Humification[edit]Transformation of

Humification[edit]
Transformation of organic matter into humus[edit]
The process of "humification" can occur naturally in soil, or in the production of compost. The importance of chemically stable humus is thought by some to be the fertility it provides to soils in both a physical and chemical sense,[11] though some agricultural experts put a greater focus on other features of it, such as its ability to suppress disease.[12] It helps the soil retain moisture[13] by increasing microporosity,[14] and encourages the formation of good soil structure.[15][16] The incorporation of oxygen into large organic molecular assemblages generates many active, negatively charged sites that bind to positively charged ions (cations) of plant nutrients, making them more available to the plant by way of ion exchange.[17] Humus allows soil organisms to feed and reproduce, and is often described as the "life-force" of the soil.[18][19]

Plant remains (including those that passed through an animal gut and were excreted as faeces) contain organic compounds: sugars, starches, proteins, carbohydrates, lignins, waxes, resins, and organic acids. The process of organic matter decay in the soil begins with the decomposition of sugars and starches from carbohydrates, which break down easily as detritivores initially invade the dead plant organs, while the remaining cellulose and lignin break down more slowly.[20] Simple proteins, organic acids, starches and sugars break down rapidly, while crude proteins, fats, waxes and resins remain relatively unchanged for longer periods of time. Lignin, which is quickly transformed by white-rot fungi,[21] is one of the main precursors of humus,[22] together with by-products of microbial[23] and animal[24] activity. The end-product of this process, the humus, is thus a mixture of compounds and complex life chemicals of plant, animal, or microbial origin that has many functions and benefits in the soil. Earthworm humus (vermicompost) is considered by some to be the best organic manure there is.[25]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Humification [แก้]การเปลี่ยนแปลงของอินทรีย์ในซากพืช [แก้]กระบวนการของ "humification" สามารถเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในดิน หรือ ในการผลิตปุ๋ยหมัก ความสำคัญของซากพืชความเสถียรทางเคมีเป็นความคิดที่มีความอุดมสมบูรณ์แก่ดินทั้งทางกายภาพและเคมีรู้สึก, [11] แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญเกษตรใส่เน้นคุณสมบัติอื่น ๆ ของมัน เช่นความสามารถในการระงับโรค [12]ช่วยให้ดินรักษาความชุ่มชื้น [13] โดยการเพิ่ม