As indicated the theoretical framew

As indicated the theoretical framework for this study was built on the bases of the Health
Belief Model where it has been suggested that attempting to influence the regular tooth
brushing (twice a day or more) requires an understanding of the beliefs that strengthen this
behavior [18]. According to the Health Belief Model, previous investigators reported
contradictory findings. A group of investigators have found that the model was good in
predicting oral health behavior (13,17), while the others reported that although the model
could be used, its limitations should be recognized (11,16). Thus, we aimed to investigate the
model to see how this works in preadolescents. In fact our first hypothesis was that oral
health beliefs would have considerable predicting power in tooth brushing frequency in
preadolescents. The second hypothesis was to find out which constructs of the Health Belief
Model could predict tooth-brushing frequency in preadolescents.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามที่ระบุในกรอบทฤษฎีสำหรับการศึกษานี้ถูกสร้างขึ้นบนฐานของสุขภาพ
รูปแบบความเชื่อที่ได้รับการแนะนำที่พยายามจะมีอิทธิพลต่อการฟันปกติ
แปรง (สองวันหรือมากกว่า) ต้องมีความเข้าใจความเชื่อที่เสริมนี้
พฤติกรรม [18] รายงานตามรูปแบบความเชื่อด้านสุขภาพ นักก่อนหน้า
ผลการวิจัยขัดแย้ง กลุ่มนักสืบพบว่า รูปแบบดีใน
คาดการณ์พฤติกรรมสุขภาพช่องปาก (13,17), ในขณะที่คนอื่น ๆ รายงานว่า แม้ว่ารูปแบบ
อาจใช้ ข้อจำกัดที่ควรรู้จัก (11,16) ดังนั้น เรามีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการ
จำลองเพื่อดูวิธีใช้งานใน preadolescents ในความเป็นจริงสมมติฐานแรกของเราถูกที่ปาก
ความเชื่อสุขภาพจะมีพลังงานจำนวนมากที่คาดการณ์ในความถี่ในการแปรงฟัน
preadolescents สมมติฐานที่สองคือการ ค้นหาซึ่งโครงสร้างของความเชื่อสุขภาพ
แบบจำลองอาจทำนายความถี่แปรงฟันใน preadolescents

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามที่ระบุกรอบทฤษฎีการศึกษาครั้งนี้ถูกสร้างขึ้นบนฐานของสุขภาพ
แบบแผนความเชื่อที่ได้รับการแนะนำว่าพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อการฟันปกติ
การแปรงฟัน (วันละสองครั้งหรือมากกว่า) ต้องใช้ความเข้าใจของความเชื่อนี้ที่เสริมสร้าง
พฤติกรรม [18 ] ตามแบบความเชื่อด้านสุขภาพนักวิจัยที่เคยรายงาน
ผลการวิจัยที่ขัดแย้งกัน กลุ่มของนักวิจัยได้พบว่ารูปแบบเป็นสิ่งที่ดีใน
การทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก (13,17) ในขณะที่คนอื่น ๆ รายงานว่าแม้รูปแบบ
จะถูกนำไปใช้ข้อ จำกัด ของมันควรจะได้รับการยอมรับ (11,16) ดังนั้นเราจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา
รูปแบบที่จะเห็นวิธีการทำงานใน preadolescents นี้ ในความเป็นจริงสมมติฐานแรกของเราก็คือว่าในช่องปาก
ความเชื่อด้านสุขภาพจะมีอำนาจมากในการทำนายความถี่แปรงฟันใน
preadolescents สมมติฐานที่สองคือเพื่อหาที่สร้างจากความเชื่อด้านสุขภาพ
รุ่นสามารถทำนายความถี่ฟันแปรงใน preadolescents

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามที่ระบุกรอบทฤษฎีในการศึกษานี้สร้างบนฐานของสุขภาพ
รูปแบบความเชื่อที่มันได้รับการแนะนำว่าพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อ
ฟันปกติการแปรง ( วันละสองครั้งหรือมากกว่า ) ต้องมีความเข้าใจในเรื่องของความเชื่อ ที่เสริมสร้างพฤติกรรมนี้
[ 18 ] ตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ , นักวิจัยก่อนหน้านี้รายงาน
ไม่พบกลุ่มของนักวิจัยได้พบว่า แบบจำลองที่ดีใน
ทำนายพฤติกรรมทันตสุขภาพ ( 13,17 ) ในขณะที่คนอื่น ๆรายงานว่าแม้ว่ารูปแบบ
อาจใช้ข้อจำกัดของมันควรจะยอมรับ ( 11,16 ) ดังนั้นเราจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา
รูปแบบเพื่อดูวิธีการนี้ทำงานในความสัมพันธ์ใกล้ชิด . ในความเป็นจริงสมมติฐานแรกของเราคือ ช่องปาก
ความเชื่อด้านสุขภาพมีมากใช้พลังงานในความถี่ในการแปรงฟัน
ความสัมพันธ์ใกล้ชิด . สมมติฐานที่สองคือการดูที่โครงสร้างของความเชื่อ
สุขภาพแบบจำลองสามารถทำนายความสัมพันธ์ใกล้ชิดความถี่ในการแปรงฟัน .