The study of the geograp

  The study of the geographical distribution of firms and of the dynamic pattern of firms’ entries and
exits is a particularly relevant issue in regional economics especially in view of policy
interventions.
The current state of the art in the study of new firm formation and firm exit (see, e.g., Armington
and Acs, 2002; Folta et al., 2006; Andersson and Koster, 2011; Raspe and van Oort, 2011) puts
together a comprehensive set of empirical methodologies involving data aggregated at macro
(national) or meso (e.g. regional) territorial levels, in which observations typically consist of
administrative units (such as regions, counties and municipalities). With the use of regional-level
data, several studies have successfully investigated the sources of regional variations in firm
demographic events, thus addressing the importance of the context in which economic agents act,
and the consequent local nature of firm events (see, for example, Sternberg, 2012).
However, the lack of a systematic approach to analysis of this data at a micro-territorial level –
where the observations refer to the geographical coordinates of each individual firm – has partially
limited the possibility of obtaining robust evidence of the firm demographic phenomenon mainly
due to a problem of data scarcity and reliability. This may be regarded as a potential limitation for
at least two reasons. First of all, geographically aggregated data (such as regional firm entry and
exit rates) are based on arbitrary definitions of the spatial observational units and in this way
introduce a statistical bias arising from the discretional characterization of space (the so-called
modifiable areal unit problem or MAUP bias, see Arbia, 1989). Secondly, theoretical models of
new firms’ entries and exits generally postulate the behavior of the individual economic agent (see
Hopenhayn, 1992; Krueger, 2003; Lazear, 2005 among others). On one hand, this implies that
empirical methods based on regional aggregates can provide proper evidence to the theoretical
models only if the restrictive assumption of homogeneity of firm’s behavior across regions holds
true. On the other hand, it is not possible to disentangle the main kinds of agglomeration economies
into localization economies and urbanization economies, which is an important aim in the study of
spatial determinants of firm demographic events (see Renski, 2011; De Silva and McComb, 2012
among others).
To overcome such limitations, in this article we propose an approach to the analysis of the spatial
dynamics of firm formation/exit based on micro-geographic data. In particular, we illustrate the use
of the space-time inhomogeneous K-function (Gabriel and Diggle, 2009) to detect the spatio-
temporal clustering of firm entries and firm exits generated by the interaction between economic
agents while controlling for common factors (varying according to locality) and spatial and
temporal heterogeneity. In many respects, this paper can be considered as a further step towards an
appraisal of the methodological problems introduced in Arbia et al. (2010; 2012; 2013). In
particular, Arbia et al. (2010) analyze the spatial dynamics of firms as a point pattern, but assume
an underlying homogeneous space, while in Arbia et al. (2012) the assumption of homogeneity is
relaxed, but the analysis is limited to cross-sectional synchronic data. Finally in Arbia et al. (2013)
the issues of spatial dependence and spatial heterogeneity are treated jointly, but again with no
consideration for dynamics, thus being limited to cross-sectional observations. In this paper we
