The proportion of subjects who disc

The proportion of subjects who discontinued study treatment due to adverse events, regardless of severity, was 3% in the Vitekta group and 4% in the raltegravir group. The most common adverse reaction (all Grades, incidence greater than or equal to 5%) in subjects receiving Vitekta in Study 145 was diarrhea. The most commonly reported adverse reactions (all grade) for Vitekta and raltegravir containing regimens, respectively were diarrhea (7% vs 5%), nausea (4% vs 3%) and headache (3% each).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สัดส่วนของวิชาที่ยกเลิกการศึกษาบำบัดเนื่องจากเหตุการณ์ ไม่รุนแรง เป็น 3% ในกลุ่ม Vitekta และ 4% ในกลุ่ม raltegravir ทั่วร้ายปฏิกิริยา (คะแนนทั้งหมด อุบัติการณ์มากกว่า หรือเท่ากับ 5%) ในการรับ Vitekta 145 ศึกษาเรื่องโรคท้องร่วงได้ การรายงานมักร้ายปฏิกิริยา (ทุกเกรด) สำหรับ Vitekta และ raltegravir ประกอบด้วย regimens ตามลำดับได้ (7% เทียบกับ 5%) ท้องเสีย คลื่นไส้ (ร้อยละ 3 เทียบกับ 4%) และปวดหัว (3% ละ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สัดส่วนของอาสาสมัครที่หยุดการรักษาการศึกษาเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยไม่คำนึงถึงความรุนแรงเป็น 3% ในกลุ่ม Vitekta และ 4% ในกลุ่ม raltegravir อาการข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด (เกรดทุกอุบัติการณ์มากขึ้นกว่าหรือเท่ากับ 5%) ในวิชาที่ได้รับ Vitekta ในการศึกษา 145 เป็นโรคท้องร่วง รายงานโดยทั่วไปอาการไม่พึงประสงค์ (เกรดทั้งหมด) สำหรับ Vitekta และ raltegravir ที่มีสูตรตามลำดับเป็นโรคอุจจาระร่วง (7% เทียบกับ 5%), คลื่นไส้ (4% เทียบกับ 3%) และปวดศีรษะ (3% ในแต่ละครั้ง)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สัดส่วนของกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาการยกเลิกเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าความรุนแรงเป็น 3 % ในกลุ่ม vitekta และ 4 % ในกลุ่ม raltegravir . ปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยที่สุด ( ทุกเกรด อุบัติการณ์มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 5 ) ในวิชาที่ได้รับ vitekta ในการศึกษา 145 ก็ท้องเสียมากที่สุดโดยทั่วไป รายงานอาการไม่พึงประสงค์ ( ทุกเกรด ) และ vitekta raltegravir ประกอบด้วย regimens ตามลำดับท้องเสีย ( 7% และ 5% ) , คลื่นไส้ ( 4 % และ 3 % ) และปวดหัว ( 3 ) แต่ละครั้ง )