microporosity, [14] และกระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของโครงสร้างของดินดี [15] [16] การรวมตัวของออกซิเจนใน assemblages โมเลกุลอินทรีย์ขนาดใหญ่สร้างใช้งาน มีเว็บไซต์จำนวนมากที่ผูกกับไอออนที่มีประจุบวก (แคทไอออน) ของธาตุอาหารพืช การเพิ่มเติมไปยังโรงงานโดยวิธีแลกเปลี่ยนไอออน [17] ซากพืชช่วยให้ดินมีชีวิตให้อาหาร และการทำ ซ้ำ และมักจะอธิบายว่า "-พลังชีวิต" ของดิน [18] [19]ซากพืช (รวมถึงผู้ ที่ผ่านจากลำไส้สัตว์ถูกขับออกมาเป็นอุจจาระ) ประกอบด้วยสารอินทรีย์: น้ำตาล แป้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต lignins ไข เรซิ่น และกรดอินทรีย์ กระบวนการของการสลายตัวของอินทรีย์ในดินเริ่มต้น ด้วยการแยกส่วนประกอบของน้ำตาล และแป้งจากคาร์โบไฮเดรต ซึ่งแบ่งได้ง่าย ๆ เป็น detritivores เริ่มบุกอวัยวะพืชที่ตายแล้ว ในขณะที่เหลือเซลลูโลสและลิกนิแบ่งเพิ่มเติมอย่างช้า ๆ [20] ง่ายโปรตีน กรดอินทรีย์ แป้ง และน้ำตาลทำลายลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่น้ำมันดิบโปรตีน ไขมัน แวกซ์ และเรซิ่นยังคงค่อนข้างระยะเวลานานของเวลา ลิกนิ ซึ่งมีแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยเชื้อราขาวเน่า, [21] เป็นสารตั้งต้นหลักของฮิวมัส, [22] อย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกับผลิตภัณฑ์ของเชื้อจุลินทรีย์ [23] และกิจกรรมสัตว์ [24] ผลิตภัณฑ์สุดท้ายของกระบวนการนี้ ซากพืช จึงมีส่วนผสมของสารและสารเคมีอายุการใช้งานที่ซับซ้อนของพืช สัตว์ หรือกำเนิดจุลินทรีย์ที่มีหลายหน้าที่และผลประโยชน์ในดิน ซากพืชไส้เดือน (vermicompost) ถือว่าที่ทำดีที่สุดอินทรีย์ปุ๋ยมี [25]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกิดฮิวมัส [แก้ไข]
การเปลี่ยนแปลงของสารอินทรีย์เข้าไปในซากพืช [แก้ไข]
กระบวนการของการ "เกิดฮิวมัส" สามารถเกิดขึ้นตามธรรมชาติในดินหรือในการผลิตปุ๋ยหมัก ความสำคัญของซากพืชเสถียรทางเคมีเป็นความคิดโดยที่จะเป็นความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินทั้งในความรู้สึกทางกายภาพและเคมี [11] แม้บางผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรใส่สำคัญมากขึ้นในคุณสมบัติอื่น ๆ ของมันเช่นความสามารถในการปราบปรามโรค . [12] มันจะช่วยให้ดินเก็บความชื้น [13] โดยการเพิ่ม microporosity [14] และกระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของโครงสร้างของดินที่ดี. [15] [16] รวมตัวกันของออกซิเจนเข้าสู่ขนาดใหญ่ assemblages โมเลกุลอินทรีย์สร้างการใช้งานเว็บไซต์ที่มีประจุลบหลายอย่างที่ผูกกับไอออนประจุบวก (ไพเพอร์) ของธาตุอาหารพืชที่ทำให้พวกเขามีมากขึ้นไปยังโรงงานโดยวิธีการแลกเปลี่ยนไอออน. [17] ฮิวมัสช่วยให้มีชีวิตในดินให้อาหารและการทำซ้ำและมักจะอธิบายว่า "พลังชีวิต" ของดิน. [18] [19]

