The dimension Uncertainty Avoidance

The dimension Uncertainty Avoidance has to do with the way that a society deals with the fact that the future can never be known: should we try to control the future or just let it happen? This ambiguity brings with it anxiety and different cultures have learnt to deal with this anxiety in different ways. The extent to which the members of a culture feel threatened by ambiguous or unknown situations and have created beliefs and institutions that try to avoid these is reflected in the score on Uncertainty Avoidance.

At 92 Japan is one of the most uncertainty avoiding countries on earth. This is often attributed to the fact that Japan is constantly threatened by natural disasters from earthquakes, tsunamis (this is a Japanese word used internationally), typhoons to volcano eruptions. Under these circumstances Japanese learned to prepare themselves for any uncertain situation. This goes not only for the emergency plan and precautions for sudden natural disasters but also for every other aspects of society. You could say that in Japan anything you do is prescribed for maximum predictability. From cradle to grave, life is highly ritualized and you have a lot of ceremonies. For example, there is opening and closing ceremonies of every school year which are conducted almost exactly the same way everywhere in Japan. At weddings, funerals and other important social events, what people wear and how people should behave are prescribed in great detail in etiquette books. School teachers and public servants are reluctant to do things without precedence. In corporate Japan, a lot of time and effort is put into feasibility studies and all the risk factors must be worked out before any project can start. Managers ask for all the detailed facts and figures before taking any decision. This high need for Uncertainty Avoidance is one of the reasons why changes are so difficult to realize in Japan.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขนาดหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนได้ทำ ด้วยวิธีการที่สังคมกับความเป็นจริงที่สามารถทราบอนาคตไม่: เราควรพยายามควบคุมในอนาคต หรือเพียงแค่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ ความคลุมเครือนี้จะมีความวิตกกังวลและวัฒนธรรมที่แตกต่างได้เรียนรู้การจัดการกับความวิตกกังวลนี้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ขอบเขตซึ่งสมาชิกของวัฒนธรรมรู้สึกคาม โดยชัดเจน หรือไม่ทราบสถานการณ์ และสร้างความเชื่อและสถาบันที่พยายามที่จะหลีกเลี่ยงเหล่านี้อยู่เป็นประจำในการให้คะแนนในการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนที่ญี่ปุ่น 92 เป็นหนึ่งของความไม่แน่นอนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงประเทศบนโลก นี้มักจะเกิดจากในความเป็นจริงที่ว่า ญี่ปุ่นถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง โดยภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหว สึนามิ (เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ในระดับนานาชาติ) บางครั้งการปะทุของภูเขาไฟ ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ญี่ปุ่นเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน นี้จะไม่เพียงแต่ สำหรับแผนฉุกเฉินและมาตรการป้องกันภัยพิบัติฉับพลัน แต่ ในทุกแง่มุมอื่น ๆ ของสังคม คุณสามารถพูดได้ว่า ในประเทศญี่ปุ่น ดำเนินการใด ๆ ที่มีกำหนดสำหรับแอพพลิเคชันได้สูงสุด จากอู่ไปป่าช้า ชีวิตมีสูง ritualized และคุณมีจำนวนมากของพิธี ตัวอย่าง มีการเปิด และปิดพิธีทุกปีโรงเรียนที่ดำเนินการเกือบตรงเหมือนกันทุกวิธีในญี่ปุ่น ที่งานแต่งงาน ศพหรือสังคมสำคัญอื่น ๆ เครื่องแต่งกายคนใดและวิธีที่ต้องการให้คนทำจะกำหนดในรายละเอียดมากในหนังสือมารยาท โรงเรียนครูและข้าราชการประชาชนจะไม่ทำสิ่งที่ไม่สำคัญ ในญี่ปุ่นบริษัท จำนวนมากเวลาและความพยายามที่จะใส่ลงในการศึกษาความเป็นไปได้ และต้องทำงานปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดออกก่อนสามารถเริ่มโครงการใด ๆ ผู้จัดการขอความทั้งหมดในรายละเอียดข้อเท็จจริงและตัวเลขก่อนตัดสิน สูงนี้ต้องหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมเปลี่ยนแปลงยากดังนั้นจะรับรู้ในญี่ปุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนมิติที่มีจะทำอย่างไรกับวิธีการที่สังคมที่เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าในอนาคตจะไม่เป็นที่รู้จักไปนี้: เราควรจะพยายามที่จะควบคุมในอนาคตหรือเพียงแค่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ความคลุมเครือนี้ทำให้มีความวิตกกังวลและวัฒนธรรมที่แตกต่างได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับความวิตกกังวลในรูปแบบที่แตกต่างกัน ขอบเขตที่สมาชิกของวัฒนธรรมที่รู้สึกว่าถูกคุกคามโดยสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนหรือไม่รู้จักและได้สร้างความเชื่อและสถาบันการศึกษาที่มีความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นในการให้คะแนนในการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน. ที่ 92 ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในความไม่แน่นอนมากที่สุดหลีกเลี่ยงประเทศบนโลก นี่คือโทษมักจะความจริงที่ว่าญี่ปุ่นจะถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องโดยภัยพิบัติทางธรรมชาติจากแผ่นดินไหวสึนามิ (นี้เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ในต่างประเทศ) พายุไต้ฝุ่นการปะทุของภูเขาไฟจะ ภายใต้สถานการณ์เหล่าญี่ปุ่นเรียนรู้ที่จะเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนใด ๆ นี้จะไม่เพียง แต่สำหรับแผนฉุกเฉินและข้อควรระวังสำหรับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างฉับพลัน แต่ยังสำหรับทุกแง่มุมอื่น ๆ ของสังคม อาจกล่าวได้ว่าในสิ่งที่ญี่ปุ่นคุณจะถูกกำหนดไว้สำหรับการคาดการณ์สูงสุด จากอู่ที่หลุมฝังศพของชีวิตเป็นอย่างมาก ritualized และคุณมีจำนวนมากของพิธี ตัวอย่างเช่นมีการเปิดและปิดพิธีกรของโรงเรียนทุกปีซึ่งจะดำเนินการเกือบตรงเช่นเดียวกับทุกที่ในประเทศญี่ปุ่น ในงานแต่งงานงานศพและกิจกรรมทางสังคมอื่น ๆ ที่สำคัญสิ่งที่คนสวมใส่และวิธีการที่คนควรประพฤติที่กำหนดในรายละเอียดในหนังสือมารยาท ครูในโรงเรียนและคนรับใช้ประชาชนไม่เต็มใจที่จะทำสิ่งที่ไม่สำคัญ องค์กรในประเทศญี่ปุ่นจำนวนมากของเวลาและความพยายามจะใส่ลงในศึกษาความเป็นไปและปัจจัยเสี่ยงจะต้องทำงานออกก่อนที่โครงการใด ๆ ที่สามารถเริ่มต้น ผู้จัดการขอทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงและตัวเลขก่อนที่จะตัดสินใจใด ๆ นี้ความต้องการสูงสำหรับการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องยากที่จะตระหนักในญี่ปุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มิติการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนได้จะทำอย่างไรกับวิธีการที่สังคมที่เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าอนาคตจะไม่รู้จักเราควรจะพยายามควบคุมอนาคตหรือเพียงแค่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น ความคลุมเครือนี้มาด้วยความวิตกกังวลและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับความวิตกกังวลนี้ในวิธีที่แตกต่างกันขอบเขตที่สมาชิกของวัฒนธรรมรู้สึกถูกคุกคามโดยคลุมเครือหรือที่ไม่รู้จักสถานการณ์ และได้สร้างความเชื่อและสถาบันที่พยายามที่จะหลีกเลี่ยงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงคะแนนในการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน .

