พระราชปณิธานอันแน่วแน่ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บรรเทาวิกฤติการณ์ ขาดแคลนน้ำอย่างร้ายแรง "ขาดน้ำ ทุกชีวิตสิ้นสุดทันที" การรักษาแหล่งน้ำ ไว้ให้เป็นที่พึ่งพาอาศัย ของมวลสัตว์โลกทั้งหลายนั้น น่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ใครช่วยกันได้ ก็น่าจะช่วยคนละไม้คนละมือ อย่างน้อยช่วยกันป้องกันมิให้ บ่อ คลอง แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทรสกปรก ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต้องรู้ว่ายิ่งคนมากขึ้น ของสกปรกต่างๆ ที่เราระบายสู่แม่น้ำ ทะเลนั้นมีมากพอที่จะทำลายพันธุ์สัตว์น้ำ ที่คนอาศัยเลี้ยงชีวิต คนยังใช้ยาฆ่าพืช ฆ่าแมลง ที่แรง และสลายตัวได้ยากกันอย่างมาก
ด้วยความคิดเพียงแต่ จะสะดวก เร็ว และ ง่าย เท่านั้น ไม่คิดว่าสารเคมีเหล่านั้น รวมทั้งของที่คนไม่ต้องการแล้ว จะไปสะสมร่วมกัน ทำลายชีวิตสัตว์ที่เป็นประโยชน์ ต่อชีวิตคน คนมัวแต่คิดว่าทำอย่างไร เราถึงจะรวยเร็วๆ จะได้โน้น จะได้นี่ดังใจปอง เห็นป่าสงวนเข้า ก็ยอมเสียเงินจำนวนหนึ่ง ว่าจ้างให้คนจนตัดไม้ขายออกต่างประเทศ คนจนเหล่านั้นก็เสียรู้ นึกว่าตัดป่าขายดี สะดวกดี รวยเร็วดี ป่าไม่เห็นเป็นประโยชน์อะไร กับพวกเรา ขัดขวางไม่ให้เรามีไร่นา
จึงมาคิดว่าที่มี พระราชดำรินานมาแล้วว่า จะทำให้ป่าไม้เป็นประโยชน์ กับพวกเราเองทั้งสิ้น การปฏิบัติให้เขาได้ เห็นเองว่าป่าไม้เป็นของ ประชาชนคนไทยเป็นส่วนใหญ่ เป็นส่วนรวมจริงๆ อาจจะพอที่จะลดการ ลักลอบตัดไม้ไปได้บ้าง พวกเราที่ได้มีโอกาส อ่านเรียนมาก ควรร่วมมือกันสละเวลา ส่วนตัวไปดูแลให้ชาวนา ชาวไร่ ได้มีความสุขขึ้น ด้วยความรู้จักรักษา ผลประโยชน์ ของพวกเขาเองไว้ ในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ให้คนยากจน ช่วยให้เรารวยได้เร็วๆ ประเทศไทยจะเป็นประเทศ ประชาธิปไตยได้ อย่างสมบูรณ์ที่สุด
ถ้าพวกเราต่อสู้กับ ความยากจน ความหิว ขาดความรู้ อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับสั่งกับนักข่าว BBC เวลาเขาถามพระองค์ท่านว่า "เสด็จมาทำอะไรกันที่ชายแดน มีทหารล้อมหน้าล้อมหลัง จะมาสู้กับคอมมิวนิสต์หรือ?" พระองค์ทรงรับสั่งว่า "พวกเรามาอยู่ที่นี่ ก็เพราะที่นี่ขาดน้ำทำกิน เรามาสู้กับความยากจน นานาประการ เพื่อให้คนไทย เป็นไทแก่ตนอย่าง แท้จริงให้เหมาะสมกับ ระบอบประชาธิปไตย ที่ท่านทั้งหลาย ก็สนับสนุน อยู่มิใช่หรือ"
