เย็น ' เปรูหรือฮัมในปัจจุบันนี้อบอุ่นน้ำเข้าถึงไปยังชายฝั่งของเปรูกับ El Ni á o ถูกผลักโดยไปทางทิศตะวันตกโดยลมค้าจึงเพิ่มอุณหภูมิของมหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้ ย้อนกลับเงื่อนไขเป็นที่รู้จักกันเป็นลานีญา .

ในซีกโลกใต้ ปรากฏการณ์แรก สังเกตได้จากท่านผู้อำนวยการทั่วไปของกิลเบิร์ตโทมัสวอล์คเกอร์อาศัยอยู่ในอินเดียหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างความดันบรรยากาศและม้าโยกของตาฮิติ , ดาร์วิน , ออสเตรเลีย [ 27 ] เขาสังเกตเห็นว่าเมื่อมีความดันสูงที่ตาฮิติมีความดันต่ำในดาร์วินและในทางกลับกัน . [ 27 ] ซีกโลกใต้ดัชนี ( ซอย ) , ขึ้นอยู่กับความดันแตกต่างระหว่าง Tahiti และดาร์วินได้ถูกกำหนดโดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยา ( ออสเตรเลีย ) เพื่อวัดความแรงของการสั่น [ 28 ] แต่พบว่าปริมาณฝนในอนุทวีปอินเดียมักจะกระจอกในปีของความดันสูงในดาร์วิน ( และความดันต่ำที่ตาฮิติ ) ในทางกลับกัน ความดันต่ำที่ดาร์วินลางดีสำหรับฝนปริมาณในอินเดียดังนั้นเขาจึงก่อตั้งความสัมพันธ์ของซีกโลกใต้ที่มีปริมาณของฤดูมรสุมในอินเดีย [ 27 ]

ในที่สุดก็ตระหนักว่าภาคใต้เป็นเพียงการแกว่งที่บรรยากาศเป็นส่วนประกอบของเอลนิá o / ลานีญาผลกระทบ ( ซึ่งเกิดขึ้นในมหาสมุทร ) [ 27 ] ดังนั้นในบริบทของฤดูมรสุมทั้งสองสามารถขยายมาเป็นที่รู้จักกันเป็นปรากฏการณ์ .ส่วนปรากฏการณ์เป็นที่รู้จักกันจะมีผลเด่นชัดในความแข็งแรงของ SW มรสุมอินเดียกับลมมรสุมอ่อนแอ ( ก่อให้เกิดภัยแล้งในอินเดีย ) ใน El Ni á o ปี ส่วนลานีญาปีได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งลมมรสุมแรงกว่าอินเดีย [ 27 ]