pursue the more ambitious (and more realistic) aim to jointly consider the space-time dynamics of a
set of firms distributed within a heterogeneous space. In particular, we propose to approach this
problem by applying the empirical methodology proposed by Gabriel and Diggle (2009).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาการกระจายทางภูมิศาสตร์ ของบริษัท และรูปแบบไดนามิกของรายการของบริษัท และ ออกจากเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเศรษฐกิจภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองนโยบาย แทรกแซง ออกจากปัจจุบันทันสมัยในการศึกษาการกำเนิดใหม่ของบริษัทและบริษัท (ดู เช่น Armington และ Acs, 2002 Folta และ al., 2006 Andersson และ Koster, 2011 Raspe และ van Oort, 2011) ทำให้ รวมกันชุดครอบคลุมของวิธีการรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับที่แมโคร (แห่งชาติ) หรือเมโสหน้า (เช่น) ดินแดน ระดับภูมิภาค การสังเกตการณ์โดยทั่วไปประกอบด้วย หน่วยบริหาร (เช่นภูมิภาค เขต และอำเภอ) มีการใช้ระดับภูมิภาค ข้อมูล การศึกษาต่าง ๆ ได้สำเร็จสืบสวนแหล่งมาของความแตกต่างภูมิภาคในบริษัท เหตุการณ์ประชากร การกำหนดความสำคัญของเนื้อหาในพระราชบัญญัติใดตัวแทนทางเศรษฐกิจ ดังนั้น และลักษณะเฉพาะผลลัพธ์ของเหตุการณ์ของบริษัท (ดู เช่น Sternberg, 2012) อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบบวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลในระดับไมโครน่าน- สังเกตที่อ้างอิงพิกัดทางภูมิศาสตร์ของแต่ละบริษัทแต่ละ – ได้บางส่วน จำกัดสามารถรับหลักฐานที่แข็งแกร่งของปรากฏการณ์ทางประชากรของบริษัทส่วนใหญ่ เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนข้อมูลและความน่าเชื่อถือ นี้อาจถือเป็นข้อจำกัดที่อาจเกิดขึ้นสำหรับ น้อยสองประการ แรกของข้อมูลทั้งหมด รวมกันทางภูมิศาสตร์ (เช่นรายการของบริษัทระดับภูมิภาค และ exit rates) are based on arbitrary definitions of the spatial observational units and in this way introduce a statistical bias arising from the discretional characterization of space (the so-called modifiable areal unit problem or MAUP bias, see Arbia, 1989). Secondly, theoretical models of new firms’ entries and exits generally postulate the behavior of the individual economic agent (see Hopenhayn, 1992; Krueger, 2003; Lazear, 2005 among others). On one hand, this implies that empirical methods based on regional aggregates can provide proper evidence to the theoretical models only if the restrictive assumption of homogeneity of firm’s behavior across regions holds true. On the other hand, it is not possible to disentangle the main kinds of agglomeration economies into localization economies and urbanization economies, which is an important aim in the study of spatial determinants of firm demographic events (see Renski, 2011; De Silva and McComb, 2012 among others). To overcome such limitations, in this article we propose an approach to the analysis of the spatial dynamics of firm formation/exit based on micro-geographic data. In particular, we illustrate the use of the space-time inhomogeneous K-function (Gabriel and Diggle, 2009) to detect the spatio-temporal clustering of firm entries and firm exits generated by the interaction between economic agents while controlling for common factors (varying according to locality) and spatial and heterogeneity ขมับ หลายประการ กระดาษนี้สามารถพิจารณาเป็นขั้นตอนไปสู่การ ประเมินปัญหา methodological นำใน Arbia et al. (2010; 2012, 2013) ใน เฉพาะ Arbia et al. (2010) วิเคราะห์ปริภูมิของบริษัทเป็นลายจุด แต่สมมติ พื้นที่เหมือนที่เป็นต้น ในขณะที่เป็นสมมติฐานของ homogeneity ใน Arbia et al. (2012) ผ่อนคลาย แต่การวิเคราะห์ข้อมูลเหลว synchronic จำกัด สุดท้ายใน Arbia et al. (2013) ปัญหาของปริภูมิพึ่งพาและปริภูมิ heterogeneity จะรับร่วม แต่อีกไม่ พิจารณาสำหรับ dynamics จึง จำกัดการสังเกตเหลว ในเอกสารนี้เรา คดีทะเยอทะยานมากขึ้น (และยิ่ง) จุดมุ่งหมายเพื่อร่วมกันพิจารณาเปลี่ยนแปลง space-time มี ชุดของบริษัทที่แจกจ่ายในพื้นที่ที่แตกต่างกัน เราเสนอการวิธีการนี้โดยเฉพาะ ปัญหา โดยใช้วิธีการประจักษ์ที่เสนอ โดย Gabriel และ Diggle (2009)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