ซากพืช (รวมทั้งผู้ที่ผ่านไปผ่านลำไส้สัตว์และการถูกขับออกมาเป็นอุจจาระ) มีสารอินทรีย์ : น้ำตาลแป้งโปรตีนคาร์โบไฮเดรต lignins ขี้ผึ้งเรซินและกรดอินทรีย์ กระบวนการของการสลายสารอินทรีย์ในดินเริ่มต้นด้วยการสลายตัวของน้ำตาลและแป้งจากคาร์โบไฮเดรตซึ่งทำลายลงได้อย่างง่ายดายเช่น detritivores แรกบุกอวัยวะพืชตายในขณะที่เซลลูโลสและลิกนินที่เหลือทำลายลงอย่างช้า ๆ . [20] โปรตีนง่ายกรดอินทรีย์แป้งและน้ำตาลทำลายลงอย่างรวดเร็วในขณะที่โปรตีนหยาบไขมันไขและเรซินยังคงค่อนข้างคงที่เป็นระยะเวลานานของเวลา ลิกนินซึ่งจะเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วโดยเชื้อราสีขาวเน่า [21] เป็นหนึ่งในสารตั้งต้นหลักของซากพืช [22] ร่วมกับโดยผลิตภัณฑ์ของจุลินทรีย์ [23] และสัตว์ [24] กิจกรรม End-สินค้าของกระบวนการนี้, ปุ๋ยอินทรีย์, จึงเป็นส่วนผสมของสารประกอบและสารเคมีที่ซับซ้อนของชีวิตพืชสัตว์หรือแหล่งกำเนิดของจุลินทรีย์ที่มีฟังก์ชั่นและสิทธิประโยชน์มากมายในดิน ซากพืชไส้เดือนดิน (ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน) คือการพิจารณาโดยบางที่จะปุ๋ยอินทรีย์ที่ดีที่สุดมี. [25]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฮิวมิฟิเกชั่น [ แก้ไข ]การเปลี่ยนแปลงอินทรียวัตถุในปุ๋ยอินทรีย์ [ แก้ไข ]กระบวนการ " ฮิวมิฟิเกชั่น " สามารถเกิดขึ้นตามธรรมชาติในดินหรือในการผลิตปุ๋ยหมัก ความสำคัญของปุ๋ยอินทรีย์ คือ คิดว่าเสถียรทางเคมีโดยมีความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ทั้งในความรู้สึกทางกายภาพ และทางเคมี [ 11 ] แต่บางผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรให้มากขึ้น เน้นคุณสมบัติอื่น ๆของมัน เช่น ความสามารถในการปราบโรค [ 12 ] มันช่วยให้ดินรักษาความชื้น [ 13 ] โดย เพิ่ม microporosity [ 14 ] และกระตุ้นการก่อตัวของโครงสร้างดินดี [ 15 ] [ 16 ] การรวมตัวของออกซิเจนในโมเลกุลขนาดใหญ่อินทรีย์ทะเลของทะเลสร้างหลายงาน , เว็บไซต์ที่ให้ประจุลบไอออน ( ไอออน มีประจุบวก ) ของธาตุอาหารพืช ทําให้สามารถใช้ได้กับพืชโดยวิธีการแลกเปลี่ยนไอออน . 17 ) ฮิวมัสช่วยให้สิ่งมีชีวิตในดินให้อาหารและการทำซ้ำและการอธิบายมักจะเป็น " พลังแห่งชีวิต " ของ ดิน [ 18 ] [ 19 ]พืชยังคง ( รวมทั้งผู้ที่ผ่านการท้องและถูกขับออกมาเป็นอุจจาระสัตว์ ) ประกอบด้วยสารประกอบอินทรีย์ : น้ำตาล แป้ง , โปรตีน , คาร์โบไฮเดรต , ลิกนิน , เรซิ่น , waxes และกรดอินทรีย์ กระบวนการของการสลายตัวของอินทรีย์วัตถุในดิน เริ่มต้นด้วยการสลายตัวของน้ำตาลและแป้งจากคาร์โบไฮเดรต ซึ่งแบ่งได้เป็น detritivores เริ่มบุกพืชตายอวัยวะในขณะที่เซลลูโลสและลิกนินที่เหลือแบ่งลงช้า [ 20 ] ง่าย โปรตีน กรดอินทรีย์ แป้งและน้ำตาลทำลายลงอย่างรวดเร็วในขณะที่ดิบโปรตีน ไขมัน , waxes และเรซินยังคงค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงสำหรับระยะเวลานานของเวลา ลิกนินซึ่งเป็นอย่างรวดเร็วแปลงโดยขาวเน่าเชื้อรา [ 21 ] เป็นสารหลักของปุ๋ยอินทรีย์ [ 22 ] ร่วมกับผลิตภัณฑ์ของจุลินทรีย์และสัตว์ [ 23 ] [ 24 ] กิจกรรม ผลิตภัณฑ์สุดท้ายของกระบวนการนี้ ฮิวมัส จึงเป็นส่วนผสมของสารประกอบ และชีวิตที่ซับซ้อนสารเคมีของพืช สัตว์ จุลินทรีย์ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีหลายหน้าที่ และประโยชน์ในดิน ไส้เดือนดิน ( Vermicompost ) ฮิวมัสเป็นพิจารณาโดยบางส่วนเป็นดีที่สุด ปุ๋ยคอกมี [ 25 ]