ที่ 92 ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนของโลก นี้มักจะเกิดจากเรื่องที่ญี่ปุ่นอยู่ตลอดเวลาถูกคุกคามจากภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหวคลื่นสึนามิ ( นี่เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ในระดับสากล ) , ไต้ฝุ่นการปะทุของภูเขาไฟ ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ญี่ปุ่นเรียนเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนใด ๆ นี้จะไม่เพียง แต่สำหรับแผนและมาตรการป้องกันฉุกเฉินสำหรับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างฉับพลัน แต่ยังด้านอื่น ๆของทุกสังคมคุณอาจพูดได้ว่า ในญี่ปุ่น สิ่งที่คุณทำคือกำหนดให้สามารถคาดการณ์ได้สูงสุด ตั้งแต่เกิดจนตาย ชีวิต ritualized สูงและคุณมีพิธี . ตัวอย่างเช่น มีพิธีเปิดและปิดของทุกโรงเรียนที่ดำเนินการเกือบตรงเดียวกันวิธีทุกที่ในญี่ปุ่น ในงานแต่งงาน งานศพ และกิจกรรมทางสังคมที่สำคัญอื่น ๆสิ่งที่ผู้คนสวมใส่และวิธีการที่คนควรจะทำไว้ในรายละเอียดที่ดีในหนังสือมารยาท ครูและข้าราชการ จะไม่เต็มใจที่จะทำสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ ในองค์กรญี่ปุ่น มากของเวลาและความพยายามที่ใส่ลงไปในการศึกษาความเป็นไปได้ และปัจจัยความเสี่ยงทั้งหมดจะต้องทำงานออกก่อนที่โครงการใดจะเริ่มผู้จัดการขอรายละเอียดทั้งหมดตัวเลขและข้อเท็จจริงก่อนที่จะตัดสินใจใด ๆ ความต้องการสูงสำหรับการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงจึงยากที่จะตระหนักในญี่ปุ่น