         การศึกษาการกระจายทางภูมิศาสตร์ของ บริษัท และรูปแบบรายการแบบไดนามิกของบริษัทและ
ทางออกคือปัญหาที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเศรษฐศาสตร์ภูมิภาคโดยเฉพาะในมุมมองของนโยบาย
คล้อย
สถานะปัจจุบันของศิลปะในการศึกษาการสร้างบริษัทใหม่และ บริษัท ที่ออก ( เห็น เช่น อาร์มิงเติ้น
กับ ACS , 2002 ; โฟต้า et al . , 2006 ; แอนเดอร์ น และ คอสเตอร์ , 2011 ;raspe และรถตู้ oort 2011 ) ทำให้
ด้วยกันชุดครอบคลุมของลักษณะที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์หรือที่แมโคร
( แห่งชาติ ) หรือเมโส ( เช่นภูมิภาค ) ระดับดินแดนในที่การสังเกตโดยทั่วไปประกอบด้วย
หน่วยการบริหาร ( เช่นภูมิภาค จังหวัดและเทศบาล ) ด้วยการใช้ข้อมูลระดับ
ภูมิภาคการศึกษาหลายแห่งได้ทำการศึกษาแหล่งที่มาของการเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาค ในบริษัท
เหตุการณ์ประชากรจึงอยู่ในบริบทที่แสดงความสำคัญของตัวแทนทางเศรษฐกิจ
และธรรมชาติท้องถิ่นจากเหตุการณ์ของบริษัท ( ดู ตัวอย่างเช่น สเติร์นเบิร์ก , 2012 )
แต่ขาดความเป็นระบบเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลในระดับไมโคร (
น่านที่สังเกตอ้างอิงพิกัดทางภูมิศาสตร์ของแต่ละบุคคล–บริษัทได้บางส่วน
จำกัดเป็นไปได้ของการได้รับหลักฐานที่แข็งแกร่งของปรากฏการณ์ทางประชากร บริษัทส่วนใหญ่
เนื่องจากปัญหาขาดแคลนข้อมูลและความน่าเชื่อถือ นี้อาจจะถือว่าเป็นข้อ จำกัด ที่มีศักยภาพสำหรับ
อย่างน้อยสองเหตุผล ครั้งแรกของทั้งหมดรวมข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ( เช่นรายการ บริษัท ภูมิภาค และอัตราจะขึ้นอยู่กับ
ทางออก ) นิยามโดยพลการของพื้นที่สังเกตการณ์หน่วยและในวิธีนี้
แนะนำสถิติอคติที่เกิดจากการ discretional อวกาศ ( ที่เรียกว่า
ที่ปัญหาหรือเพิ่มหน่วย maup อคติ เห็น arbia , 1989 ) ประการที่สอง แบบจำลองของ
ของ บริษัท ใหม่รายการและทางออกโดยทึกทักเอาว่าพฤติกรรมของตัวแทนทางเศรษฐกิจแต่ละ ( ดู
hopenhayn , 1992 ; ครูเกอร์ , 2003 ; มัธยมศึกษาตอนต้น 2005 ท่ามกลางคนอื่น ๆ ) หนึ่งในมือบางที่
เชิงประจักษ์โดยวิธีกลุ่มภูมิภาคสามารถให้หลักฐานที่เหมาะสมกับรูปแบบทางทฤษฎี
ถ้าสมมติฐานของค่า จำกัด บริษัท เป็นพฤติกรรมที่ข้ามภูมิภาคถือ
จริงบนมืออื่น ๆ , มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปลดเปลื้องชนิดหลักของเศรษฐกิจในระบบเศรษฐกิจและการเมืองเศรษฐกิจ
จำกัด ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการศึกษาปัจจัยด้านประชากร
เหตุการณ์บริษัท ( ดู renski 2011 ; เดอ ซิลวา และ แมคคอมบ์ 2012
ในหมู่คนอื่น ๆ )
เอาชนะข้อจำกัดดังกล่าวในบทความนี้ได้เสนอวิธีการวิเคราะห์พลวัตของการออกจากพื้นที่
บริษัทบนพื้นฐานของข้อมูลทางภูมิศาสตร์ของไมโคร โดยเฉพาะ เราแสดงให้เห็นถึงการใช้
ของกาล- อวกาศ inhomogeneous k-function ( กาเบรียล และ ดิกเกิ้ล , 2009 ) เพื่อตรวจสอบ spatio -
เวลาแบ่งกลุ่มของรายการ บริษัท และ บริษัท ออกที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างเศรษฐกิจ
ตัวแทนในขณะที่การควบคุมปัจจัยทั่วไป ( แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น และมิติและ
ชั่วคราวที่สามารถ . ในหลายประการ กระดาษนี้ก็ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของปัญหาในการประเมิน
แนะนำใน arbia et al . ( 2553 ; 2554 ; 2013 ) ใน
โดยเฉพาะ arbia et al . ( 2010 ) วิเคราะห์พลศาสตร์เชิงพื้นที่ของ บริษัท เป็นจุดลาย แต่สมมติ
เป็นต้นเป็นเนื้อเดียวกันพื้นที่ในขณะที่ใน arbia et al . ( 2012 ) สมมติฐานของค่าคือ
ผ่อนคลาย แต่วิเคราะห์ถูก จำกัด ให้ข้อมูล synchronic แบบภาคตัดขวาง ในที่สุด arbia et al . ( 2013 )
ประเด็นเชิงพื้นที่และเชิงพื้นที่สามารถพึ่งพา จะปฏิบัติ แต่อีกที่ไม่มี
พิจารณาพลวัตจึงถูก จำกัด ให้สังเกตแบบภาคตัดขวาง ในกระดาษนี้เรา
คดีทะเยอทะยานมากกว่านี้ ( และมีเหตุผลมากกว่า ) จุดมุ่งหมายเพื่อร่วมกันพิจารณากาล- อวกาศพลศาสตร์ของ
ชุดของ บริษัท จัดจำหน่ายภายในพื้นที่เดียวกัน โดยเฉพาะ เราขอเสนอวิธีการแก้ปัญหานี้โดยใช้วิธีการเชิงประจักษ์
เสนอโดยกาเบรียล และ ดิกเกิ้ล ( 2009 )