คนไทยส่วนใหญ่ มีความฉลาดลึกซึ้ง ในการต่อสู้เพื่อชีวิต เขารักการทำนา คุณสมบัตินี้ น่ายกย่องสนับสนุน ชาวนาต้องต่อสู้ เพื่อยังชีวิตอย่างหนัก น้ำเป็นปัจจัยสำคัญยิ่ง ที่ควรช่วยสนับสนุนเขาทุกทาง และชาวนาไทยฉลาดล้ำ ในความยึดมั่นเพียงปัจจัยสี่ ตามที่พระพุทธองค์ ของเราทรงสอนไว้ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่ ยารักษาโรค นักวิชาการของโลกรู้ดี ถึงสภาพจิตใจที่รู้ดีแล้ว ของชาวนาไทย ถึงกับลงพิมพ์ยกย่องทำนายว่า เมืองไทยจะเจริญต่อไป เพราะสภาพจิตหยั่งรู้ ในการต่อสู้ เพื่อดำรงชีวิต ของชาวนาไทย ผิดกับชาวนาหลายประเทศ ที่หลงงมงายกับความเจริญ ทางวัตถุที่ฟุ่มเฟือยนา ๆ ประการ รถยนต์ ไฟฟ้า เครื่องโทรทัศน์ บ้านจะโย้เย้อย่างไร ต้องมีโทรทัศน์ ต้องใช้รถแทรกเตอร์ จึงจะทำนาทำไร่ได้ผล ทำให้ประเทศชาติ ต้องเป็นหนี้สินรุงรัง ชนิดที่แบงค์โลก วิตกว่าจะให้กู้ต่อไป อย่างไรไหว มิใช่แต่ ธกส. เท่านั้น ที่วิตกว่าจ่ายเงิน ออกไปท่าเดียว ไม่ได้เงินไหลกลับเข้ามาเลย น่ายกย่องน่าภูมิใจ ในชาวนาไทยหมู่มาก ของเรายิ่งนัก ที่ยังช่วยจรรโลงการเงิน ของประเทศชาติอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะโดนล่อหลอก ให้หลงระเริงออกไป สู่ความหายนะอย่างไร ส่วนใหญ่ของเขา ยังยึดมั่นในข้าว ถึงจะมี เพชร ทอง ตึกรามมโหฬาร ธนบัตร เป็นหีบๆ ก็ตายอยู่ดี ถ้าในห้างหรูหราเกิดวิกฤติ ขาดอาหารขึ้นมา อย่างฉับพลัน เช่นในประเทศเพื่อนบ้าน ใกล้เคียงบางประเทศของเรา
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเห็นว่าป่าไม้ ในพื้นที่ต่าง ๆ กำลังถูกแผ้วถางทำลาย อย่างรวดเร็ว จึงทรงมีพระราชดำริ ให้มีการชักชวนประชาชนทั่วไป และข้าราชการส่วนต่าง ๆ ร่วมกันปลูกป่าตัวอย่าง เพื่อเป็นการชักชวนให้ ประชาชนเกิดความรู้สึกรัก และหวงแหนป่าไม้
ดังนั้น จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ทำพิธีขึ้นครั้งแรก ที่บริเวณเชิงภูผาเหล็ก ติดกับอ่างเก็บน้ำคำจวง บ.ถ้ำติ้ว อ.ส่องดาว จ.สกลนคร เมื่อวันที่ ๒๐ ธ.ค.๒๕๒๕ เวลา ๑๔๐๐ โดยในพิธีทรงให้มีการ บวงสรวงเทพารักษ์ เจ้าป่ามาสถิตย์อยู่ ณ ป่าแห่งนั้นด้วย และพระองค์ทรงปลูกป่า เป็นตัวอย่างด้วยพระองค์เอง จำนวน ๑ ไร่ พร้อมทั้ง พระราชทานชื่อโครงการนี้ว่า โครงการป่ารักน้ำ
ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวน ๕ โครงการ ได้แก่
1. โครงการป่ารักน้ำ บ้านถ้ำติ้ว ตำบลส่องดาว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร
2. โครงการป่ารักน้ำ บ้านป่ารักน้ำ ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
3. โครงการป่ารักน้ำ บ้านกุดนาขาม ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร
4. โครงการป่ารักน้ำ บ้านจาร ตำบลม่วง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร
5. โครงการป่ารักน้ำ บ้านทรายทอง ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร